บทที่1645 พี่สะใภ้
เป้าหมายของเสี่ยวโต้วหยาไม่สำเร็จ เธอส่ายหน้าอย่างเสียใจ
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ที่ดี ถ้าพี่ตอบตกลงหนู หนูจะรายงานเรื่องพี่ชายทุกอย่างให้เลยเป็นไง?”
ถางหยวนหยวนเม้มปาก พูดอย่างจริงจัง “ไม่ต้อง พี่รู้เรื่องเขาทุกอย่าง”
“พี่ไม่รู้หรอ”
“น่าจะรู้ทั้งหมดนะ”
ทั้งสองตระกูลไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม ทำไมถางหยวนหยวนจะรู้เรื่องของยู่ฉือยี่ซู?
“งั้นพี่รู้เรื่องที่อาทิตย์ก่อนมีเพื่อนผู้หญิงของพี่ชายมาหาที่บ้านไหม?”
ฟังจบ ถางหยวนหยวนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “เพื่อนผู้หญิงมาหาพี่ชายเธอ?”
พอเห็นสีหน้าของเธอ เสี่ยวโต้วหยาก็รู้ทันทีว่าตัวเองยั่วสำเร็จ เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดูเหมือนพี่ก็ไม่ได้รู้ไปสักทุกเรื่องนะคะ พี่หยวนหยวน พี่อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นมาหาพี่ชายหนูทำไหม?”
จะเพราะอะไรได้อีกหล่ะ?
ถางหยวนหยวนนึกไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว อาจจะเป็นเพราะชอบยู่ฉือยี่ซู แล้วไปหาถึงที่บ้านของเขาหล่ะมั้ง
“เห้อ ต้องโทษที่พี่ชายหนูหล่อเกินไป มีผู้หญิงหลายคนชอบเขา วันๆก็วิ่งมาหาถึงบ้าน หนูรู้สึกประตูหน้าบ้านหนูอีกนิดก็น่าจะถล่มแล้วนะเนี่ย”
ถางหยวนหยวนเบิกตากว้าง
“เธอหมายความว่าไม่ได้มีเพื่อนผู้หญิงแค่หนึ่งคน?”
“แน่นอนว่าต้องมากกว่าหนึ่งสิ พี่ชายหนูเป็นที่หมายปองขนาดไหนใช่ว่าพี่จะไม่รู้ จะมีผู้หญิงแค่คนเดียวมาหาพี่ชายหนูได้ยังไง?”
“แล้วต่อจากนั้นหล่ะ? พี่ชายเธอ……”
“ถ้าพี่อยากรู้เรื่องต่อจากนั้น ก็ยอมตกลงก่อนค่ะ”
ถางหยวนหยวนไม่ได้พูดต่อ
เสี่ยวโต้วหยาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วนั่งจ้องตาเธอเงียบๆอยู่แบบนั้น ตอนนี้เกมส์ที่จะเล่นก็คือสงครามประสาท ใครแกร่งกว่ากัน คนนั้นก็ชนะ
หนึ่งนาที สองนาที
ถางหยวนหยวนเป็นฝ่ายก้มหัวลงก่อน ถามเสียงอ่อนว่า “จากนั้นหล่ะ?”
เสี่ยวโต้วหยากลั้นอารมณ์ไว้อย่างนาน นึกว่าถางหยวนหยวนจะไม่ให้ความสนใจเสียแล้ว ไม่คิดว่าสุดท้ายก็ถามออกมาก่อน เธอยิ้มออกมาอย่างทันที
“หนูเดาไว้แล้วว่าพี่ทนไม่ถึงสามนาทีหรอก ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยพี่หยวนหยวน”
ทั้งคู่รู้จักกันมมาตั้งหลายปี ถึงแม้เสี่ยวโต้วหยาจะอายุน้อยกว่าถางหยวนหยวนนิดหน่อย แต่นิสัยของเธอแตกต่างจากถางหยวนหยวนโดยสิ้นเชิง หากเอาสัตว์มาเปรียบเทียบกับทั้งสองหล่ะก็
เสี่ยวโต้วหยาน่าจะเป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ ส่วนถางหยวนหยวนก็คือกระรอกน้อยแสนน่ารัก
ฉะนั้นเสี่ยวโต้วหยาเข้าใจถางหยวนหยวนอย่างแน่นอน ส่วนถางหยวนหยวนไม่น่าจะเข้าใจเสี่ยวโต้วหยาสักเท่าไหร่
แบบนี้ยิ่งทำให้เสี่ยวโต้วหยาจับทางได้ไม่ใช่หรือไง นี่ก็จับทางได้แล้วไม่ใช่หรือไง?
