บทที่ 1633 ไม่ใช่แฟนของฉัน
เรื่องนี้ช่างน่าขายหน้าเหลือเกินจริงๆ
ยู่ฉืยี่ซูเดินไปข้างๆเธอ เสียงเบาลงเล็กน้อย
“ไม่บอกใครก็ได้ แต่เธอต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ถางหยวนหยวนเงยหน้ามองอย่างสงสัย สบตาเข้ากับดวงตาลึกล้ำของยู่ฉือยี่ซูพอดี
มือของยู่ฉือยี่ซูกดลงบนศีรษะเธอ พูดเบาๆว่า“อย่าไม่สนใจไยดีพี่”
ได้ยินดังนั้น ถางหยวนหยวนหัวใจเต้นสั่นระรัว ตอนที่สบตากันหน้าของเธอแดงอย่างน่าอาย หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ก้มหน้า เอ่ยอย่างน้อยใจว่า“ฉันไม่สนใจพี่ที่ไหนกัน”
“ช่วงหลายวันมานี้ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเหรอ”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเรียนหนัก ไม่ใช่ว่าตั้งใจไม่สนใจ”
ยู่ฉือยี่ซูไม่พูดอะไร ทั้งสองคนเข้าสู่ความเงียบ
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ถางหยวนหยวนพูดเบาๆว่า“ถ้าพี่ไม่มีเรื่องอื่น อย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ ฉันยังต้องกลับไปทำการบ้านอีก”
ที่โต้ตอบเธอ ก็คือความเงียบงัน ถางหยวนหยวนมองไปที่ยู่ฉือยี่ซู เขากำลังจ้องมองเธออย่างจริงจัง เม้มริมฝีปากแน่น
“ถ้าพี่ไม่พูด อย่างนั้นหยวนหยวนก็จะคิดว่าตกลงแล้วนะ”
พูดจบถางหยวนหยวนสะพายกระเป๋าหนังสือหมุนตัวเตรียมจะวิ่ง ผลสรุปวิ่งไปได้สองก้าว กลับพบว่าขาของตนเองก้าวไม่ออก
ถางหยวนหยวนก้าวไปข้างหน้าอีก พบว่ายังก้าวไม่ไป
ดังนั้นเธอจึงหันกลับมาดู จึงเห็นว่ายู่ฉือยี่ซูยื่นมือมาดึงสายกระเป๋าเธอเอาไว้ด้วย
“พี่”
ยู่ฉือยี่ซูถอนหายใจเฮือกใหญ่“เรียกเธอออกมาคุย เธอก็รีบร้อนขนาดนี้ แล้วจะพูดอะไรต่อยังไง”
ถางหยวนหยวนกัดริมฝีปากล่างพูดว่า
“รูปที่ฉันใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ก่อนหน้านี้ล่ะ”
ทันใดนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็ถามคำถามที่ค่อนข้างน่าอายออกมาหนึ่งคำถาม
ถางหยวนหยวน“……รูปอะไร
ฉันไม่รู้”
รูปภาพนั้น ถูกเธอหยิบออกไปแล้ว เพราะในภาพมีตัวเธอเองด้วย สาเหตุที่เธอเอาไปมีสองข้อ หนึ่งคิดว่าในเมื่อพี่ชอบคนอื่นแล้ว อย่างนั้นตนก็ไม่ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ไม่เพียงแค่ตัวคน แม้แต่รูปถ่ายก็ไม่ต้อง
เธอก็จะได้หายสาบสูญจากชีวิตเขาไปเลย
ข้อสองสาเหตุก็คือ ในเมื่อเธอต้องการจะหายสาบสูญไปจากชีวิตเขา เอารูปไปก็สมควรแล้วนี่
“ไม่รู้เหรอ”
มือของยู่ฉือยี่ซูที่ดึงสายกระเป๋าหนังสือเธออยู่นั้น ค่อยๆดึงเธอให้ใกล้เข้ามาทีละนิดๆ จากนั้นก็ล็อคไหล่เธอเอาไว้ พลิกตัวเธอหันมามาหาตนเอง
