บทที่ 1635 ฝันถึงพี่แล้ว
ดังนั้นถางหยวนหยวนก็นอนคว่ำไปบนหลังของยู่ฉือยี่ซูหลับไปนานทีเดียว
ไม่เพียงแค่หลับ ยังละเมออีกด้วย
ในความฝัน เธอบรรลุนิติภาวะแล้ว
จากนั้นทุกอย่างที่เธอต้องการก็ได้แล้ว ถางหยวนหยวนคิดว่า การบรรลุนิติภาวะนี่ช่างดีจริงๆ จะทำเรื่องอะไรก็อิสระมาก
แต่ว่ายังไม่ทันรอให้เธอได้ลิ้มรสประสบการณ์บรรลุนิติภาวะอย่างจริงจัง ก็ถูกยู่ฉือยี่ซูเรียกให้ตื่นแล้ว
ถางหยวนหยวนได้แต่ลืมตาอย่างสะลึมสะลือ
“พี่เหรอ”
“ตื่นแล้วเหรอ”
ยู่ฉือยี่ซูมองเธอด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก“ปกติไม่ยอมนอนหรือไง ถึงหลับลึกขนาดนี้”
เขาเรียกเธออยู่นาน จึงจะปลุกเธอให้ตื่นได้
ถางหยวนหยวนยังอยู่ในอารมณ์มึนงง ดังนั้นจึงไม่ได้ตั้งตัวอะไรใดๆ เข้าใกล้ยี่ฉือยี่ซูพูดอย่างมึนๆงงๆว่า“พี่คะ เมื่อกี้ฉันฝันถึงพี่ด้วย”
อารมณ์ของเด็กผู้หญิงนั้นชัดเจน อบอุ่นทั้งไร้เดียงสา โดยสิ่งเจือปนใด ๆ ก็เปิดเผยแบบนี้ให้ยู่ฉือยี่ซูเห็น
อารมณ์เช่นนี้ … ดวงตาของยู่ฉือยี่ซูมืดลงเล็กน้อย
“ฝันอะไรถึงพี่”
“เชอะ”
ถางหยวนหยวนส่งเสียงฮึ่มเบาๆ“ฉันไม่บอกพี่หรอก”
พูดจบ เธอก็พบว่าตนเองถูกยู่ฉือยี่ซูอุ้มไว้ในอ้อมกอด นั่งอยู่บนก้อนหินที่ไม่ห่างจากประตูโรงเรียน และมือของยู่ฉือยี่ซูก็โอบรอบไหล่ของตนเอง
ท่าทางแบบนี้ทำให้ลักษณะของทั้งสองคนดูแล้วใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง ถางหยวนหยวนหน้าแดงเล็กน้อย รีบลุกขึ้นมา
ยู่ฉือยี่ซูประคองเธอไว้ ให้เธอลุกขึ้นมา
“อย่ารีบร้อน เพิ่งจะตื่นต้องค่อยๆไม่ใช่เหรอ”
“พี่คะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
ถางหยวนหยวนเอ่ยถาม
“ใกล้จะถึงเวลาปิดประตูแล้ว นั่งได้อีกห้านาทีก็ต้องเข้าไปแล้ว”
“อะไรนะ
ใกล้จะถึงเวลาปิดประตูแล้วเหรอ”
ถางหยวนหยวนลุกขึ้นอย่างสับสนเล็กน้อย“อย่างนั้นฉันว่าฉันเข้าไปก่อนดีกว่า พี่คะ พี่รีบกลับมหาวิทยาลัยเถอะ”
ยู่ฉือยี่ซูลุกขึ้นพร้อมกับเธอ ส่งเธอที่ประตูโรงเรียน
ตอนแรกยัยเด็กน้อยเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปในประตูโรงเรียน ทันใดนั้นกลับนึกอะไรขึ้นได้ ฝีเท้าชะงักทันที หันหน้ามามองทางยู่ฉือยี่ซู
“พี่คะ”
“ฮึ
อะไรเหรอ”
ถางหยวนหยวนเม้มริมฝีปากสีชมพู เน้นย้ำด้วยเสียงเบาๆว่า“พี่คะ เรื่องที่พี่สัญญาวันนี้ ห้ามลืมโดยเด็ดขาดนะคะ”
ได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูตกตะลึง หลังจากนั้นพักใหญ่มุมปากก็กระตุกขึ้นมา เดินมาข้างหน้ายื่นมือไปลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน บีบแก้มเธอ“คิดอะไรอยู่
ที่พี่สัญญากับเธอ ก็ไม่มีทางลืม”
สาวน้อยดวงตาเปล่งประกายทันที“อย่างนั้น ราตรีสวัสดิ์ ค่ะพี่!”
จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในประตูโรงเรียนอย่างพออกพอใจ
ยี่ฉือยี่ซูยืนอยู่ตรงประตู หลังจากรอให้เธอเข้าไปนานพักใหญ่ จึงได้ละสายตา จากนั้นก็ออกมาจากโรงเรียน
เวลานี้ยังมีรถ ดังนั้นยู่ฉือยี่ซูคิดจะนั่งรถกลับไป
ผลลัพธ์เมื่อเขาเดินมาถึงข้างชานชาลา ก็พบร่างที่คุ้นตาร่างหนึ่ง——จงฉู่เฟิง
จงฉู่เฟิงนั่งอยู่ที่นั่ง ทั่วทั้งร่างมีความหดหู่และอ้างว้างอย่างชัดเจน ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นยู่ฉือยี่ซูมาแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากเยาะเย้ยเล็กน้อย“นายรู้มั้ยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มริมฝีปากบาง ไม่พูดตอบโต้
“ถ้าตอนนี้นายมีสติรู้ตัวดีมาก อย่างนั้นนายรู้มั้ยว่าหลายวันก่อนตัวเองทำอะไรไป”
ยู่ฉือยี่ซูยังคงไม่ตอบอะไร
จงฉู่เฟิงที่ยังคงไม่ได้รับการตอบโต้อะไร จู่ๆก็ลุกขึ้นมาอย่างโมโหเล็กน้อย มองยู่ฉือยี่ซูอย่างโกรธเกรี้ยว
“นายรู้มั้ยที่นายทำแบบนี้ ไม่เพียงจะทำให้เธอตายใจ แต่จะยิ่งทำให้เธอหลงใหลอย่างถลำลึกลงไปอีกเรื่อยๆ”
ตอนวู่วาม จงฉู่เฟิงดึงคอเสื้อของยู่ฉือยี่ซูขึ้นมา“นายรู้มั้ย”
ยู่ฉือยี่ซูสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย พูดเรียบๆว่า“ทำไมฉันต้องทำให้เธอตายใจ”
ได้ยินดังนั้น จงฉู่เฟิงก็ชะงักไปทันที จากนั้นก็มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เหมือนกับว่าได้ยินเรื่องตลกมากอย่างนั้น
“นาย นายพูดอะไร”
ยู่ฉือยี่ซูผลักมือของเขาออก ลุกขึ้นมายืนอีกด้าน ไม่ได้ตอบคำถามเขา
“ดังนั้น คุณมีใจให้เธอมาตลอดเหรอ ”
จงฉู่เฟิงพูดอย่างเยาะเย้ย“เมื่อก่อนฉันบางครั้งที่ฉันบอกนาย นายก็ยังปฏิเสธตลอดไม่ใช่หรือ”
“ก็ไม่เชิงปฏิเสธ”
ยู่ฉือยี่ซูขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจแก้ไขว่า “ก็แค่ไม่อยากให้นายมาทำลายชื่อเสียงของเธอ เธอเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง”
“ในเมื่อนายก็รู้ว่าเธออายุยังไม่เท่าไหร่ อย่างนั้นตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่”
“ทำไมฉันต้องทำให้เธอตายใจ
อย่างที่นายบอก ถ้าหากเธอเห็นฉันเป็นแค่ที่พึ่งจริงๆ อย่างนั้นเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งเธอจะค้นพบได้ด้วยตัวเองโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไร ทำไมฉันต้องไปทำอะไรที่ทำให้เธอเสียใจในเวลานี้ด้วย ”
ได้ยินถึงตรงนี้ จงฉู่เฟิงตกตะลึง อาจเพราะเขามีความเห็นแก่ตัว แม้จะเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของยู่ฉือยี่ซู แต่สีหน้าไม่อยากเห็นด้วยกับเขาเลยสักนิด
“นายรู้ได้ยังไงว่าเธอจะรู้เอง
ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้รู้เลยไปตลอดชีวิตล่ะ”