ถางหยวนหยวนเพิ่งจะรู้ตัว เธอยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเสี่ยวโต้วหยาทีหนึ่ง “เธอนะ เอาแต่แกล้งพี่นะ”
“โอ้ย ยังไงอนาคตก็คนบ้านเดียวกัน พี่ก็ยอมให้หนูหน่อยสิ หนูจะเตรียมชุดเอง วันงานถ่ายรูปกันโอเคไหม?”
รู้สึกว่าถ้าไม่ตอบตกลงคงโดนเธอตามตื๊อทั้งวัน ถางหยวนหยวนไม่ได้พูดอะไรต่อ จึงพยักหน้าตอบ
หลังจากที่เสี่ยวโต้วหยาได้สิ่งที่ต้องการ ก็พูดแต่สิ่งดีๆให้ถางหยวนหยวนเป็นกอง จากนั้นก็อยากจะปลีกตัวก่อน
ถางหยวนหยวนดึงเธอเอาไว้ “รอก่อน”
“ทำไมคะพี่สะใภ้”
“เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
สิ่งที่เธอสนใจก็คือเรื่องนี้ไง เสี่ยวโต้วหยาทำไมไม่พูด?
“โอ้ยพี่สะใภ้คะ พี่โง่หรือเปล่า? เรื่องต่อจากนั้นแน่นอนว่าไม่มีสิคะ ถ้ามีเรื่องราวต่อจากนั้นหล่ะก็ หนูจะเรียกพี่ว่าพี่สะใภ้หรอคะ? เห้อ พี่นี่บ๊องได้น่ารักจริงๆเลย ก็ว่าทำไมพี่ชายหนูถึงชอบ”
ถางหยวนหยวน:“……”
เธอตกใจเป็นอย่างมาก ฉะนั้นที่พล่ามมาทั้งหมด เธอโดนหลอกงั้นหรอ?
“เสี่ยวโต้วหยาเธอ!”
“พี่สะใภ้หนูยังมีธุระอื่น ไปก่อนนะคะ!”
เพียงไม่นานเสี่ยวโต้วหยาก็ออกจากห้องของถางหยวนหยวน ถางหยวนหยวนอยากจะหาเรื่องเธอแทบจะไม่ไหว จึงทำได้แค่ถอนหายใจ
ต้องโทษตัวเธอเองที่โง่เกินไป ถึงโดนหลอกแบบนี้
ครั้งหน้า เธอจะจำเอาไว้ว่า ห้ามให้จิ้งจอกน้อยอย่างเสี่ยวโต้วหยาหลอกอีกแล้ว
วันงานเลี้ยงก้าวผ่านวัย
ตั้งแต่เช้าตรู่ ถางหยวนหยวนก็ตื่นมาแต่งหน้า เพื่อรูปร่างของเธอแล้วก่อนนอนเมื่อคืนแม้เธอจะหิวน้ำขนาดไหนก็ไม่กล้าดื่มสักนิด เช้าวันนี้ตื่นมาหิวน้ำแทบไม่ไหว ดังนั้นตอนที่ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้เธอ เธอจึงหยิบขึ้นมาจิบเป็นครั้งคราว
พอแต่งถึงขึ้นตอนสุดท้าย ช่างแต่งหน้าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณหนูถาง เดี๋ยวฉันทาลิปให้คุณเสร็จคุณจะดื่มน้ำแบบนี้ไม่ได้แล้วนะคะ เดี๋ยวลิปจะเลอะเอาค่ะ อีกอย่างถ้าคุณดื่มเยอะไป ตอนทำพิธีจะอยากเข้าห้องน้ำนะคะ”
“จริงด้วย”
พอโดนช่างแต่งหน้าเตือน ถางหยวนหยวนก็รู้สึกว่าตัวเองดื่มไปเยอะแล้ว เธอจึงรีบวางแก้วลงที่เดิม รู้สึกประหม่าไม่ไหว
“คุณหนูถางไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ คนที่มาวันนี้มีแต่แขกของครอบครัวคุณ อีกอย่างพวกเราแต่งตัวให้คุณสวยมาก พอเข้างานคุณต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” ถางหยวนหยวนพูดขอบคุณเสียงเบา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู
ข้อความที่ตอนเช้าเธอส่งไปให้เมิ่งเข่อเฟยยังไม่ถูกตอบกลับมา
เขาตกลงแล้วว่าวันนี้จะมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า
หวังว่าเมิ่งเข่อเฟยจะไม่ผิดนัดนะ
จนกระทั่งแต่งหน้าเสร็จ ถางหยวนหยวนถึงจะได้รับข้อความตอบกลับจากเมิ่งเข่อเฟย
“ฉันใกล้ถึงบ้านเธอแล้ว ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
ถางหยวนหยวนดูเสร็จ ก็รีบถามช่างแต่งหน้า
“พี่คะ หน้าหนูแต่งเสร็จหรือยังคะ?”
