บทที่1646 มิตรภาพเพื่อน
แม้แต่ช่างแต่งหน้าก็อึ้งและยืนนิ่งอยู่กับที่ เพราะว่าก่อนหน้านี้เด็กผู้หญิงเล่าให้เธอฟังอย่างมีความสุขว่าจะแต่งหน้าให้พี่สาวตัวเองอย่างไร เธอนั้นเตรียมอุปกรณ์ไว้หมดแล้ว คิดไม่ถึงว่า………..
เธอถืออายแชโดว์ไว้ในมือแล้วดึงผู้ช่วยออกไปอีกมุมหนึ่ง
“เฟยเฟย เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเราจะจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยด้วยกัน? วันนั้นเธอ……….”
“เหมือนวันนั้นฉันไม่ได้ตอบตกลงนะ?”น้ำเสียงของเมิ่งเข่อเฟยเยือกเย็นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังเธอ “ฉันไม่อยากมา เธอก็บังคับให้ฉันมา ฉันจึงมายินดีกับเธอ แต่ว่า ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ ขอตัวกลับก่อนก็ไม่ได้เหรอ?”
ถางหยวนหยวนตื่นตระหนกเล็กน้อย “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ว่า เธอจะไม่อยู่ร่วมงานกันก่อนเหรอ? วันนี้บรรยากาศคึกคักมาก อีกอย่างเธอก็อายุเท่าฉัน ฉันก็เลยบอกกับแม่ฉันว่า จะจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยพร้อมกับเธอ”
“ไม่เป็นไร แม้ว่าเราจะอายุเท่ากัน แต่เราไม่ได้เกิดวันเดียวกัน วันนี้เป็นวันก้าวผ่านวัยของเธอ ไม่ใช่ของฉัน”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเมิ่งเข่อเฟยเหมือนเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อย “อีกอย่าง นี่เป็นงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของคนรวยอย่างพวกเธอ คนจนอย่างเราไม่เหมาะที่จะจัดงานแบบนี้หรอก”
สีหน้าของถางหยวนหยวนเปลี่ยนไปทันที
“โอเค ยินดีด้วยนะ และขอให้มีความสุขกับชีวิตที่บรรลุนิติภาวะแล้วนะ ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ ขอตัวก่อนนะ”
พูดจบ เมิ่งเข่อเฟยก็หันหลังกลับแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก
“เดี๋ยวก่อน”ถางหยวนหยวนรีบเดินเข้าไปรั้งเธอไว้ “เฟยเฟย ทำไมเธอต้องพูดเรื่องพวกนี้ด้วย ฉันไม่เคยคิดหรือสนใจว่าฐานะของครอบครัวเธอเป็นยังไง แต่ว่าเมื่อกี้เธอ………”
พวกคำพูดที่ว่า คนจน คนรวย สองคำนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนดูห่างเหินกัน ถางหยวนหยวนจะฟังความหมายลึกๆของเธอไม่ออกได้อย่างไร เธอจึงทำได้เพียงดึงตัวเมิ่งเข่อเฟยไว้
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ๆเธอก็เปลี่ยนไป เธอบอกฉันหน่อยได้ไหม?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำจริงๆ”เมิ่งเข่อเฟยสะบัดมือของเขาออกและเตรียมที่จะออกไปจากที่นี่
ถางหยวนหยวนเห็นว่าเขาดึงดันที่จะไป และทำตัวเย็นชากับตัวเอง ภายในใจของเธอก็เกิดความโกรธขึ้นเล็กน้อย
“เธอไม่พูดอะไร และมาเมินฉันแบบนี้ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกัน แต่ความสัมพันธ์ของเราก็เท่าเทียมกันอยู่ใช่ไหม? เธอทำแบบนี้มันมีประโยชน์อะไร?”
