บทที่175 ความกดดันภายในใจ
ถึงข้างตัวรถ หานเส่โยวก็เข็นเขาขึ้นไป แล้วก็ไม่ได้ลงมาอีก เสิ่นเฉียวยืนโมโหอยู่ที่เดิม แต่ในเวลานี้ก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี พอลดกระจกลงมาเสิ่นเฉียวก็เห็นเย่หลิ่นหาน
“จะไปบริษัทใช่ไหม? ทางเดียวกัน ผมไปส่งคุณเอง” ตอนนี้แววตาเย็นชาของเย่หลิ่นหานหายไปแล้ว เขายังคงมีท่าทางอบอุ่น สุภาพ เอาใจใส่เหมือนเดิม
เสิ่นเฉียวหันมองไปทางเย่โม่เซิน เห็บเข้ากับหานเส่โยวที่กำลังก้มตัวจัดแจงอะไรบางอย่างให้เขาอยู่พอดี และสายตาเย็นชาของเย่โม่เซินก็มองมาทางนี้เหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าเขาก็หันกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“เฉียวเฉียว รีบมานี่สิ” หานเส่โยวนึกอะไรได้ แล้วก็หันมาโบกให้กับเธอ
“…..ไม่ต้องแล้ว”
ประหลาดจัง เสิ่นเฉียวพูดปฏิเสธออกมา และก่อนที่พวกเธอจะได้ตั้งตัว เธอก็เปิดประตูรถฝั่งที่นั่งด้านข้างคนขับของเย่หลิ่นหานแล้วเข้าไปนั่ง
“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ไปส่งนะคะ ออกรถเถอะค่ะ”
เย่หลิ่นหานมองผ่านกระจกหลัง แล้วพยักหน้า “อืม”
รถขับออกไปแล้ว แต่รถคันด้านหลังยังคงไม่ขยับ
เซียวซู่นั่งอยู่ด้านหน้า อดไม่ได้ที่จะหันมามองหานเส่โยวที่อยู่ด้านหลังแล้วว่าขึ้น “คุณหนูหาน ทำไมถึงไม่ชวนให้คุณนายน้อยสองของเราขึ้นมาด้วยกันล่ะครับ?”
ฟังจบ หานเส่โยวก็ทำสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันเรียกเธอแล้วนี่คะ แต่ว่า…เธอไม่อยากมา”
หานเส่โยวมีสีหน้าเสียดาย “ดูเหมือนว่าเธอจะสนิทกับพี่ใหญ่ของคุณเย่โม่เซินนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันยังคิดจะลงจากรถไปรับเธอมาด้วยตัวเองเลย”
เซียวซู่ฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว แล้วเหลือบมองหานเส่โยวครั้งหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเสิ่นเฉียวหรือยังไง? ทำไมน้ำเสียงในการพูดดูเหมือนกับเธอกำลังแฉเสิ่นเฉียวอย่างนั้น?
ตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัว เซียวซู่ก็มีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นอยู่ในใจ จนถึงตอนนี้ความรู้สึกนั้นกลับชัดเจนมากขึ้น
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูหานขึ้นมาบนรถของคุณชายเย่ บางทีคุณนายน้อยสองก็อาจจะมีที่นั่งก็ได้นะครับ?” เซียวซู่อดที่จะแขวะเธอไม่ได้
สีหน้าของหานเส่โยวซีดลงในทันที
“พูดมาขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น คุณชายเย่….ขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะลงจากรถเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ หานเส่โยวก็หมุนตัวตั้งใจจะลงไปจากรถ
“ไม่ต้อง”
เย่โม่เซินขัดขวางเธอที่กำลังจะลงรถ พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ออกรถ”
เซียวซู่ “แต่ว่าคุณชายเย่……”
เย่โม่เซินส่งเสียงหึเบาๆ “คุณมีสิทธิ์ตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“รับทราบแล้วครับ!”
เขากัดฟัน มองหานเส่โยวอย่างไม่ยอมแพ้
ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีแผนร้ายแน่ๆ!
