บทที่ 1678 ตกลงไหม
วันนี้ถางหยวนหยวนกล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเอาความรู้สึกที่อยู่ในใจนั้นกล้าพูดออกมา หลังจากที่พูดพร่ำตะโกนออกมาแล้ว เธอถึงได้รับรู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปแล้ว
ถางหยวนหยวนรีบถอยหลังไปหลายก้าวทันที ใบหน้าซีดเผือด
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
คำพูดพวกนี้เธอไม่ควรจะพูดมันออกมา เพราะว่าการแสดงออกของเขานั้นมันชัดเจนมาก ถ้าพูดออกมาอีกครั้ง มันคงจะทำให้เป็นเรื่องตลกสำหรับเขาแหละ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของถางหยวนหยวนนั้นกระสับกระส่ายทันที พลางรีบหันตัวเพื่ออยากจะหนีไปแทน
ทว่าข้อมือถูกยู่ฉือยี่ซูคว้าเอาไว้ เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ถามคำถามคุณอยู่นะ แล้วจะวิ่งไปดื้อๆ ได้ไง?”
“ฉัน ฉันไม่รู้ คุณปล่อยฉันนะ”
ยู่ฉือยี่ซูไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อยเธอ พร้อมทั้งกวาดตามองรอบๆ แล้วพูดออกมาว่า “พวกเราไปหาที่นั่งคุยกันอย่างจริงจัง”
“ฉันไม่ไป” ถางหยวนหยวนเดินถอยหลัง “คุณปล่อยมือฉันนะ”
เธอไม่ยินยอมไปด้วย ยู่ฉือยี่ซูได้แต่อุ้มตัวเธอขึ้นมา ถางหยวนหยวนตะลึงทันที ยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้ทันเท้าทั้งสองข้างก็พลันลอยอยู่กลางอากาศแล้ว ร่างกายไม่อาจตอบสนอง จากนั้นก็เกี่ยวคอเขาเอาไว้แน่นจากสัญชาตญาณ
จนถึงเวลายู่ฉือยี่ซูกอดเธอแล้วก้าวยาวๆ เดินไปทางด้านหน้า สัญชาตญาณของถางหยวนหยวนรับรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอทั้งรำคาญทั้งโมโหตอนพูดออกมา “คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!”
ยู่ฉือยี่ซูราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย พร้อมทั้งพาตัวเธอไปยังสถานที่อันสงบเงียบ จากนั้นถึงยอมปล่อยตัวเธอลง
“เมื่อครู่ตรงนั้นคนไม่ค่อนข้างเยอะ ตรงนี้ค่อยๆ พูดกัน”
เขามองมาทางถางหยวนหยวนหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าการแสดงออกกับความรู้สึกยังคงไม่ปกติอยู่เช่นเดิม พลางเม้มปากถาม “คุณอยากจะลงมาพูดดีๆ หรือว่าจะอยู่ในอ้อมกอดของฉันแล้วค่อยพูดดี?”
ถางหยวนหยวน “?”
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าพูดว่าเธอไม่ยอมพูดกับเขาดีๆ เขาก็เลยต้องอุ้มตนเองเอาไว้แบบนี้ตลอด?
“หืม? เลือกสักอย่างนะ”
ยู่ฉือยี่ซูกระซิบเสียงต่ำ “ถ้าบอกให้ฉันวางตัวคุณลงแล้วคุณยังอยากจะวิ่งหนีแล้วละก็ ฉันก็จะอุ้มตัวคุณขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้นก็จะคุยกันแบบนี้แหละ”
เขาพูดออกมาเช่นนี้ ถางหยวนหยวนจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
งั้นก็ไม่ใช่กลายเป็นว่าให้เขามาอุ้มตนเองไม่ใช่เหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถางหยวนหยวนได้แต่ยินยอม
“ฉันต้องการลงไปคุยกัน”
“ไม่วิ่งแล้วนะ?”
“ไม่วิ่งแล้ว”
ถ้าวิ่งก็คงจะโดนอุ้มอีก ถ้างั้นก็ยืนคุยกันดีกว่า
แม้จะพูดว่า ถางหยวนหยวนโหยหาอ้อมกอดของยู่ฉือยี่ซู แต่ว่าในเวลานี้ ก็ต้องพูดกันให้ชัดเจนกันสักหน่อย
“พูดเสร็จแล้ว ถ้าอยากจะวิ่งหนีอีก ถึงเวลานั้น…”
คำพูดภายหลังนั้นยู่ฉือยี่ซูไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ว่าเขาก็เอาตัวของเธอวางลง หลังจากที่ถางหยวนหยวนเท้าแตะพื้นแล้ว จากนั้นก็จัดระเบียบเสื้อผ้าของตนเอง พร้อมทั้งทำปากมุ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณจะพูดอะไร ก็พูดออกมาเถอะ!”
