บทที่ 1673 ความคิดเห็นที่ที่แตกต่าง
“พูดดีๆ แต่ดันไม่ชอบฟัง”
หยวนเย่าหันแทบไม่สนใจเลย ท่าทางการแสดงออกนั้นไม่แยแสแต่อย่างใด “เพราะยังไงแกก็ได้ฟังที่เธอพูดเมื่อครู่แล้วนี่ เจ้าตัวก็รู้แล้วว่าการที่เราเข้ามาตีสนิทนั้นเพราะอะไร ไหนๆ ก็รู้กันแล้ว แล้วทำไมต้องพูดให้เยิ่นเย้อไปด้วย?”
“พูดออกไปแบบนี้ ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะรู้ชัดก็ตามที แต่ว่าการที่พูดออกมานั้นความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน”
“ชอบแบบไหนก็เป็นไปแบบนั้นสิ”
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
หยวนเย่าหันเพิ่งตื่นนอน ตอนที่กำลังเตรียมตัวจะไปล้างหน้าล้างตาอยู่นั้น พลันเห็นถางหยวนหยวนที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านใน จนเธอตกใจจนอกสั่นขวัญหาย
“หยวนหยวน ทำไมตื่นเร็วขนาดนี้เนี่ย?”
ถางหยวนหยวนจากเมื่อวานที่เป็นคนเคร่งขรึมแต่เปลี่ยนนิสัยไปแทน แถมยังยิ้มเล็กน้อยให้เธอ “สวัสดีตอนเช้า”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หยวนเย่าหันหมดคำพูดไปทันที การที่เธอนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา นี่ยอมรับการความเป็นจริงได้แล้วเหรอ?
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไร้คำพูดจากหน้าของเธอ ถางหยวนหยวนก็พูดออกมาตรงๆ “ฉันคิดดีแล้ว ทุกคนต่างเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องให้มันดูทุเรศไปกันใหญ่ ต่อไปมีเรื่องอะไรเราก็สามารถทำร่วมกันได้”
แต่ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทที่แท้จริงเท่านั้นเอง แค่แสดงความสัมพันธ์แบบผิวเผิน ผ่านไปให้ได้เท่านั้นเอง
แม้ว่าตัวของถางหยวนหยวนเองก็รู้สึกว่าการที่ทำเช่นนี้มันดูเสแสร้งแกล้งทำมาก ทว่าเธอไม่อยากคาดการณ์จริงๆ กับการที่คนอื่นพยายามทำตัวตีสนิทกับตนเองนั้นมันเพราะเหตุใดกันแน่
ก็ทำเหมือนว่าพวกเธอคิดอยากจะเป็นเพื่อนกับตนเองจริงๆ ก็แล้วกัน การที่ทำเช่นนี้เธอก็จะไม่โดดเดี่ยวเกินไป
พูดแบบไม่ค่อยน่าฟังหน่อย แท้จริงแล้วก็คือต่างฝ่ายต่างมีประโยชน์ร่วมกัน
“ได้สิ” หยวนเย่าหันเผยอปากพูด “แกคิดได้ฉันก็ดีใจมาก รอให้ฉันอาบน้ำเสร็จก่อน เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน”
“อืม”
จากนั้นตอนที่หยวนเย่าหันกำลังแปรงฟันอยู่นั้น พลันหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูวีแชทไปด้วยพร้อมทั้งถามถางหยวนหยวน “ข้าวเช้าแกอยากกินอะไร? เราจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร หรือว่าจะกินข้างนอกกัน?”
เดิมทีถางหยวนหยวนอยากจะพูดว่า กินข้าวที่โรงอาหารก็ได้
แต่หยวนเย่าหันพูดประโยคต่อไปทันที “ไปกินข้าวข้างนอกเถอะ ช่วงนี้มีร้านเพิ่งเปิดใหม่รสชาติไม่เลวเลย ฉันกับเสี่ยวลู่เคยไปมาแล้ว วันนี้จะพาไปลองชิม”
ถางหยวนหยวนเริ่มแสดงความวิตกกังวลออกมา “ไปกินข้าวข้างนอกโรงเรียน กลับมาทันไหม?”