แถมยังทำตัวน่าสงสารอีก!
ดูแล้วเขาคงต้องเตือนเสิ่นเฉียวคนโง่หน่อยแล้ว กันไม่ให้พอถึงเวลานั้นตัวเธอเองโดนเพื่อนสนิทของตัวเองแทงข้างหลัง
รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปด้านหน้า เย่หลิ่นหานเปิดเพลงในรถ เพลงที่เปิดเพลงเป็นเพลงบัลลาดเก่าของยุโรป เสียงของผู้หญิงถึงจะใสแต่กลับเอื่อยๆ ดนตรีที่น่าพิศวง ราวกับพาคนทะลุเข้าไปอยู่ในช่วงยุคโบราณ
“อารมณ์เสียใช่ไหม?” อยู่ๆเย่หลิ่นหานก็ถามขึ้น
“อะไรคะ?”
“เห็นว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอหึง”
ครั้งนี้ เย่หลิ่นหานพูดออกมาตรงๆ
แต่กลับทำให้สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่ พี่อย่าพูดมั่วซั่วสิคะ เส่โยวไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นสักหน่อย เธอไม่ได้มีความคิดแบบนั้นกับเขา!”
ได้ฟัง เย่หลิ่นหานก็อดยกยิ้มมุมปากขึ้นไม่ได้ แล้วหัวเราะขึ้นเสียงทุ้ม เสียงหัวเราะนั่นเคล้าไปกับเพลงบัลลาดยิ่งทำให้ไพเราะขึ้น “เธอรู้ได้ยังไง ว่าเธอไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอยู่? สมมุติว่าเธอมีล่ะ?”
“ไม่มีทาง!” เสิ่นเฉียวพูดย้ำขึ้นด้วยความมั่นใจ!
ท่าทางที่ดูดื้อรั้นและมั่นใจของเธอ ทำให้มองดูแล้วคล้ายกับเด็กๆที่จริงจัง
เย่หลิ่นหานเหลือบมองเธอสองครั้ง “นี่เธอเชื่อเธอเหรอ”
“เส่โยวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” เสิ่นเฉียวพูดอย่างจริงจัง
เย่หลิ่นหานทนไม่ไหว จนต้องมองเธออีกครั้ง อยู่ๆก็ยิ้มขึ้นบางๆ
“เชื่อใจขนาดนั้น ถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่สงสัยเหรอ?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าไม่ได้แม้แต่จะคิดสักนิด เธอกับหานเส่โยวดีขนาดนั้น อีกอย่างช่วงที่ผ่านมาเรื่องต่างๆที่หานเส่โยวช่วยตัวเธอเองเอาไว้ เธอก็มองเห็น เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือตัวเองอย่างสุดตัว
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าเธอจะทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ
เธอก็แค่เป็นห่วงเย่โม่เซิน……
ในตอนที่เสิ่นเฉียวกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ เธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเย่หลิ่นหานมองเธออยู่ตั้งนาน จนในตอนที่ไฟแดงหยุดลง เขาถึงได้หันกลับไป เสียงทุ้มดังขึ้นเอื่อยๆ
“วันนี้ตอนเย็นมีชุดใส่ไปร่วมงานหรือยัง?”
ตอนนี้เสิ่นเฉียวถึงได้กลับมามีสติอีกครั้ง คิดถึงชุดสีแดงสุดเซ็กซี่ตัวเมื่อวานที่หานเส่โยวซื้อให้เธอ เธอก็ได้แต่นั่งเงียบๆ
“เป็นอะไร? ยังไม่เตรียมตัวใช่ไหม?” อยู่ๆเย่หลิ่นหานก็หยิบกล่องใบสวยกล่องหนึ่งส่งให้กับเธอ
เสิ่นเฉียวมองกล่องกล่องนั้น แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ
“เผื่อว่าเธอไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน ดังนั้นฉันก็เลยเลือกมาให้เธอชุดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบ”
“ไม่รอให้เธอตอบ เย่หลิ่นหานก็ยื่นกล่องมาตรงหน้าอกเธอ “เดี๋ยวไปลองดูนะว่าพอดีตัวไหม”
เสิ่นเฉียวถือกล่องเอาไว้ด้วยท่าทางไม่รู้จะเอายังไงต่อ
ตกลงวันนี้มันวันอะไรกัน? ทำไมมีแต่คนส่งชุดมาให้เธอ?