ยู่ฉือยี่ซูเหล่ตามองเธออย่างตลก “ทำไมกลายเป็นฉันเป็นคนพูดล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าคุณจะพูดหรอกเหรอ?”
“อืม ก็ดี งั้นคุณก็ตอบคำถามของฉันเมื่อครู่ก่อน คิดดีแล้วเหรอ?”
ถางหยวนหยวนจ้องมองเขาอย่างไม่ยินดี “หมายความว่ายังไง?”
ยู่ฉือยี่ซูมองเธออย่างเงียบขรึมอยู่นาน พลันโน้มตัวลงมา มือประคองท้ายทอยของเธอเอาไว้ หน้าผากชนหน้าผากของเธอ ระยะห่างของคนทั้งสองคนเขยิบเข้าหากัน
“ไม่ใช่บอกว่าชอบฉันไหม แถมอยากจะอยู่กับฉัน เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งพูดกับฉันเหรอ ถ้าฉันมั่นใจคนคนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นก็คือการอยู่ด้วยกันชั่วชีวิต เรื่องแบบนี้คุณคิดดีแล้วใช่ไหม?”
การเขยิบเข้าหาอย่างทันด่วนมันทำให้ถางหยวนหยวนหน้าแดงแจ๋และใจเต้นแรง เธออยากจะผลักเขาออก ทว่าเพิ่งรู้ตนว่าตนเองไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
ร่างกายและหัวใจของเธอนั้น มันเอนโอนไปทางยู่ฉือยี่ซู
“ไม่พูดเหรอ นั่นก็หมายถึงว่ายังคิดไม่ได้?” ยู่ฉือยี่ซูถอนหายใจทันที “หรือว่า ตกใจกับคำพูดของฉันไปซะแล้ว?”
พูดจบ ยู่ฉือยี่ซูพลันถอนหายใจยาวเหยียด “ฉะนั้นก็พูดได้ว่า คุณยังไม่โตพอ เพราะว่าคำพูดที่ฉันพูดออกมาในวันนี้ก็ถือว่าพูดไปแล้ว หรือว่าเอากลับไปคิดอีกรอบดูไหม? จากนั้น เพื่อนผู้ชายก็ไม่ต้องเจอหน้าแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ยู่ฉือยี่ซูตะลึงชั่วครู่ “ถ้าได้ยินได้ฟังคำพูดของพี่ชายแล้ว คุณอยากจะเห็นเพื่อนผู้ชายคนนั้น ก็ได้นะ”
“ทำไม?” ถางหยวนหยวนไม่เข้าใจ
“ฉันก็ได้แสดงจุดยืนในใจออกมาจนหมดเปลือกแล้ว คุณอยากจะเจอหน้าเขา นั่นก็หมายความว่าคุณไม่ได้ชอบฉันจริงๆ ดังนั้นฉันก็จะเคารพความคิดของคุณ เข้าใจไหมเจ้าเด็กน้อย?” ยู่ฉือยี่ซูจิ้มปลายจมูกของเธอ น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเบื่อหน่ายแล้วการทะนุถนอมเอาใจ
ถางหยวนหยวนกัดริมฝีปากด้านล่างแต่ไม่ยอมตอบ
“ฉันก็ไม่ได้บังคับคุณนะ ตอนนี้จะเอาคุณไปส่งกลับโรงเรียน ระยะนี้คุณก็ค่อยๆ คิดให้ดีๆ เมื่อคิดได้แล้วค่อยมาบอกคำตอบกับฉัน”
จากนั้นยู่ฉือยี่ซูก็พาถางหยวนหยวนมุ่งหน้าเดินมาทางโรงเรียน ตลอดทางถางหยวนหยวนเอาแต่เงียบงัน พร้อมทั้งหลุบตาต่ำครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
จนเดินมาถึงประตูโรงเรียน ท้องฟ้าก็ค่ำมืดแล้ว ทางเดินตรงประตูโรงเรียนคนก็น้อยลงแล้ว
“เข้าไปเถอะ”
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเธอ “กลับไปแล้วคิดให้ดีๆ”
ถางหยวนหยวนยืนอยู่กับที่ไม่มีการขยับเขยื้อน นานชั่วครู่ถึงได้เงยหน้าจ้องมองมาทางเขา
“พี่ชาย”
“หืม?”
“ก่อนหน้านี้คุณยังไม่ได้ตอบให้ตรงคำถามของฉันเลย เพราะว่าในใจมีคำพูดบางอย่างที่แอบซ่อนเอาไว้ใช่ไหม?”
ยู่ฉือยี่ซูเงียบขรึม
“ใช่ไหม?” ถางหยวนหยวนที่รอคำตอบไม่ไหว รีบถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่” ยู่ฉือยี่ซูพยักหน้าให้ “ตอนนี้พูดคำพูดเหล่านี้ออกไป คุณก็จะคิดว่าพี่ชายเป็นบ้าไปแล้วมั้ง?”
ความจริงแล้วเขาไม่คิดว่าจะพูดออกมา เพราะด้วยนิสัยของเขา ขอแค่รอให้เธอได้โตเป็นผู้ใหญ่อีกสักหน่อย ถ้ามาอยู่ด้วยกันจริงๆ เช่นนั้นก็จะไม่ปล่อยให้เธอไปอีกแล้ว แทบไม่ต้องพูดแล้ว
แต่ว่าได้ข่าวว่าเธอกลับมานั่งกินชาบูหม้อไฟกับเพื่อนผู้ชาย หัวใจอันสงบนิ่งของยู่ฉือยี่ซูเริ่มแสดงอาการกระวนกระวายขึ้นมา เพราะหวาดกลัวว่าเธอจะไปอยู่กับเพื่อนผู้ชายจริงๆ กลัวว่าเธอจะไปจากข้างกายของตนเองจริงๆ
ก่อนหน้านี้จงฉู่เฟิงก็เคยพูดคำพูดพวกนี้กับเขา เขาก็จำฝังใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาส เขาก็ไม่อาจจะทดสอบความรู้สึกในจิตใจของตนเองได้ เพราะหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นปีศาจอันหิวกระหายไปแทน?
ความจริงแล้วยู่ฉือยี่ซูรู้สึกว่าในงานพิธีบรรลุนิติภาวะวันนั้น การส่งของสิ่งนั้นไปก็แสดงความในใจของเขาเพียงพอแล้ว ช่างน่าเสียดายที่สาวน้อยนั้นใสซื่อบริสุทธิ์ ประมาณว่าคงไม่เข้าใจ
เธอนั้นอยากจะได้ยินออกมาจากปากเขาอย่างจริงๆ จังๆ
ดังนั้นวันนี้ยู่ฉือยี่ซูก็ได้สมตามใจเธออยากแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าในใจของเธอในเวลานี้นั้นคิดอะไรอยู่ แต่ว่าคำพูดนั้นก็พูดออกมาแล้ว และไม่มีพื้นที่ของความเสียใจ ความจริงแล้วเมื่อครู่คำพูดประโยคนั้นของเขาที่พูดว่าคุณสามารถไปหาเพื่อนผู้ชายคนนั้นได้ แต่ก็ไม่อยากพูดออกมา
แต่ว่าไม่พูดก็ไม่ได้ ทั้งกลัวว่าสาวน้อยจะถูกตนเองทำให้ล่าช้าไปอีก
“ทำไม? ทำไมคุณรู้สึกว่าพูดคำพูดพวกนี้ออกมาแล้วฉันจะคิดว่าคุณเป็นบ้าไปแล้ว? หรือว่าการชอบใครสักคน สำหรับคุณแล้วการต้องการอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต มันเป็นเรื่องน่าขายหน้าเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ยู่ฉือยี่ซูตอบเธออย่างแน่วแน่ “พี่ชายแค่กลัว กลัวว่าคุณเพิ่งจะเริ่มออกตัวก็ถูกพี่ทำให้ตกใจจนยอมถอยหลังไปนะสิ”
“ฉันไม่เป็นแบบนั้น!” ถางหยวนหยวนกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ เบ้าตาแดงจ้องเขาไว้ตาเขม็ง “ฉันดูขี้ขลาดขนาดนั้นเลย?”
นัยน์ตายู่ฉือยี่ซูปรากฏรอยยิ้มแสดงให้เห็น “เช่นนั้นความหมายของน้องก็คือ ตกลงแล้วใช่ไหม?”
เมื่อพูดจบ ถางหยวนหยวนก็หน้าแดงระเรื่อ “ฉันไปตกลงตอนไหนกัน? ฉันก็แค่พูดว่าฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดนั้น ส่วนเรื่องยอมตกลงหรือไม่มันเกี่ยวอะไรด้วย?”
“อ้อ” ยู่ฉือยี่ซูหลุบตาต่ำนัยน์แสดงให้เห็นถึงความหมดหวัง “ก็ใช่ คุณก็คงไม่ตอบตกลงง่ายๆ คิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”