“ทัน ตอนนี้มันยังเช้าตรู่อยู่เลย พวกเรารีบไปหน่อยก็ทันแล้ว”
“ได้”
“เสี่ยวลู่ยังไม่ตื่นนอนเลย แกไปเรียกเธอให้ตื่น เพื่อจะได้ไม่ทำให้เธอคอยมาเป็นตัวถ่วงให้เราทีหลัง”
ดังนั้นถางหยวนหยวนเลยไปเรียกให้จางเสี่ยวลู่ตื่นนอน ทุกคนจัดการเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปด้วยกัน
เรื่องก็เป็นไปแบบนี้ การที่เสียพี่น้องเมิ่งเข่อเฟยในเวลานี้ ถางหยวนหยวน จางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันเพื่อนร่วมห้องก็รวมกลุ่มกัน แม้ว่าฐานะทางบ้านของทั้งสองคนไม่ได้ดีเทียบเท่ากับเธอก็ตาม แต่ก็ถือว่าไม่เลว ทุกคนเมื่อรวมตัวอยู่ด้วยกันแล้วมันมีความคิดบางอย่างที่แสดงความเหมาะสมกันอย่างลงตัว
ตัวอย่างเช่น ตอนที่ซื้อเสื้อผ้า ทุกคนต่างเลือกแบบของเสื้อผ้าที่มีคุณภาพดีและยังเป็นของแบรนด์เนม ส่วนเรื่องรองเท้าไม่ต้องพูดถึง การกินอยู่ก็เช่นเดียวกัน เพราะเน้นเรื่องของคุณภาพเป็นสำคัญ
ทว่าถางหยวนหยวนตอนอยู่กับเมิ่งเข่อเฟยนั้น เมิ่งเข่อเฟยเลือกสินค้าที่สวยแต่มีราคาย่อมเยา บางครั้งถางหยวนหยวนก็อยากจะช่วยเหลือเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมรับมันสักครั้ง
ทั้งสองคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไม่เหมือนกันสักอย่างมาโดยตลอด
สองคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ถ้าไม่ใช่ว่าแกจำใจปล่อยไปตามฉัน ก็ต้องเป็นฉันที่จำใจยอมให้แกบ้าง ความจริงแล้วการทำเช่นนี้ถือว่ามีความสุขมาก ขอแค่ต่างใช้ชีวิตเป็นตัวของตนเองก็มีความสุขดี
แต่พอมาอยู่กับจางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันแล้วนั้น ถางหยวนหยวนยังรู้สึกว่าตนเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างเธอเองก็รับรู้ว่า ความสุขของตนเองนั้นสำคัญที่สุดแล้ว
เรื่องอื่น ก็ถือว่าปล่อยไปตามน้ำ
วันเวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่ได้เป็นคนต้องการอยากเจอยู่ฉือยี่ซู เพราะว่าปีนี้ยู่ฉือยี่ซูใกล้จบเรียนจบแล้ว เลยค่อนข้างยุ่งเป็นพิเศษ ทั้งสองคนไม่ค่อยได้คุยกันแล้ว ขนาดจงฉู่เฟิงเองยังเคยมาหาเธอแค่ครั้งเดียวเอง
ถางหยวนหยวน จางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันเดินเข้าออกโรงเรียนพร้อมกันอยู่บ่อยๆ ทั้งเรื่องเรียน ออกกำลังกาย การกินอยู่ ต่างเป็นทีมเดียวกันไม่มีใครแตกแยก เวลาช่างจัดการได้เป็นอย่างดี
ไม่ทันรู้ตัว มิตรภาพของทั้งสามคนแปรเปลี่ยนเป็นสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ถางหยวนหยวน ยังรู้สึกว่าจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันนั้นจิตใจไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จนไม่รู้ตัวว่าพวกเขาทั้งสองคนจะส่งผลมาถึงตนเองด้วย หรือว่าตนเองไปส่งผลกระทบกับพวกเธอกันแน่?
พริบตาเดียวผ่านไปสองเดือนแล้ว
หลังเที่ยงวัน
ทั้งสามคนอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ถางหยวนหยวนสั่งมาหนึ่งชามเน้นเผ็ดมาก ดังนั้นเลยกินจนจมูกแดงแจ๋ กินไปน้ำตาก็ไหลไปเรื่อย พอน้ำตาไหลก็เอาทิชชูมาเช็ด เช็ดเสร็จก็กินต่อ
“เฮ้อ แกดูแกนะ ทั้งๆ ที่กินไม่ค่อยเผ็ดอยู่แล้ว ทำไมมาทุกครั้งต้องสั่งเผ็ดมากด้วยล่ะ?”