ยู่ฉือยี่ซูหันหน้ามา สายตามองที่เขา แสงสลัวจากโคมไฟบนชานชาลาส่องกระทบใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่ง ทำให้เครื่องหน้าที่โดดเด่นอยู่แล้วของเขาหล่อเหลายิ่งขึ้น
“ถ้าตลอดชีวิตนี้ไม่รู้เลย อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอหลงไปทั้งชีวิตแล้วยังไง”
จงฉู่เฟิง“……”พูดมาถึงตรงนี้ เขายังจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก
ความหมายของยู่ฉือยี่ซูกระจ่างชัดมาก ถ้าเขายังจะถามต่อไปอีก เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ
จงฉู่เฟิงรู้สึกน่าขันเล็กน้อย ที่แท้เขาก็ดูออกมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาไม่ยอมเชื่อ ยังคิดว่าตนเองมีโอกาส
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก นั่งเอนหลังบนเก้าอี้หินด้วยความหดหู่เล็กน้อย
หลังจากนั้นพักใหญ่ เขาพูดอย่างขมขื่นว่า “ฉันเข้าใจความหมายของนายแล้ว ทางที่ดีสุดนายห้ามให้เธอเสียใจ ถ้านายกล้าทำให้เธอเสียน้ำตา ฉันจะแย่งเธอมาจากข้างกายนายอย่างไม่เกรงใจแน่นอน ถึงเวลา พวกเราก็ไม่ใช่พี่น้องกัน”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปาก ไม่ได้ตอบอะไรเขา เขาและฉู่เฟิงเป็นเพื่อนกันมาหลายปีขนาดนั้น มองเห็นความรู้สึกเขาได้อย่างชัดเจนมาก ถ้าสาวน้อยชอบเขา ทั้งสองอยู่ด้วยกันดูเหมือนจะเป็นคู่ที่มีความสุข
รถมาแล้ว ยู่ฉือยี่ซูขึ้นรถรูดบัตร พบว่าคนด้านหลังไม่ได้ตามมา เขาหันกลับไปถาม“นายไม่ขึ้นมาเหรอ”
จงฉู่เฟิงนั่งอยู่ที่นั่น เหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมร่างเขาอยู่
“จงฉู่เฟิง”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ฝืนยิ้มออกมาให้ยู่ฉือยี่ซู“นายกลับไปก่อนเถอะ คืนนี้ฉันคิดจะไปทำเรื่องที่มีความสุขนิดหน่อย”
เขาบอกว่าไปทำเรื่องที่มีความสุข ไม่มีอะไรนอกเสียจากไปดื่ม
ยู่ฉือยี่ซูนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้า
ทุกคนต่างก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนเอง และเขาไม่ต้องไปยุ่งว่าจงฉู่เฟิงจะทำอะไร เขาอยากทำอะไรก็ไปทำ
คนขับรถเห็นจงฉู่เฟิงไม่มีท่าทีจะขึ้นรถ จึงปิดประตู และก็จากไป
ภายใต้โคมไฟถนนที่มืดสลัว จงฉู่เฟิงนั่งอยู่คนเดียวบนเก้าอี้ยาว หัวใจของเขาหดหู่ราวกับถูกยัดด้วยทรายเต็มกำมือ ทรมานจนเขาแทบหายใจไม่ออก
เขาปลอบใจตัวเองอยู่ตลอด ขอแค่ถางหยวนหยวนมีความสุขก็พอ ไม่ว่าเธอจะอยู่กับใคร ยิ่งถ้าเป็นอยู่กับยู่ฉือยี่ซู อย่างนั้นก็ไม่ใช่จะยิ่งดีเหรอ
อย่างน้อยยู่ฉือยี่ซูก็เป็นคนดี ทำให้น่าวางใจกว่าอยู่กับตนเอง
แต่ว่า ทำไมหัวใจยังเจ็บปวดขนาดนั้น
จงฉู่เฟิงยื่นมือกุมหน้าอย่างร้าวราน