“วันนั้นกระเป๋าสตางค์อยู่ในมือเธอ หลังจากกลับมารูปถ่ายก็หายไป เธอบอกว่าเธอไม่รู้เหรอ”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไม่รู้เลยว่าในกระเป๋าสตางค์พี่มีรูปถ่ายด้วยซ้ำ พี่ทำหล่นหายเองหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้”
ยู่ฉือยี่ซูพูดประโยคนั้นออกมาอย่างหนักแน่น“ฉันไม่มีทางทำรูปนั้นหล่นหายไปเด็ดขาด”
“ยังก็ไม่ใช่ฉันที่เอาไป”
ถางหยวนหยวนกัดฟัน ปฏิเสธหัวชนฝา
ยู่ฉือยี่ซูไม่พูดอะไรแล้ว จ้องเธออยู่นาน ทันใดนั้นก็พูดอย่างอดขำไม่ได้ว่า“หยวนหยวน เธอเอารูปพี่ไปทำอะไร
จะเอาไปซ่อนไว้ใช่มั้ย
อยากจะมองพี่นานๆเหรอ”
“เพ้อเจ้ออะไรของพี่”
ถางหยวนหยวนหน้าแดงเถียงว่า“ฉันไม่ได้จะทำแบบนั้นสักหน่อย ! ในภาพนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่พี่คนเดียว……”ยังพูดไม่ทันจบ ถางหยวนหยวนก็พบว่าตัวเองเข้าไปติดกับเขาแล้ว
แววตายู่ฉือยี่ซูมีรอยยิ้มเปล่งประกายวิบวับ น้ำเสียงอ่อนโยน“ยังบอกว่าไม่ได้เอาไปอีก”
ในชั่วพริบตานั้นเอง ถางหยวนหยวนรู้สึกว่าตนเองเปิดเผยออกมาต่อหน้าเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดถูกเขาเปิดโปงแล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนเอารูปถ่ายไป ไม่ได้คิดจะมาถามเธอ แต่ถามเพื่อให้เธอติดกับดักเขา
เขารู้ทุกอย่าง แต่กลับยังอยากจะเห็นเรื่องหน้าแตกของเธอ
ทันใดนั้น ถางหยวนหยวนก็นึกอะไรบางอย่างได้
หรือว่า พี่รู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาแต่แรกแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ ขอบตาถางหยวนหยวนก็แดงก่ำอย่างทนไม่ไหว
เดิมนัยน์ตาของยู่ฉือยี่ซูมีแต่รอยยิ้มแห่งความรักและเอ็นดู หลังจากที่เห็นว่าขอบตาของสาวน้อยแดงก่ำ รอยยิ้มก็จางหายไปหมด
“พี่คะ พี่รู้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ยคะ”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปาก เสียงแหบกระด้าง“รู้อะไร”
“พี่ไม่ต้องถาม พี่ก็รู้ ก็ใช่ พี่เป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากมาตลอด ทำไมจะไม่รู้ล่ะ
ใช่ ฉันเป็นหยิบรูปถ่าย แต่ฉันไม่ได้อยากคืนให้พี่เลยสักนิด
ในเมื่อพี่มีแฟนอยู่แล้ว อย่างนั้นฉันก็ควรจะอยู่ให้ห่างไกลพี่
ในรูปไม่ได้มีฉันคนเดียวก็จริง แต่ในรูปนั้นมีฉัน ดังนั้นฉันก็มีสิทธิ์ที่จะหยิบมันมา”
พูดมาถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนหลุบสายตา สายตาค่อยๆพร่ามัวขึ้นมา เสียงก็สะอึกสะอื้นเล็กน้อย
“ดังนั้นพี่จะทำเป็นเหมือนว่า รูปนั้นถูกพี่ไม่ระวังทำหล่นหายเอง ทำเป็นไม่รู้อะไรเลยได้มั้ยคะ
ไม่ต้องมาถามหารูปกับฉันแล้วได้มั้ย แล้วก็ไม่ต้องมาหาหยวนหยวนอีกได้มั้ยคะ”