จางเสี่ยวลู่บ่นถางหยวนหยวนเสร็จ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วไปสั่งนมเปรี้ยวแช่เย็นมาหนึ่งขวด “ดื่มอันนี้ไปสิ ได้ข่าวว่าดื่มนมเปรี้ยวแล้วมันจะช่วยให้หายเผ็ด”
“ขอบใจนะ” ถางหยวนหยวนรับเอานมเปรี้ยวมาจากนั้นก็ดื่มไปหลายอึก ความรู้สึกเย็นฉ่ำชื่นในไปทั่วทั้งปาก ก่อนหน้านี้ลิ้นเธอชาไปทั้งลิ้นเพราะว่าความเผ็ด สักพักเหมือนรู้สึกว่ามันดีขึ้นเยอะ
“ฉันว่าแกพอเถอะ ให้เจ้าของร้านเอาก๋วยเตี๋ยวพวกน้ำซุปใสมาเปลี่ยน แกกินเผ็ดไม่ได้จริงๆ” หยวนเย่าหันคิดว่าอยากให้เธอเอาน้ำซุปที่สั่งเพิ่มความเผ็ดชามนี้ทิ้งไปแล้วไปเปลี่ยนเป็นซุปใสแทน แต่พอจะลุกขึ้นยืนก็เห็นว่าเจ้าของร้านถือก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปใสมาให้แล้ว
“สาวน้อย อันนี้ให้คุณ”
“ห๊า?” ถางหยวนหยวนนั่งอยู่ตรงนั้น มีอาการมึนงงเล็กน้อย เพราะว่าดวงตาและจมูกของเธอต่างแดงแจ๋ ขนาดดวงตายังบวมเพราะความเผ็ดเลย ดังนั้นการลุกขึ้นยืนแล้วท่าทางน่าสงสารเล็กน้อย
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
“เถ้าแก่ พวกเรายังไม่ได้สั่งเลย คุณรู้ได้อย่างไร?”
เจ้าของร้านเป็นผู้ชายอายุ 40 กว่าต้นๆ ที่ดูซื่อสัตย์มาก เมื่อได้ยินดังนั้นเลยยิ้มให้พร้อมทั้งมองไปอีกทาง จากนั้นก็ชี้มือไป “เด็กหนุ่มทางนั้น บอกว่าเห็นคุณคนนี้กินแล้วช่างน่าสงสาร เลยให้ฉันเอาแบบน้ำซุปใสมาให้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กสาวสามคนต่างตกตะลึง จากนั้นก็มองตามมือของเจ้าของร้านที่ชี้ไปดู
เป็นชายหนุ่มที่ผิวพรรณขาว การแต่งตัวสะอาด พร้อมทั้งใส่แว่นนั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่ากลุ่มพวกเธอมองไปทางนั้นแถมยังโบกมือให้พวกเขาอีก มองดูแล้วเป็นคนใจกว้างสายเปย์อยู่
“สาวน้อย ชายหนุ่มคนนั้นให้ฉันพูดกับคุณว่า คุณกินเผ็ดไม่ได้ก็ไม่ต้องไปบังคับพยายามกินเผ็ด กระเพาะมันรับไม่ไหว ถึงตอนนั้นจะปวดกระเพาะ มันทรมานจนทนไม่ไหว”
ถางหยวนหยวนสบสายตากับชายหนุ่มคนนั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พลันรู้สึกว่าแววตาของเขามันช่างแผดเผามาก พลันรีบหลบสายตาของเขาอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เลยพูดเสียงเบาออกไปประโยคหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ เถ้าแก่ ฉันรู้แล้ว”
ชายหนุ่มไม่ได้เดินมา ส่วนถางหยวนหยวนก็ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวที่เพิ่มความเผ็ดชามนั้นอีกเลย เพราะเดิมทีเธอก็คือจะไปสั่งบะหมี่น้ำซุปใสมาอีกชามอยู่แล้ว
ไม่คิดว่าจะมีคนสั่งแทนเธอก่อนแล้ว ตอนที่เธอก้มหน้าก้มตาซดน้ำแกงอยู่นั้น จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันพลันฉีกยิ้มรอยยิ้มไม่ประสงค์ดีออกมา
“อิๆ หยวนหยวนของเรา ในที่สุดก็มีคนมาจีบแล้วเนี่ย?”
“ชิ หยวนหยวนหน้าตาสวย ก่อนหน้านี้ไม่มีคนมาจีบเลย ฉันยังรู้สึกแปลกๆ อยู่เลย นี่ถือว่าเป็นการแสดงออกที่ถือว่าปกติ”
เมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าของถางหยวนหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกแกอย่าพูดมั่ว”
“แกกลัวอะไร คนอื่นก็ไม่ได้ทำอะไรกับแกนี่ แค่ส่งบะหมี่เนื้อวัวให้แกชามหนึ่งเท่านั้นเอง”
แต่ว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลกระทบกับถางหยวนหยวนเล็กน้อย เธอได้แต่เม้มริมฝีปากเอาไว้ แล้วก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ต่อ
หลังจากกินบะหมี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถางหยวนหยวนกับเพื่อนๆ เตรียมตัวไปจ่ายเงินนั้น แต่ทางเจ้าของร้านก็บอกกับพวกเธอไว้ว่าโต๊ะของพวกเธอมีคนจ่ายเงินแล้ว
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะว่าเขาก็เพิ่งไปไม่นาน ถางหยวนหยวนได้แต่เร่งฝีเท้าเดินตาม