“ใกล้แล้ว เหลืออีกนิดหน่อย เพื่อนคุณมาแล้วหรอคะ?”
“ค่ะ เขาต้องแต่งหน้าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อด้วย”
“แต่คุณจะวิ่งลงไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ ให้ผู้ช่วยฉันลงไปรับไหมคะ? คุณมีรูปภาพของเพื่อนไหมคะ?”
“มีค่ะ!” ถางหยวนหยวนหารูปจากอัลบั้มที่เป็นรูปคู่ของเธอกับเมิ่งเข่อเฟย แล้วชี้ไปยังเมิ่งเข่อเฟย “คนนี้ค่ะเพื่อนฉัน ชื่อเข่อเฟย”
ผู้ช่วยเดินเข้ามาแล้วใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นฉันลงไปรับนะคะ พวกคุณรอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นถางหยวนหยวนก็ส่งข้อความให้เมิ่งเข่อเฟย
“เฟยเฟยตอนนี้ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่ออกไปไม่ได้ แต่ฉันให้ผู้ช่วยของช่างแต่งหน้าลงไปรับเธอนะ เขาใส่เสื้อเดรสสีเหลือง ฉันเอารูปเธอให้เขาแล้ว เธอยืนอยู่กับที่ไม่ต้องไปไหนนะ เดี๋ยวเขาจะไปหาเธอเอง”
“เสร็จหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ปิดตาด้วยค่ะ จะได้แต่งตาให้เสร็จ”
“ค่ะๆ”
ถางหยวนหยวนวางโทรศัพท์ลงข้างๆแล้วปิดตาลง
ผ่านไปสักครู่ ผู้ช่วยก็พาเมิ่งเข่อเฟยกลับมา
ไม่เจอกันตั้งนาน เมิ่งเข่อเฟยผอมลงอีกแล้ว เธอดูซีดเซียวมาก ตอนที่เห็นถางหยวนหยวน เธอยิ้มฝืน แล้วยื่นของขวัญให้
“ยินดีที่บรรลุนิตินะ อันนี้ของขวัญที่ฉันซื้อให้”
ถางหยวนหยวนอึ้งไปสักครู่ หลังจากที่รับของขวัญมาก็พูดว่า “จริงเธอไม่ต้องซื้อให้ฉันก็ได้เฟยเฟย เราจัดงานด้วยกันไง แต่ไม่เป็นไร ฉันก็เตรียมของขวัญไว้ให้เธอ เดี๋ยวเอาให้นะ เธอไปแต่งหน้าก่อนเถอะ!”
เธอลากเมิ่งเข่อเฟยนั่งลงข้างๆ
เมิ่งเข่อเฟยกลับเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ไม่แล้ว ฉันก็แค่เอาของขวัญมาให้ แล้วมาดูเธอเฉยๆ ไม่แต่งหน้าหรือว่าร่วมงานทั้งนั้น”
ได้ยินเช่นนั้น ถางหยวนหยวนยื่นอึ้งอยู่กับที่ มองเธอเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไป
“เฟยเฟย?”