เมื่อวานหานเส่โยวซื้อให้เธอชุดหนึ่ง หลังจากนั้นหานชิงก็ส่งข้อความมาหาเธอ บอกว่าจะให้ซูจิ่ว เอามาให้ชุดหนึ่ง
อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็คิดได้ว่า เหมือนกับว่าบนโลกนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่ไม่มีทางขาดชุดตรี
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็รีบยื่นกล่องกลับคืนไป “พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรค่ะ…..เส่โยวช่วยเตรียมให้แล้วค่ะ”
ฟังจบ เย่หลิ่นหานก็นิ่งไป แต่วินาทีถัดมาก็ยิ้มขึ้นอย่างสบายใจ
“นี่มันเกี่ยวอะไรกัน? เธอเอากลับไปได้เลย พอถึงตอนนั้นก็ลองดู ชอบชุดไหนก็สวมชุดนั้น ของขวัญถูกส่งออกไปแล้ว เธอคงจะปล่อยพี่เก็บคืนไปตลอดไม่ได้หรอก จริงไหม?”
พูดแบบนี้แล้ว ถ้าเสิ่นเฉียวยังคืนให้กับเขาอีกก็รู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย
ดังนั้น เสิ่นเฉียวเลยทำได้แค่เก็บกล่องของขวัญไป
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”
“ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ ต่อไปก็อย่าหลบหน้าพี่อีก ครั้งก่อนที่พี่ให้แม่เธอยืมเงินไปพี่ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ก็แค่ตอนนั้นเห็นว่าเธอยืนอยู่บนถนนแล้วโดนตบโดนด่า เกิดเป็นห่วงขึ้นมาก็เท่านั้น”
“เธอคงจะไม่ปล่อยให้พี่เห็นคนลำบากแล้วไม่ยื่นมือเข้าช่วยใช่ไหมล่ะ?”
พอพูดมาแบบนี้ก็ดูมีเหตุผล เสิ่นเฉียวเม้มปาก พยักหน้า “ครั้งก่อนขอบคุณพี่ใหญ่มากนะคะที่ช่วย แต่ว่า….เงินสามแสนนั่นก็ถือว่าพี่ให้ฉันยืมก็แล้วกันค่ะ ฉันจะค่อยๆทยอยคืนนะคะ”
“เด็กโง่ พี่เองก็ไม่ได้รีบร้อนใช้เงินสามแสนนั่น อีกอย่างไม่ใช่ว่าพี่เคยบอกไปแล้วหรือไง? เงินสามแสนนั้นถือว่าเป็นเงินของขวัญที่พวกเราพบกัน”
“ไม่ค่ะ!” เสิ่นเฉียวปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าอย่างแรง “พี่ใหญ่ เงินพวกนั้นฉันจะต้องคืนให้แน่ๆค่ะ ได้โปรดอย่ากดดันฉันเลยนะคะ”
“เธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดว่าพี่ปฏิเสธก็ดูไม่ค่อยจะดี อย่างนั้นก็ได้ เธอก็ขยันหาเงินเข้า รีบๆคืนเงินสามแสนให้ได้ไวๆ แต่ว่า….เงินสามแสนหาไม่ได้ง่ายๆนะ ตอนที่หาเงินก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ”
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่ถึงบริษัทแล้ว เสิ่นเฉียวก็ลงมาจากรถของเย่หลิ่นหาน เพราะว่าวันนี้ต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ดังนั้นมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ออกมา อีกอย่างในตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก เพราะอย่างนั้นที่บริษัทก็เลยไม่มีใคร