พอเธอเห็นเขา เธอก็นึกถึงภาพที่เขาและเวินจิ่งหรัวยืนอยู่ด้วยกันวันนั้นจริงๆ เหมาะสมคู่ควรกันขนาดนั้น เทียบกับตนเองแล้ว เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตนเองอัปลักษณ์น่าเกลียด
ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ดีเลยจริงๆ
ภาพสาวน้อยร้องไห้ต่อหน้าเขา ก็เหมือนกับมีคนกำลังบีบลำคอของยี่ฉือยี่ซู ทำให้เขาหายใจไม่ออก
มือที่กุมหัวไหล่เธอ เพิ่มแรงแล้วก็คลายมือออก กลัวว่าจะบีบจนทำให้เธอเจ็บแล้ววิ่งหนีไปอีก ในใจและสมองสับสนวุ่นวายไปหมดยู่ฉือยี่ซูไม่รู้ว่าตนเองคิดอะไรอยู่ มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรบางอย่างกำลังพลิกตลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกเขาผลักอย่างรวดเร็วอีก
สุดท้าย อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็กลายเป็นประโยคหนึ่งที่เสียงแหบพร่า
“ใครบอกว่าพี่มีแฟนแล้ว”
เขากำลังพูดอะไร
ยู่ฉือยี่ซูควบคุมริมฝีปากตนเองไม่ได้เล็กน้อย แม้จะรู้ว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่อาจกลับคำได้
ถางหยวนหยวนชะงัก เงยหน้าดวงที่น้ำตาไหลสบตาเขา
“พี่มี วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็คือแฟนพี่”
“ใครบอกว่าหล่อนคือแฟนฉัน”
“ถ้าหล่อนไม่ใช่แฟนพี่ อย่างนั้นทำไมเธอถึงนั่งเบาะข้างคนขับ”
คำถามนี้ ยู่ฉือยี่ซูไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะตอนแรกก็คือเขาอยากให้เวินจิ่งหรัวช่วยเหลือ แต่ต่อมาหลังจากที่เห็นสาวน้อยจากไปด้วยความเสียใจ เริ่มปฏิเสธที่จะมาพบตนเอง เขาจึงพบว่าที่เขาทำแบบนี้ เป็นความผิดอย่างมหันต์
“พี่ตอบไม่ได้ อย่างนั้นก็แสดงว่าใช่ พี่ไม่ต้องโกหกฉันแล้ว”
ถางหยวนหยวนออกแรงผลักเขาออก“อย่างไรต่อไปฉันก็ไม่อยากเจอพี่แล้ว พี่ก็ไม่ต้องมาหาฉันอีก”
ถางหยวนหยวนออกแรง เธอพูดอย่างโกรธเคืองจากความอับอาย “พี่ พี่ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย”
ยู่ฉือยี่ซูเสียงแหบ รัดหัวไหล่สาวน้อยแน่น จากนั้นดึงข้อมือเธอเอาไว้ “ถ้าปล่อย เธอก็หนีอีก จะเจเธอสักครั้งไม่ใช่ง่ายๆ”
ถางหยวนหยวนพูดอย่างโมโห“พี่ก็ไปหาแฟนตัวเองได้สิ!”
“หล่อนไม่ใช่แฟนฉัน”
“หล่อนเป็น!”
“ไม่ใช่”
“อย่างนั้นพี่บอกมา ว่าทำไมหล่อนถึงนั่งข้างคนขับได้”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปาก พูดอย่างอับจนหนทางว่า “คำถามนี้ไม่สามารถตอบเธอได้ แต่หล่อนไม่ฉันแฟนฉันจริงๆ ถ้าหล่อนเป็นแฟนฉัน เธอคิดว่าวันนั้นพี่จะยังมีเวลาไปส่งเธอกลับบ้านเหรอ
วันนั้นหล่อนกลับไปเอง”
ได้ยินถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนเชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เข้าใจ