คำพูดเหล่านี้เมิ่งเข่อเฟยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน เธอจึงหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ
เพราะในความทรงจำของเขา ถางหยวนหยวนเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก ใสซื่อบริสุทธิ์และไร้พิษภัย ทว่า คำพูดเหล่านี้ที่พูดออกมานั้น มันแรงมาก
เขาโกรธแล้วจริงๆสินะ? เมิ่งเข่อเฟยคิด
เขากัดริมฝีปากล่างของตัวเอง มีบางอย่างกำลังเอ่อล้นในดวงตา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
ถางหยวนหยวนค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา “เราเคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เพื่อนที่ดีถ้ามีอะไรก็ต้องคุยและปรับความเข้าใจให้ชัดเจนไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดนานมาก แต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจ การที่เธอแสดงท่าทีที่โกรธฉันอย่างมากแบบนี้ มันรู้สึกแปลกๆอธิบายไม่ถูกจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เมิ่งเข่อเฟยก็ยกยิ้มมุมปาก หันหลังกลับไปมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
“แปลกๆอธิบายไม่ถูก? งั้นก็เลิกคบเป็นเพื่อนกันไปเลย”
ถางหยวนหยวนอึ้งไปเลย
“เธอคิดว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอเหรอ?”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ฟังให้ดีนะ ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นคุณหนูผู้สูงส่งและร่ำรวย ทุกคนนั้นต่างก็รักและเอ็นดูเธอ ส่วนฉันเป็นลูกสาวของคนบ้านจนๆ พ่อแม่ของฉันทำงานทุกวันก็ต้องดูสีหน้าและอารมณ์ของคน แม้กระทั่งเงินที่ใช้ในชีวิตประจําวันฉันก็ต้องหาเอง ฉันที่เป็นแบบนี้ เธอมีสิทธิ์อะไรมาขอให้ฉันต้องมาร่วมงานงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของเธอด้วย?”
ตอนที่ได้ยินเขาพูดเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจําวันถางหยวนหยวนก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย “แต่ว่างานวันเกิดครั้งล่าสุด เราก็เฉลิมฉลองด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“อันนั้นฉันฝืน เธอเข้าใจไหม? ฉันไม่อยากฉลองงานวันเกิดบ้าๆนั้นกับเธอเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอด้วย”
ถางหยวนหยวนยืนอยู่กับที่อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่ได้พูดอะไร และไม่มีน้ำตาไหลออกมา เพียงแต่จ้องไปยังเขาด้วยดวงตาที่โต ใบหน้าของเมิ่งเข่อเฟยตรงหน้าค่อยๆเบลอและไม่ชัดเจน
แม้กระทั่งเสียงของเขาก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ตอนแรกฉันก็ไม่อยากมีเรื่องกับเธอในวันที่เธอบรรลุนิติภาวะ แต่ว่าเธอก็เค้นเอาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ได้ งั้นฉันจะบอกเธอแล้วกัน ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ ต่อไปนี้ถ้าเราเจอกันที่โรงเรียนอีกก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน เธอเดินไปตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของเธอ ส่วนฉันก็จะเดินไปตามทางของฉันเอง”
ทำไมกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
“สิ้นสุดเพียงเท่านี้นะ”
หลังพูดจบ เมิ่งเข่อเฟยก็ออกไปจากห้องแต่งตัว
ถางหยวนหยวนไม่ได้ตามออกไป เธอยืนอยู่กับที่ ตัวเธอนั้นราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดเชือกออก เหมือนจิตวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง
ช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยช่างแต่งหน้าที่ได้เห็นสถานการณ์ในเมื่อสักครู่ ก็อึ้งไปตามๆกัน ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะพูดคำพูดที่ไร้ความรู้สึกแบบนั้นออกมา ในตอนนี้ความคาดหวังของสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเธอ
เธอตั้งตารอเพื่อนสนิทของตัวเองมาร่วมงานจริงๆ ชุดที่ใส่ก็เตรียมไว้ให้เขาแล้ว ทว่า คนๆนั้นกลับบอกว่าจะเลิกคบเป็นเพื่อน
เธอจะ……..เสียใจขนาดไหนกันนะ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ช่างแต่งหน้าก็รีบเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าถางหยวนหยวน ก็พบว่าในดวงตาโตของเขานั้นเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้มันไหลออกมา
เขาทนไม่ไหวจนพูดออกไป “คุณหนูถาง อย่าร้องนะคะ ห้ามร้องไห้เด็ดขาด”
ถางหยวนหยวนเบิกตากว้างแล้วมองไปยังเขา
“วันนี้เป็นงานก้าวผ่านวัยของคุณหนูถางนะคะ ในงานเลี้ยงด้านนอกมีคนเยอะมาก อีกสักครู่คุณหนูก็ต้องเข้าไปในงานอีก ถ้าร้องไห้ เมคอัพทั้งหมดที่แต่งมาก็จะเสียเปล่านะคะ”
“ใช่”ถางหยวนหยวนพยักหน้า เขาไม่สามารถร้องไห้ได้ ถ้าร้อง เมคอัพก็จะหลุด ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนก็จะเห็นความตลกของเขา
วันนี้เป็นงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของเขา เป็นวันที่เขาควรจะมีความสุข เขาบรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
อดทน ต้องอดทนไว้
ช่างแต่งหน้ามองสาวน้อยจนไม่กล้ากะพริบตา เขายืนอยู่กับที่ ทั้งๆที่จะร้องไห้ออกมาแล้ว จมูกก็แดงไปหมด แต่ที่น่าแปลกใจคือไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
เห็นแล้วก็สงสาร อยากจะพูดกับเขาว่าร้องไห้ออกมาดังๆ
“ไม่ร้อง ฉันจะไม่ร้อง”ถางหยวนหยวนพยายามอดทนและสะกดจิตตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ผู้ช่วยช่างแต่งหน้าค่อยๆเข้าไปสะกิดช่างแต่งหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “แบบนี้มันไม่โอเคมั้งคะ เดี๋ยวจะออกไปยังไง? ให้เขาร้องไห้ออกมาก่อน แล้วพวกเราค่อยแต่งเติมเพิ่มให้ดีกว่าไหมคะ”
ช่างแต่งหน้าถอนหายใจออกมา “แต่ว่าเวลามีไม่มากแล้วน่ะสิ ถ้าต้องมาแต่งหน้าเพิ่ม เกรงว่าจะไม่ทันน่ะสิ”
ช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยเห็นต่างกัน การปรับแต่งหรือแต่งหน้าเพิ่มจากเมคอัพที่หลุดมันยากกว่าการแต่งหน้าใหม่เสียอีก
“แต่ว่าเธอดูสภาพของเขาสิ จะกดดันตัวเองจนเกินไปหรือเปล่า?”
“เฮ้อ”
ช่างแต่งหน้าถอนหายใจออกมา “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่ดี”
สิ้นเสียงพูด ก็มีเสียงฝีเท้าที่มั่นคงดังมาจากด้านนอก จากนั้นประตูห้องแต่งหน้าก็ถูกเปิดออก เสียงทุ้มของผู้ชายก็ดังขึ้น
“แต่งหน้าถึงไหนแล้ว?”
เสียงที่คุ้นเคยดังเข้าไปในหูของถางหยวนหยวน ดวงตาของเขาจึงเบิกกว้างขึ้น หัวใจที่เคยตึงเครียดก่อนหน้านี้เต้นแรงขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นมา
ตอนที่ยู่ฉือยี่ซูเดินเข้ามา ก็พบกับหญิงสาวที่หันหลังให้เขาอยู่ ช่างแต่งหน้าสองคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง สีหน้าท่าทางดูแปลกๆ ก็รู้ได้เลยว่ามีอะไรผิดปกติ
เขาเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิง “เป็นอะไรไป?”
หลังสิ้นเสียงพูด ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็วิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง