บทที่1665 สร้างโอกาส
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การสั่งสอน แต่ว่าจงฉู่เฟิงกลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามกับรู้สึกอบอุ่นมากกว่า
“โอเคๆๆ พี่ฉู่เฟิงรู้แล้วว่าผิด ครั้งหน้าจะต้องบอกหนูอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ จงฉู่เฟิงก็ลูบหัวของถางหยวนหยวน “ตอนนี้ไม่โกรธแล้วใช่ไหม? ”
ถางหยวนหยวนกลายเป็นน่ารักทันที “พี่ฉู่เฟิง หยวนหยวนไม่ได้ตั้งใจจะดุพี่นะ หยวนหยวนก็แค่รู้สึกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เพื่อนกันก็ต้องคอยดูแลช่วยเหลือกันสิถึงจะถูก เกิดเรื่องขึ้นกับแม่ของพี่ พวกเราเป็นเพื่อนก็ควรจะมาดูแลสิ”
ตอนที่เธอพูดนั้นมีความจริงใจอย่างมาก ดวงตาใสสะอาดราวกับน้ำ ไม่มีสิ่งอื่นสิ่งใดผสมอยู่ในนั้นเลย
จงฉู่เฟิงรู้ดี ว่าเธอเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนจริงๆ
เขารู้สึกดีใจ และก็รู้สึกทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน
ดีใจที่เธอเป็นห่วงตัวเองในฐานะเพื่อน เห็นเรื่องของเขาเป็นเรื่องของตัวเอง
สิ่งที่ทุกข์ก็คือ ถ้าเกิดว่าเป็นเพื่อนกันนั้น เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสถานะอื่นได้อีกต่อไปแล้ว
จู่ๆ จงฉู่เฟิงก็สังเกตเห็นว่าคอของเธอสวมสร้อยเส้นหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเธอสวมมันมาก่อน
“Seven Stars with Moon” เขาจ้องมองสร้อยเส้นนั้นแล้วก็เอ่ยปากถาม
พอได้ยินดังนั้น ถางหยวนหยวนก็ดึงสติกลับมาได้ ตอนที่เขาพูดว่าSeven Stars with Moonนั้นเธอก็รู้ดีว่าเขาพูดถึงอะไร ก็เลยพยักหน้าด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“อืม เป็นของขวัญวันเกิดที่ได้มาเมื่อวานน่ะค่ะ”
เธอไม่ได้พูดว่าใครเป็นคนให้ แต่ว่าจงฉู่เฟิงเห็นสีหน้าและสายตาของเธอ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องถามก็น่าจะเดาได้
แล้วยู่ฉือยี่ซูจะอ่านสีหน้าเขาไม่ออกได้ยังไงกัน?
แต่ว่าเรื่องบางเรื่องก็ต้องเผชิญหน้า ไม่มีทางเลือกอื่น
เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ห้องของคุณป้าอยู่ที่ไหน? ”
“ตามฉันมาสิ เดี๋ยวฉันพาไป”
จงฉู่เฟิงหันหลังแล้วเดินนำทางไป ยู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนก็เดินตามไปด้านหลัง
“แม่ฉันผ่าตัดเมื่อวาน วันนี้ก็มีชีวิตชีวาดี แต่ว่าหมอบอกว่าตอนนี้แม่ต้องพักผ่อนเยอะๆ แม่ยังอ่อนเพลียมาก ดังนั้นน่าจะคุยกับทั้งสองคนได้ไม่นานเท่าไหร่”
“อืมๆ ไม่เป็นไรหรอก” ถางหยวนหยวนพูดอย่างเอาใจใส่ “สุขภาพของคุณป้าสำคัญกว่าเยอะ ไม่คุยกันก็ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็แค่มาเยี่ยมเท่านั้นเอง”
หลังจากนั้นจงฉู่เฟิงก็พาทั้งสองคนเข้าไปในห้องผู้ป่วย ตอนที่จงฉู่เฟิงเปิดประตูห้องเข้าไปนั้น พยาบาลก็กำลังฉีดยาให้แม่ของจงฉู่เฟิงพอดี ดังนั้นพวกเขาก็ได้แต่รออยู่ข้างๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง พอพยาบาลฉีดยาเสร็จแล้วก็ออกไป
จงฉู่เฟิงถึงได้พาทั้งสองคนก้าวขึ้นไปด้านหน้า
“แม่ ยี่ซูกับหยวนหยวนมาเยี่ยมครับ”
คุณแม่จงที่พึ่งผ่านการผ่าตัดมา ดูซีดเซียวไปเยอะมาก แต่ว่าพอได้ยินว่ายู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนมา ก็พยายามจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา
