บทที่1643 งานเลี้ยงก้าวผ่านวัย
ใส่ร้าย?
หยวนเย่าหันรีบผายมือ “ไม่ๆ จะใส่ร้ายได้ยังไง ถ้าเป็นการใส่ร้ายน่าจะเป็นการจับผิดโดยไม่มีเหตุผลถึงจะถูก แต่เมื่อกี้เธอก็เห็น ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งให้เมิ่งเข่อเฟยจงใจเมินเธอเสียหน่อย”
จางเสี่ยวลู่มือทาบอก “ช่างเถอะเย่าหันเธอไม่ต้องคุยกับเขาแล้ว เขากับเมิ่งเข่อเฟยเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ฟังเรื่องพวกนี้ที่เธอพูดหรอก คงรู้สึกแค่ว่าเธอกำลังใส่ร้ายคนอื่นอยู่”
“ฉันไม่สนใจว่าเฟยเฟยจะเมินฉันหรือเปล่า นั่นมันเรื่องของฉัน ควรต้องจัดการยังไงฉันเป็นคนคิดเอง หวังว่าคราวหน้าพวกเธอจะไม่พูดเรื่องพวกนี้อีก”
พูดจบ ถางหยวนหยวนกลับหลังหันแล้วเดินจากไป
หยวนเย่าหันเห็นท่าไม่ดี อยากเข้าไปอธิบาย แต่โดนจางเสี่ยวลู่ดึงเอาไว้
จากนั้นเธอก็พูดอย่างแปลกประหลาดว่า “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ยิ่งพูดเขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าเธอกำลังใส่ร้าย เพราะก่อนหน้าเขาก็เกลียดพวกเรามาก่อน ถึงแม้ตอนนี้จะคืนดีกัน ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเชื่อพวกเรา จะขอโทษยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ไม่คิดว่าสถานการณ์ดีๆจะกลายเป็นแบบนี้อีกแล้ว
เพราะเมิ่งเข่อเฟย โทษเธอคนเดียวเลย!
เพราะไม่อยากให้หยวนเย่าหันและจางเสี่ยวลู่เยาะเย้ย ฉะนั้นคืนวันนั้นถางหยวนหยวนไม่ได้เข้าไปคุยกับเมิ่งเข่อเฟยอีก ทุกคนต่างพักผ่อนกันเอง พอวันที่สอง เธอรีบตื่นเช้าลงตึกไปรอเมิ่งเข่อเฟยเป็นพิเศษ
พอเห็นเมิ่งเข่อเฟยลงจากตึก เธอก็รีบก้าวขาวิ่งเข้าไปหา
“เฟยเฟย”
พอเห็นหน้าเธอ เมิ่งเข่อเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวขาเดินต่อไป
“เกิดอะไรขึ้นหรอ ทำไมจู่ๆเธอถึงไม่สนใจฉันแล้ว?”
เมิ่งเข่อเฟยไม่ตอบอะไร จริงๆเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรทำตัวแบบนี้ ถางหยวนหยวนไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเธอ ถึงแม้เขาจะไม่บอกเธอว่าวันนั้นเขาไปเจอกับใครมา นั่นก็เป็นสิทธิ์ของหยวนหยวน เธอไม่มีสิทธิเข้าไปก้าวก่าย
แต่ เธอไม่สามารถควบคุมหัวใจของเธอได้ ควบคุมพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้
เหมือนตอนนี้ เธอควรจะหยุดเดินแล้วคุยกับถางหยวนหยวน แต่เธอกลับรู้สึกหงุดหงิดเขาอย่างไร้เหตุผล
ถางหยวนหยวนตามเขาอยู่สักพัก พอเห็นว่าเขาไม่ยอมสนใจเธอเสียที เธอจีบรีบเร่งฝีเท้า แล้วหยุดลง มองแผ่นหลังของเขาแล้วพูดว่า “ฉันไปอะไรให้เธอไม่พอใจหรอ?”
