บทที่1642 พูดจาใส่ร้าย
ลางาน?
แท้จริงเมิ่งเข่อเฟยไม่เคยคิดว่าจะไปร่วมงานวันเกิดเลย คำพูดพวกนั้นเป็นแค่การพูดผัดวันประกันพรุ่งเฉยๆ
งานวันเกิดของหยวนเย่าหัน สำหรับเธอแล้วมันคืองานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพราะมีเจตนาอื่น
ดวงตาเธอกลอกไปมา แล้วพูดเสียงเบา “ลาแล้ว วันนี้ฉันบอกเขาไปแล้ว แต่เจ้านายฉันไม่อนุมัติ”
“ทำไมถึงไม่อนุมัติอ่ะ เธอได้บอกเขาไหมว่าเป็นวันเกิดของเพื่อน เธอก็บอกไปสิว่าเป็นวันที่สำคัญมาก ยังไงเธอก็ทำงานทุกวัน หยุดวันหนึ่ง หรือทำเกินหนึ่งวันก็ไม่ต่างกันหนิ”
เหอะ พูดง่ายเนอะ
งานนี้ที่เธอหานั้นมีโบนัสสำหรับคนที่มาทำงานครบทุกวัน หากเธอมุ่งมั่นไปทำงานทุกวัน ทุกๆเดือนก็จะได้โบนัสเพิ่มสองร้อยหยวน แม้ว่าเงินสองร้อยหยวนจะไม่มีความหมายต่อพวกเขา บางทีออกไปทานข้าวมื้อหนึ่งก็หลายร้อยแล้ว
แต่สองร้อยนี้สำหรับเมิ่งเข่อเฟยแล้ว เป็นค่าครองชีพต่อได้อีกหลายๆวัน
ดังนั้นเธอไม่สามารถหยุดงานได้
“ขอโทษด้วยนะเย่าหันน่าจะไปไม่ได้แล้วจริงๆ เดี๋ยวเจ้านายโกรธแล้วไล่ฉันออกขึ้นมา คงแย่จริงๆ”
พูดจบ เมิ่งเข่อเฟยหยิบของขวัญที่ตัวเองซื้อยื่นให้กับหยวนเย่าหัน
“อ่ะใช่ อันนี้คือของขวัญที่ฉันซื้อให้ ถึงแม้จะไม่มีราคามาก แต่มันก็เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของฉัน”
หยวนเย่าหันมองของในมือเธอแวบหนึ่ง พอเห็นว่าเป็นกล่องธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นของไม่มีราคา ความรู้สึกรังเกียจก่อขึ้นโดยธรรมชาติ
แต่เพราะต้องตีเนียนสนิท หยวนเย่าหันจึงรับของขวัญมา ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ แต่ที่จริงสำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่าถ้าเธอยอมไปงานวันเกิดฉัน ฉันจะดีใจมากกว่าได้ของขวัญจากเธออีก”
คำพูดจอมปลอมแบบนี้ ใครเชื่อกัน? เมิ่งเข่อเฟยแอบยิ้มแห้งในใจ แต่สีหน้าของเธอไม่แสดงแม้แต่น้อย
“ขอโทษจริงๆ ถ้าปีหน้ามีโอกาส หวังว่าจะได้ไปร่วมงานวันเกิดของเธอนะ สุขสันต์วันเกิด วันงานก็ขอให้สนุก”
“ขอบคุณเฟยเฟย เดี๋ยวฉันจะเอาเค้กกลับมาให้นะ จริงด้วย หยวนหยวนก็ไม่ไป เธอบอกว่าวันนั้นเธอมีธุระสำคัญ เธอรู้ไหมว่าธุระอะไร?”
ฟังจบ เมิ่งเข่อเฟยนิ่งไปสักครู่ “เธอไม่ไป? วันนั้นพวกเธอบอกว่า……”
“ใช่ไหม คืนนั้นยังตกลงอยู่เลย แต่วันนี้กลับมาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว แล้วยังให้ของขวัญฉัน เธอดูสิ”
หยวนเย่าหันจงใจเอากล่องของขวัญที่จะกำลังจะเก็บยื่นให้เมิ่งเข่อเฟย “เหมือนเป็นน้ำหอมจากแบรนด์หนึ่ง กลิ่นนี้ฉันก็ค่อนข้างที่จะชอบ จริงด้วย เธอให้อะไรฉันหรอ?”
เมิ่งเข่อเฟยเห็นความแตกต่างของกล่องของขวัญแล้ว รู้สึกหน้าซีดขึ้นมาทันที
เธอเม้มปาก พูดออกมาอย่างยากเย็น “ของขวัญฉันไม่ได้ดีขนาดนั้น ก็แค่ของประดับคู่หนึ่ง แต่ฉันรู้สึกว่ามันค่อนข้างพิเศษอยู่นะ”
เพิ่งจะพูดจบ หยวนเย่าหันก็รีบแกะกล่องของขวัญออก แล้วทิ้งลงข้างๆ ดูออกชัดเจนว่าเธอเหยียด แต่พอเธอได้เห็นของประดับกระต่ายน้อยคู่นั้น แต่กลับเผยสีหน้าที่รู้ประหลาดใจออกมา
“น่ารักจังเลย ฉันชอบของขวัญชิ้นนี้มาก ขอบคุณนะเฟยเฟย~”
เมิ่งเข่อเฟยที่รับรู้ถึงความปลอมจนมองไม่ลง เธอเม้มปากอย่างไม่รู้ตัว “ไม่เป็นไร เธอชอบก็ดีแล้ว”
จากนั้นหยวนเย่าหันหยิบกระต่ายน้อยคู่นั้นที่เธอให้กับน้ำหอมที่ถางหยวนหยวนให้เป็นของขวัญวันเกิด เดินมาอยู่ตรงหน้าเตียงนอน วางน้ำหอมเก็บไว้อย่างดี จากนั้นก็พลางขว้างกระต่ายน้อยคู่นั้นขึ้นบนเตียงข้างหมอน
จางเสี่ยวลู่ที่เห็นฉากนี้ ถึงกับเบ้ปาก
มือทั้งคู่ของเมิ่งเข่อเฟยที่พาดไหล่ไว้ถึงกับกำหมัดแน่น สุดท้ายก็คลายออก จากนั้นก็เหมือนเธอว่าเธอจะคิดอะไรออก เธอยิ้มอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็เดินกลับไปหน้าโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเองแล้วเปิดไฟ เตรียมจะอ่านหนังสือ
ยังไงของขวัญชิ้นนั้นเธอก็ไม่ได้เสียเงินไปมาก น่าจะประมาณยี่สามสิบหยวน เพราะเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะซื้อของที่ราคาสูงให้กับคนอย่างหยวนเย่าหันอยู่แล้ว
ดังนั้นหยวนเย่าหันจะทำตัวหยาบคายแบบนี้ เธอก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
คิดเสียว่าเป็นขยะแล้วโยนทิ้งแล้วกัน เมิ่งเข่อเฟยเปิดหนังสือออก แต่กลับนึกถึงเรื่องของหยวนหยวน
เธอตอบตกลงไปแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่ไปแล้วหล่ะ?