“หยวนหยวนกับยี่ซูมายังงั้นเหรอ? เสี่ยงเฟิง รีบพยุงแม่ให้ลุกขึ้นนั่งเร็ว”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า! ”ถางหยวนหยวนรีบก้าวขึ้นไปด้านหน้า แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “คุณป้าพึ่งจะผ่าตัดได้ไม่นาน นอนพักผ่อนแหละดีแล้วค่ะ ไม่ต้องขยับหรอก”
เสียงของสาวน้อยอ่อนโยน และฝ่ามือที่จับแขนของเธอนั้นก็อ่อนนุ่มมาก ไม่เหมือนกับมือของจงฉู่เฟิงที่มีแต่กระดูกหรอก ไม่มีเนื้อเลยแม้แต่นิดเดียว จับเธอแล้วรู้สึกเจ็บ
คุณแม่จงมองถางหยวนหยวนแล้วก็คลี่ยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก
“สาวน้อยนี่ดีจังเลยนะ ตอนนั้นสุขภาพของป้าไม่ค่อยดี ไม่งั้นก็จะมีลูกสาวเพิ่มแล้ว”
จงฉู่เฟิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมุ่ยปาก “แม่ พูดแบบนี้เหมือนกับว่าไม่ชอบที่ผมดูแลไม่รอบคอบยังไงยังงั้นเลย”
“ต่อให้รอบคอบแค่ไหน ก็ไม่น่ารักเหมือนกับสาวน้อยหรอก ทำไม ลูกอยากจะแข่งขันกับสาวน้อยยังงั้นเหรอ? ”
จงฉู่เฟิงมุ่ยปาก ไม่พูดอะไรต่อ
ถางหยวนหยวนฟังออก ว่าคุณแม่จงชอบลูกสาวมากกว่าหน่อย ก็พูดอย่างน่ารัก “คุณป้าคะ ต่อไปนี้หนูจะมาดูแลคุณป้าทุกวันเลย ยังไงช่วงนี้หนูก็ไม่ต้องไปเรียนพอดี”
“ได้ยังไงกันล่ะ? ”คุณแม่จงส่ายหน้า “ป้าเกรงใจน่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ วางใจเถอะค่ะคุณป้า”
คุณแม่จงคิดไปคิดมา หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ก็ได้ ตอนนั้นจะให้เสี่ยวเฟิงไปรับไปส่งหนูนะ”
จงฉู่เฟิงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาเป็นประกาย แล้วก็พูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ยี่ซูต้องไปรับไปส่งเธออยู่แล้ว”
“ยี่ซู ต้องรบกวนหนูด้วยนะ”
สีหน้าของยู่ฉือยี่ซูนั้นเรียบง่าย “ไม่รบกวนหรอกครับ คุณป้าต้องบำรุงรักษาตัวเองดีๆ นะครับ”
หลังจากคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง คุณแม่จงก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า จงฉู่เฟิงห่มผ้าให้เธอแล้วรอให้เธอนอน ไม่นานการหายใจของคุณแม่จงก็ราบเรียบ
จงฉู่เฟิงมาส่งทั้งสองคนตรงหน้าประตู
“ในเมื่อได้มาเยี่ยมแล้ว ทั้งสองคนก็กลับไปได้แล้ว ถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องเอาแต่มาที่โรงพยาบาลหรอก”
“แต่ว่าพี่ฉู่เฟิง เมื่อกี้หนูรับปากคุณป้าไว้แล้ว ว่าจะมาทุกวัน”
“แกเลอะเลือนเพราะยังสุขภาพไม่ดีน่ะ ก็เลยพูดอะไรไปเรื่อย หนูไม่ต้องมาทุกวันหรอก แค่ได้มาเยี่ยมวันนี้ก็พอแล้ว”
แต่ว่าจู่ๆ ยู่ฉือยี่ซูก็พูดออกมาว่า “เดี๋ยวฉันจะมาส่งหยวนหยวนทุกวัน”
พอเห็นจงฉู่เฟิงมองมาที่ตัวเองอย่างประหลาดใจ เขาก็อธิบายว่า “ตอนนี้คุณป้ากำลังป่วยอยู่ มีสาวน้อยมาอยู่ด้วยจะได้คลายอารมณ์ได้บ้าง”
ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้ว จงฉู่เฟิงก็เหมือนกับว่าไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธได้อีก แต่ว่าเขาก็มองออกว่า ยู่ฉือยี่ซูนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนแล้ว
ทุกคนต่างก็รู้ แต่ว่ามีแค่สาวน้อยคนนี้เท่านั้นที่ไม่รู้ ซื่อบื้อจริงๆ เลย
“ก็ได้ ถ้ายังงั้นวันนี้กลับกันไปก่อนเถอะ”
ระหว่างทางที่กลับนั้น ถางหยวนหยวนก็หันไปมองยู่ฉือยี่ซู
“พี่”
“ว่าไง?”