ได้ยินเช่นนั้น เท้าของเมิ่งเข่อเฟย หยุดลง หยุดก้าวเท้าเดินต่อ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
สักครู่ เธอก็เดินจากไป
ถางหยวนหยวนยืนอยู่กับที่ แล้วรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
…
เวลาผ่านไประยะหนึ่ง รู้ตัวอีกทีก็ถึงช่วงปลายภาค สำหรับการสอบนั้น บรรยากาศในห้องเรียนเริ่มตึงเครียด นอกจากอ่านหนังสือก็มีแต่อ่านหนังสือ บางคนที่ก่อนหน้านี้ชอบมีปัญหา ตอนนี้พฤติกรรมกลับดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไป หรืออาจจะเป็นเพราะอยากได้เกรดสวยๆ
ตั้งแต่วันนั้นความสัมพันธ์ของถางหยวนหยวนและเมิ่งเข่อเฟยไม่ได้ดีขึ้นเลย
เธอพยายามเข้าหาเมิ่งเข่อเฟยอยู่หลายรอบ แต่ทุกครั้งเมิ่งเข่อเฟยก็เมินใส่เธอ ถางหยวนหยวนรู้สึกเพียงว่า รออีกหน่อย รออีกนิดคงดีขึ้น
เป็นแบบนี้ จนถึงสอบปลายภาค หลังจากนั้นก็เข้าสู่เทอมใหม่
เริ่มเทอมใหม่ ถางหยวนหยวนนึกว่าจะใช้โอกาสนี้ในการคืนดีกับเมิ่งเข่อเฟย เมิ่งเข่อเฟยไม่เมินเธอแล้ว แต่เขาเย็นชามาก ไม่แยแสเธอเลยแม้แต่น้อย
สมมติว่าบางครั้งถางหยวนหยวนอารมณ์ดีชวนเธอไปกินข้าว เมิ่งเข่อเฟยมักจะตอบอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่หิว”
หรือไม่ก็ “เธอไปกินคนเดียวเถอะ”
แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้ตึงเท่าเทอมก่อน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจืดชืดเป็นอย่างมาก
แต่ถางหยวนหยวนยังคงเชื่อมั่นว่า สักวันมันจะดีขึ้น
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งเทอม ช่วงวันหยุดฤดูหนาว ถางหยวนหยวนดีใจเป็นอย่างมาก
เพราะว่า พอผ่านปีใหม่ปีนี้ไป เธอก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว
ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลถางสปอยดั่งหัวแก้วหัวแหวน ฉะนั้นปีนี้จึงจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยให้เธอเป็นพิเศษ ทั้งหาคนออกแบบชุดราตรี สถานที่จัดงานเลี้ยง แล้วยังเชิญคนในวงการอีกมากมาย
หลังจากที่ดีไซเนอร์วัดตัวให้ถางหยวนหยวนเสร็จ ก็พูดกับเธออย่างเคร่งขรึมว่า “ปกติแล้ว การออกแบบจะเผื่อผ้าไว้สักสองสามเซน เผื่อว่าช่วงเวลาระหว่างนี้คุณจะน้ำหนักขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีคือ ช่วงนี้คุณควรระวังการทานด้วย พยายามควบคุมหน่อย อย่าให้น้ำหนักขึ้น”
“อื้มๆ” ถางหยวนหยวนพยักหน้า “ค่ะ”
“ดีมาก”ดีไซเนอร์ลูบหัวเธออย่างนุ่มนวล พูดเสียงเบาว่า “ตอนนี้หุ่นของคุณเพอร์เฟคมาก”
คุณนายถางถอนหายใจอยู่ข้างๆ “เมื่อก่อนยัยนี่เคยอ้วนมาก ต่อมาถึงจะลดได้ ฉันยังไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความเพียรพยายามขนาดนี้”
พอพูดถึงเรื่องนี้ พอคุณนายถางมองถางหยวนหยวนตอนนี้ เธอถอนหายใจในใจ
ผู้หญิงตุ้ยนุ้ยก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นสาวสวยร่างบาง ผิวขาว คางแหลมเล็กน้อย แขนและขาเรียวมาก
ยังไงคุณนายถางก็ไม่คิดว่าพลังแห่งความรักจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ลูกสาวคนนี้ของเธอ ถึงจะดูเหมือนนุ่มนวลน่ารักเชื่อฟัง แต่ความมั่นใจในตัวเองก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง
“ผู้หญิงโตขึ้นเปลี่ยนไปสิบแปดอย่าง หมายถึงแบบนี้นี่เอง”
ดีไซเนอร์หัวเราะ
“จริงด้วย จะทันเวลาใช่ไหม? เพราะตอนนี้ก็เพิ่งจะร่างแบบ”
“น่าจะไม่มีปัญหาอะไรค่ะ สาวน้อยแค่บอกส่วนประกอบที่ชอบ แบบที่ชอบให้ฉัน ประมาณสองวันฉันจะทำแบบร่างออกมาให้ ส่วนตัวชุดจะพยายามทำมาให้ลองก่อน ไม่พอใจตรงไหนเราค่อยมาแก้กัน ดีไหมจ๊ะ?”
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
หลังจากที่ส่งดีไซเนอร์แล้ว คุณนายถางเดินกลับเข้ามาในบ้าน แต่พบว่าถางหยวนหยวนไม่ได้อยู่หน้ากระจกลองเสื้อแล้ว แต่จับโทรศัพท์เคาะบางอย่างอยู่
“เป็นอะไรลูก?”
“แม่คะ หนูอยากให้เฟยเฟยจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยกับหนู ได้ไหมคะ?”
“เฟยเฟย?” คุณนายถางนึกถึงรูปร่างหน้าตาของเมิ่งเข่อเฟย “ผู้หญิงคนนั้นหรอ ได้สิ แต่พ่อแม่ของเขายอมให้เขาจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยกับลูกไหม?”
ฟังจบ ถางหยวนหยวนตอบเสียงเบาว่า “พ่อแม่ของเธอยุ่งมาก พวกเขาอยู่ต่างถิ่นตลอด ไม่มีเวลาสนใจเธอ หนูเลยอยากชวนเธอมาด้วย”
“แบบนี้นี่เอง” คุณนายถางฟังจบก็รู้สึกสงสาร “เด็กนั่นน่าสงสารจริงๆ ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ งั้นลูกลองถามเขาดู ถ้าเขายอม ก็ให้เขารับมา ให้ดีไซเนอร์ออกแบบชุดให้พวกลูกสองคน”
“ขอบคุณค่ะแม่”
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากคุณนายถาง ถางหยวนหยวนรีบส่งข้อความหาเมิ่งเข่อเฟย ชวนเขามาอยู่บ้านเธอช่วงหนึ่ง แล้วจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยด้วยกัน
ข้อความถูกส่งไปเป็นเวลานาน แต่ไม่มีคนตอบกลับ
ถางหยวนหยวนคิดว่าช่วงกลางวันเมิ่งเข่อเฟยคงงานยุ่ง เธอเลยรอโทรหาเขาตอนกลางคืน
หลังจากโทรไปหลายสาย เมิ่งเข่อเฟยถึงจะรับ
“มีอะไร?”
น้ำเสียงไม่แยแสอย่างยิ่ง ถางหยวนหยวนยังไม่ได้พูดอะไร ความหยิ่งผยองหายไปเล็กน้อย ทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนกว่า
“คือว่า…… เฟยเฟย ฉันแค่อยากจะถามเธอว่า ข้อความที่ฉันส่งไปตอนกลางวันเธอเห็นหรือยัง?”
“ข้อความตอนกลางวัน? ไม่ได้ดู ตอนนี้ฉันยุ่งมาก เธอพูดมาเลย”
ถางหยวนหยวนพูดได้แค่ว่า “คือจริงๆแล้ว ช่วงนี้ แม่ฉันจะจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยให้ฉัน ฉันเลยอยากชวนเธอมาจัดด้วยกัน เดี๋ยวดีไซเนอร์จะออกแบบชุดราตรีให้เธอด้วย……”
พูดยังไม่ทันจะจบ เมิ่งเข่อเฟยพูดแทรกขึ้นมาว่า “งานเลี้ยงก้าวผ่านวัย? ของเธอหรอ?”