พอนึกว่าช่วงนี้หยวนหยวนออกไปทานข้าวช้อปปิ้งกับยู่ฉือยี่ซูบ่อยๆ เมิ่งเข่อเฟยรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะฐานะทางบ้านหรือรูปร่างหน้าตาของเธอ เธอรู้ดีว่ายู่ฉือยี่ซูไม่มีทางชอบคนอย่างเธอหรอก
แต่เธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ ก็แค่ชอบเขา
เขาคนนั้นปรากฏตัวในฝันของเธอหลายรอบแล้ว เธอเคยตื่นจากฝันนับครั้งไม่ถ้วน เธอบอกตัวเองห้ามคิดแบบนี้ เตือนตัวเองว่าห้ามมีความคิดที่ไม่มีทางเป็นจริงแบบนี้ ไม่ นั่นมันเหลวไหลยิ่งกว่าความฝัน มันไม่มีทางเป็นไปได้
แต่เธอก็ยังคงไม่สามารถทำใจได้
เพราะฉะนั้นเมิ่งเข่อเฟยตั้งใจเรียนหนังสือ ตั้งใจทำงาน เรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ทำงานหาเงิน หวังว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
แต่ตอนนี้พอดูๆแล้ว ทุกอย่างน่าจะสายไปแล้ว
เป้าหมายที่เธอพยายามอยากไปให้ถึง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของคนอื่น เธอใช้สองเท้าของเธอพยายามวิ่ง คนอื่นกลับขับรถไปถึงเป้าหมายของตัวเธอเองอย่างง่ายดาย
พอนึกได้เท่านี้ เมิ่งเข่อเฟยอดหัวเราะตัวเองไม่ได้ จริงๆกะจะตั้งใจเรียน แต่คราวนี้หนังสือก็อ่านไม่ลงเสียแล้ว ได้แต่เพียงประกบหน้าหนังเข้าหากัน แล้วเปิดหนังสือเล่มอื่นออก หลังจากนั้นเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าจะหนังสือประเภทไหนเธอก็อ่านไม่ลง
จางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันสองคน ที่อยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าคุยอะไรไปกันบ้าง ทั้งสองส่งเสียงหัวเราะเฮฮา เธอหยิบกระจกพกพาขึ้นมาส่องไปทางด้านหลัง ส่องเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของจางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันเข้าพอดี
แท้จริงท่าทางพวกเขาดูเหมือนจะหัวเราะอย่างมีความสุข แต่หยวนเย่าหันกลับรู้สึกประชดไม่จบสักที เธอเก็บกระจกลง แสร้งทำเป็นอ่านหนังสือ
รอถางหยวนหยวนอาบน้ำเสร็จ เธอถึงจะหยิบเสื้อแล้วเข้าห้องน้ำไป
“เฟยเฟย เธอกลับมาแล้ว ฉัน……”
เดิมทีถางหยวนหยวนอยากจะทักทายเธอ แต่เมิ่งเข่อเฟยกลับเดินชนไหล่เธอไป ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ไม่ปลายตามองเธอเลยสักนิด
ถางหยวนหยวนนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วหันหลังกลับ
ปั่ง!
เมิ่งเข่อเฟยใช้แรงปิดประตูลง ถางหยวนหยวนยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างงุนงง
จางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันที่อยู่ฝั่งนั้นสังเกตเห็น ทั้งสองส่งสายตาหากัน หลังจากนั้นหยวนเย่าหันเดินเข้าไปลากถางหยวนหยวนมา
“พวกเธอสองคนทะเลาะกันหรอ?”
ถางหยวนหยวนส่ายหัว “ไม่นะ”
“แล้วทำไมเขาถึงเมินเธอ?”
“ฉันไม่รู้” ถางหยวนหยวนส่ายหน้าต่อ ค่อนข้างรู้สึกเสียใจ แต่ก็พูดต่อว่า “น่าจะทำงานเหนื่อยเกินไปหน่ะ”
“ถึงจะเหนื่อยขนาดไหนก็ไม่ควรโมโหใส่เธอไหม เธอไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์สักหน่อย อีกอย่างเมื่อก่อนเธอทำดีกับเขาตั้งเท่าไหร่ เขาทำแบบนี้แยกแยะไม่ออกหรือไง”
ถางหยวนหยวนขมวดคิ้ว “พวกเธออย่าพูดแบบนี้ ปกติเขาดีกับฉันมากๆ”
น่าจะมีเรื่องกวนใจ ถางหยวนหยวนยังคงเชื่อใจเมิ่งเข่อเฟยอยู่
“หยวนหยวน พวกเราไม่ได้จะนินทาเฟยเฟยนะ แต่พวกเราแค่พูดตามความจริง ถ้าเป็นเธอออกไปแล้วมีเรื่องกวนใจ เธอก็จะทำตัวแบบนี้กับทุกคนหรอ?”
ได้ยินเช่นนั้น ถางหยวนหยวนถึงกับนิ่งไป
“ใช่ไหม เธอคงไม่ทำหรอก อีกอย่างเมื่อกี้ตอนเขาเข้ามายังให้ของขวัญฉันอยู่เลย ทำไมถึงทำตัวแบบนั้นกับเธอแค่คนเดียว เธอคงไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า?”
ใบหน้าของถางหยวนหยวนย่นมากองรวมกัน สุดท้ายสายตาก็หยุดลงบนใบหน้าของทั้งสอง
“พวกเธอกำลังใส่ร้าย?”