“แม่ของพี่ฉู่เฟิงป่วย แล้วทำไมในห้องผู้ป่วยถึงมีเขาอยู่แค่คนเดียวล่ะ? ”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็นิ่งไป จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้เธอฟังยังไงดี สถานการณ์ที่บ้านของจงฉู่เฟิงค่อนข้างจะซับซ้อน พ่อของเขา……เลี้ยงชู้อยู่นอกบ้าน แม้แต่มีครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งกับเมียน้อย และแม่ของจงฉู่เฟิงก็ไม่ยอมหย่า
ดังนั้นพ่อของจงฉู่เฟิงก็ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว ต่อให้อยากจะกลับมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ว่าคนคนนั้นก็ไม่ยอมให้เขากลับมา
พอมาเทียบกันแล้ว พ่อของจงฉู่เฟิงค่อนข้างจะฟังทางฝั่งนั้นมากกว่า
เรื่องพวกนี้ถ้าเกิดว่าเล่าให้หยวนหยวนฟัง……
พอคิดแบบนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็พูดแบบนิ่งเรียบ “คนอื่นๆ น่าจะทำงานยุ่งน่ะ ไม่งั้นก็อาจจะเหมือนพวกเรา มาเยี่ยมนิดหน่อยแล้วก็กลับ ยังไงเมื่อกี้เธอก็เห็นแล้ว ว่าคุณป้าอ่อนล้าอย่างมาก จะอยู่รบกวนตรงนั้นตลอดไม่ได้หรอก”
“เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น”ถางหยวนหยวนพยักหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งก็เหมือนคิดอะไรขึ้นได้ “แต่ว่าถ้าเกิดว่ามีแค่พี่ฉู่เฟิงเฝ้าอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ พี่ฉู่เฟิงก็จะเหนื่อยมากเลยไม่ใช่เหรอคะ? เมื่อกี้หนูเห็นว่าตาเขาแดงหมดแล้วด้วย”
เขามองออกถึงความปวดใจของสาวน้อย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่ปกติมาก แต่ว่ายู่ฉือยี่ซูกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกประหลาด
เขารู้สึกว่าอารมณ์แบบนี้ของตัวเองนั้นมันน่ารังเกียจมาก ดังนั้นก็เลยได้แต่พูดว่า “ถ้ายังงั้นเดี๋ยวพี่จะมาอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนเขาเอง”
“จริงเหรอ? พี่นี่ดีจริงๆ เลย! ”
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “ไปกันเถอะ วันนี้กลับกันก่อน กลับไปแล้วก็พักผ่อนให้เยอะๆ พรุ่งนี้พวกเราก็มาใหม่”
“อืม”
ในห้องผู้ป่วย
หลังจากจงฉู่เฟิงไปส่งทั้งสองคนแล้วกลับมานั้น เดิมทีอยากจะเทน้ำดื่ม แต่กลับได้ยินเสียงของคุณแม่จงดังขึ้น
“เด็กบื้อ แม่สร้างโอกาสให้ลูกแล้ว แต่ลูกกลับยกให้คนอื่นยังงั้นเหรอ? ”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้จงฉู่เฟิงตกใจ เขาหันไปมองคนที่อยู่บนเตียง “แม่ นอนไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ”