บทที่ 1685 มีเสน่ห์มาก
ตระกูลเย่กับตระกูลถางสองตระกูลตัดสินใจเรื่องแต่งงานในเวลาไม่นาน มีการจัดพิธีหมั้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งสองแลกเปลี่ยนแหวนหมั้นกัน
ในวันหมั้น หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ต่างแต่งตัวมากันอย่างฉูดฉาดหรูหรา หลังจากสนิทกับถางหยวนหยวน บุคลิกจึงส่งอิทธิพลซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ทั้งสองคนปรับปรุงตัวดีขึ้นมาก และจะไม่เล่นเพ้อฝันกันอีกต่อไป หรือแม้แต่แกล้งล้อถางหยวนหยวนก็ตาม
“ทั้งทั้งที่เป็นงานหมั้นของเธอ ปรากฏว่าเราแต่งตัวฉูดฉาดหรูหรากว่าเธออีกนะ เธอคงจะไม่โกรธพวกเราใช่ไหม”
จางเสี่ยวลู่รีบพูดว่า “เธอจะโกรธอะไร ชายที่หล่อที่สุดในเมืองเป่ยกลายมาเป็นสิ่งของในกระเป๋าของเธอแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็จะไม่เหลือบมองมาที่พวกเรา เธอสุขใจจนไม่มีเวลาเหลือแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบ จางเสี่ยวลู่ก็เบียดเข้าไปเกาะถางหยวนหยวน “ฉันพูดถูกไหม”
ถางหยวนหยวนแก้มแดงเรื่อ มีอาการเขินอายเล็กน้อย เป็นความจริงที่เธอไม่ได้สนใจว่าพวกเธอทั้งคู่แต่งตัวอย่างไร เพราะพวกเธอทั้งสองก็เป็นแบบนี้ปกติ มีบุคลิกเปิดเผย
“ไม่ว่ายังไงก็ขอแสดงความยินดีกับงานหมั้นของเธอด้วยนะ ขอให้สมหวังดังปรารถนา”
“ขอบใจจ้ะ” ถางหยวนหยวนพูดทั้งแก้มแดงก่ำ
“จริงสิ ตอนนี้เธอไม่ได้ติดต่อกับเมิ่งเข่อเฟยแล้วเหรอ” ทันทีที่จางเสี่ยวลู่ถามออกไป หยวนเย่าหันก็รีบห้ามเธอทันที “ทำไมถามแบบนี้ล่ะ”
จางเสี่ยวลู่ชะงักไป จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงเรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว แต่ถามหน่อยไม่ได้เหรอ”
เมื่อพูดถึงเมิ่งเข่อเฟ่ย มันเป็นหนามกลางใจของถางหยวนหยวนอย่างแท้จริง “ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันเปิดมุมมองแล้ว เราไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้ว”
“ก็ดีแล้ว ยังไงคนเราก็เป็นแบบนี้ คนรอบข้างมาแล้วก็ไป บางทีตอนที่จบมหาวิทยาลัย พวกเราก็ต้องแยกจากกันไปแล้ว”
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ
“แต่ถึงไม่ได้ติดต่อกัน ตราบใดที่เธอมีคนอยู่เคียงข้างเสมอ มันก็เพียงพอแล้ว”
นั่นก็จริง ตราบใดที่ยู่ฉือยี่ซูอยู่เคียงข้างเธอเสมอ มันก็เพียงพอแล้ว
หลังจากงานหมั้นจบลง หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ได้รู้จักเพื่อนหลายคนในงานเลี้ยง นัดกันออกไปข้างนอกหลายครั้ง ไม่นานทั้งสองก็ไม่โสดอีก ดังนั้นจึงใช้เวลาอยู่ร่วมกันน้อยมาก
เนื่องจากเรื่องหน้าที่การงานของยู่ฉือยี่ซู ดังนั้นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไม่นานก็ต้องแยกจาก อีกทั้งเพราะถางหยวนหยวนยังต้องไปศึกษา ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายหมั้นกันแล้ว จึงไม่มีเรื่องอะไรอีก
ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย ถางหยวนหยวนเจอเมิ่งเข่อเฟยเมื่อเข้าชมรมหนังสือพิมพ์
ทั้งสองมองหน้ากัน ถางหยวนหยวนคิดว่าอีกฝ่ายจะหลบเลี่ยงสายตาของเธอ คิดไม่ถึงว่าเมิ่งเข่อเฟยจะมาทักทาย เดินมาถึงตรงหน้าเธอ
“เธอก็เข้าชมรมนี้ด้วยเหรอ”
ได้ยินเสียงของเมิ่งเข่อเฟยอีกครั้ง ถางหยวนหยวนรู้สึกตกอยู่ในภวังค์
ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว เธอยังคิดว่าถางหยวนหยวนจะไม่คุยกับตัวเองอีก
“อืม”
“ฉันก็เข้าชมรมนี้ ถ้าเธอรังเกียจ จะไปหาชมรมอื่นอีกก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วถางหยวนหยวนก็ชะงักไป
“จริงสิ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นฉันที่ไม่ดี”
เมิ่งเข่อเฟยฉีกยิ้ม “ตอนนี้ทุกครั้งที่คิดขึ้นมา รู้สึกว่าฉันเด็กเกินไป ในสมัยนั้นเธอมอบใจมอบความรู้สึกให้ฉัน แต่ฉันกลับเอาแต่ใจตัวเองไปไม่พอใจเธอ”
ถางหยวนหยวนไม่ได้ตอบ แค่รู้สึกจุกในใจเล็กน้อย
“ตอนนี้ฉันคิดแล้วก็เข้าใจ เพียงแต่ยังเป็นหนี้คำขอโทษเธอ”
“ไม่ ไม่ต้อง” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “เธอก็ไม่ได้เป็นหนี้อะไรฉัน ที่จริงตอนนั้นเป็นปัญหาของฉันเอง พวกเราเป็นคนละโลก ฉันไม่ควรไปบังคับฉุดดึงเธอ และยิ่งไม่ควรตัดสินใจแทนเธอ”
“เป็นคนละโลกเหรอ” รอยยิ้มของเมิ่งเข่อเฟยเย็นชาลงเล็กน้อย “จะว่าไปก็จริง เธอกับฉันแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้เป็นคนในโลกเดียวกัน”
“ดังนั้นคนที่ควรขอโทษต้องเป็นฉัน” ถางหยวนหยวนยิ้มเล็กน้อย
เมิ่งเข่อเฟยประหลาดใจเล็กน้อย “ตอนนั้นในงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเธอ ฉันกลับเลิกคบเธอ เธอไม่เกลียดฉันสักนิดเลยเหรอ”
ถางหยวนหยวนส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรต้องเกลียด ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นไปได้ว่าอาจจะทำมากกว่าเธอในตอนนั้นก็ได้ ดังนั้นหากกลับกันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไร”
ได้ยินตรงนี้ เมิ่งเข่อเฟยก็นับว่าเข้าใจแล้ว ตอนนี้สำหรับถางหยวนหยวนต่อเธอแล้วพูดได้ว่าไม่มีอารมณ์อะไรเลย ซึ่งอารมณ์ก็คือความรู้สึก
ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา ที่แท้กลับกลายเป็นว่าเธอเจ็บปวดมาโดยตลอด ส่วนคนอื่นลืมไปนานแล้ว
“เฟยเฟย” ถางหยวนหยวนเรียกชื่อของเธอ “นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเรียกเธอแบบนี้ ตอนนั้นที่ได้เป็นเพื่อนสนิทกับเธอฉันมีความสุขมาก ต่อให้หลังจากนั้นมันจะมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น แต่ฉันก็ไม่เสียใจภายหลังที่ตอนนั้นได้เป็นเพื่อนสนิทกับเธอ ความคิดของเธอฉันเข้าใจ ตอนนี้เธอควรจะได้มีช่วงเวลาที่ดีแล้ว จะไม่มีการตัดสินใจแทนเธออีกต่อไปแล้ว ทางฉันก็ดีเช่นกัน และฉันก็พบว่า คนเป็นเพื่อนกันต้องมีโชคชะตาร่วมกัน”
เมิ่งเข่อเฟยไม่ได้พูดอะไร
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม หวังว่าเธอจะพบคนที่มีหลักการเหมือนกันกับเธอ อนาคตราบรื่น ชมรมนี้ฉันจะไม่อยู่ ฉันจะไปหาที่อื่น”
เมื่อพูดจบ ถางหยวนหยวนโบกมือให้เธออย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ไม่ยุ่งกับเธออีก
เมิ่งเข่อเฟยยืนอยู่กับที่ มองด้านหลังของเธอที่ห่างออกไป มือที่ห้อยลงสองข้างอดไม่ได้ที่จะกำแน่น
เวลานี้เธอไม่มีความเห็นแก่ตัวอีกและรู้สึกโล่งใจ ทั้งขอโทษและอวยพร ถ้าเธอตามไปพูดอะไรอีก มันก็ไม่ใช่ตัวเธอ
เป็นเพื่อนกันหลายปี คิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียไปแบบนี้
เมิ่งเข่อเฟยหลับตาครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในดวงตามีเพียงความเศร้าโศก เธอหันหลังแล้วเดินไปจากตรงนั้น
การเผชิญหน้ากันครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในชีวิตของถางหยวนหยวน เธอยังต้องเรียนหนักและยังต้องพยายามใช้ชีวิต เธอก็ไม่ได้คิดว่าการเผชิญหน้ากันครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนั้น
ตอนแรกเธอคิดมาตลอดว่าตัวเองเสียใจ แต่เมื่อเมิ่งเข่อเฟยยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ทันใดนั้นถางหยวนหยวนก็ได้พบว่า ตัวเองก็ไม่ได้เสียใจขนาดนั้น
เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนที่เธออยู่กับตัวเองนั้นรู้สึกเจ็บปวดมาก เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วที่แยกจากเธอ
ช่วงที่ยู่ฉือยี่ซูงานไม่ยุ่งก็จะเข้ามาหาถางหยวนหยวน เมื่อถึงวันหยุดยาวทั้งคู่จะไปเที่ยวพักผ่อนกันนิดหน่อย
แผนถัดไปของทั้งคู่คือการไปต่างประเทศ ไปดูทัศนียภาพในต่างประเทศ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงเวลาจบการศึกษา
ในวันรับปริญญายู่ฉือยี่ซูยังมาหาเป็นพิเศษด้วย แต่ถางหยวนหยวนกลับได้รับคำสารภาพรักจากรุ่นน้องในพิธีรับปริญญา
ยู่ฉือยี่ซูยินพิงประตูสถานศึกษา ตอนที่เธอกำลังเดินไปกลับมีรุ่นน้องมาขวางเธอไว้ หลังจากนั้นรุ่นน้องก็มองเธอด้วยสีหน้าประหม่า
“รุ่นพี่ครับ สวัส สวัสดีครับ ผมขอเพิ่มวีแชทของคุณได้ไหมครับ”
เพิ่มวีแชทเหรอ
ถางหยวนหยวนมองยู่ฉือยี่ซูที่อยู่ไม่ไกล เขากำลังมองมาทางนี้พอดี ถางหยวนหยวนรู้สึกผิดในทันใด
“เอ่อ…ฉันมีแฟนแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น รุ่นน้องที่หน้าแดงก็พูดว่า “ฮะ?”
หลังจากนั้นถางหยวนหยวนก็ชี้ไปทางยู่ฉือยี่ซู เด็กหนุ่มมองไปที่เขา จากนั้นหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นบอกขอโทษแล้วจากไป
หลังจากที่คนอื่นไปแล้ว ถางหยวนหยวนถึงได้ก้าวเล็กๆ ไปหายู่ฉือยี่ซู
“ดูเหมือนว่าสาวน้อยของเราจะมีเสน่ห์มากเลยนะเนี่ย”