บทที่176 ทำไมถึงไม่อยากจาก
เสิ่นเฉียวยืนกอดกล่องรอหานเส่โยวอยู่ด้านหน้าประตูบริษัท
ในตอนที่รถของเย่โม่เซินหยุดลง หานเส่โยวก็เปิดประตูรถแล้วเข็นเย่โม่เซินลงมา มองเสิ่นเฉียวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เอ๊ะ เฉียวเฉียว ในมือแกถืออะไรอยู่งั้นเหรอ?”
เสียงเพิ่งจะเงียบลง เสิ่นเฉียวก็รู้สึกได้ถึงสายตาคมปลาบที่มองมาทางตัวเอง
สายตาเย็นชาคู่นั้นของเย่โม่เซินดูมีพิษและน่ากลัวราวกับงูที่แสนเลือดเย็น
ท่าทางแบบนี้ก็แค่รู้ตัว แต่ว่าในสายตาของเย่โม่เซินกลับเหมือนว่าเป็นกล่องที่หวงมากๆใบหนึ่ง
ทั้งๆที่ก็ขึ้นรถไปมือเปล่า ตอนนี้กลับลงมาจากรถพร้อมกับกล่องอีกหนึ่งใบ
นี่มันหมายความว่าอะไร?
เหอะ เป็นผู้หญิงที่ขยันคิดวางแผนจริงๆ
“ไม่มีอะไร” เสิ่นเฉียวถือกล่องไว้แน่นแล้วค่อยพูดขึ้น
หานเส่โยวกลับยิ้มแล้วเข็นเย่โม่เซินมาด้านหน้า ห่างจากเธอไม่มาก เสิ่นเฉียวถึงกลับสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่มันแพร่กระจายออกมาจากตัวเขาที่กำลังรายล้อมตัวเธอไว้
เธอถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง อยากจะออกไปจากบริเวณไอเย็นๆนั่นของเขา
“เฉียวเฉียว เป็นของขวัญที่พี่ใหญ่เย่ให้แกอย่างนั้นเหรอ? เมื่อกี้ตอนที่แกขึ้นรถไป แกไม่ได้ถือกล่องใบนี้เอาไว้นี่?”
ได้ฟัง สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไปเป็นหงุดหงิดเล็กน้อย ในใจก็คิด เลิกพูดไปเสียได้ไหม
ดังนั้นเธอเลยทำได้แค่มองไปทางด้านหานเส่โยวแล้วขยิบตา แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหานเส่โยว เธอเหมือนกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ
เสิ่นเฉียวร้อนใจ แต่ว่าก็ไม่สามารถจะพูดออกมาได้
พอดีกับที่เย่หลิ่นหานจอดรถเสร็จแล้วเดินมาพอดี เขายิ้มบางๆแล้วพูดต่อจากหานเส่โยว
“ไม่ใช่ของอะไรหรอก ผมก็แค่ขอให้เธอช่วยเอาไปให้เพื่อนร่วมงาน”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันก็นึกว่าพี่ใหญ่เย่ให้ของขวัญแกเสียอีก”พูดถึงตรงนี้ หานเส่โยวก็เม้มปาก สายตานั่น……เหมือนกับลูกแมวที่ขโมยปลาอย่างไรอย่างนั้น ในตอนแรกเสิ่นเฉียวคิดว่าหานเส่โยวไม่เข้าใจสายตาที่ตัวเองส่งไป
ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ จริงๆแล้วเธอนั้นตั้งใจ!
เพราะว่า!
หานเส่โยวรู้ว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับเธอในคืนวันนั้นก็คือเย่หลิ่นหาน!!!
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็มีสีหน้าซีดไปเล็กน้อย เธอหมุนตัวแล้วเอ่ยขึ้น “เข้าไปกันก่อนเถอะค่ะ”
เสร็จแล้วก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หานเส่โยวถามขึ้น ทำท่าทางเหมือนกับไม่รู้เรื่องรู้ราว
เย่หลิ่นหานหรี่ตาขึ้นนิดหน่อยแล้วมองเธอ แล้วก็เดินจากไปด้วยเช่นกัน
รอจนพวกเขาไปหมดแล้ว ในตอนที่หานเส่โยวอยากจะเข็นเย่โม่เซินไปด้านหน้า เซียวซู่กลับโผล่มา
“คุณหนูหาน ต่อจากนี้เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”หานเส่โยวไม่หลบ แถมยังยืนอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่ต้องการจะยกหน้าที่เข็นรถเข็นของเย่โม่เซินคืนให้กับเขา
แต่เซียวซู่ไม่มีทางปล่อยให้เป็นแบบที่เธอต้องการ ร่างสูงใหญ่เบียดตัวมา “ไม่ต้องแล้วครับคุณหนูหาน ยังไงเสียคุณก็ไม่คุ้นเคยกับทางเดินในบริษัท ให้ผมจัดการดีแล้วครับ” พูดจบก็ไม่ได้รอให้หานเส่โยวได้ทันตั้งตัวก็เข็นเย่โม่เซินออกไปทันที
หานเส่โยวยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เหม่อมองด้านหลังของเซียวซู่
ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า เธอคิดว่าเซียวซู่กำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ!ทำไมล่ะ? เพราะว่าเสิ่นเฉียวอย่างนั้นเหรอ?
เซียวซู่รีบเดินไปด้านหน้า ไม่นานเขาก็ตามเสิ่นเฉียวกับเย่หลิ่นหานทันแล้วเข้าลิฟต์ไป เห็นว่าหานเส่โยวกำลังมา ตัวของเขาก็ขยับเข้าไปในมุมแล้วกดปิดประตูลิฟต์ในทันที
“นี่ รอฉันแป๊บหนึ่งสิคะ!” หานเส่โยวเห็นว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง ทำได้แค่ส่งเสียงร้องขึ้น
เหอะ ไม่รอหรอกครับ แม่คนตอแหล!
เซียวซู่แอบด่าในใจ
วินาทีต่อมา ร่างเล็กก็เดินออกไปจากลิฟต์
เป็นเสิ่นเฉียวที่เสนอตัวออกไปเอง “พวกคุณขึ้นไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวฉันกับเส่โยวจะตามไปด้วยกันทีหลัง”
ติ๊ง
ประตูลิฟต์ปิดลงพอดี เสิ่นเฉียวมาอยู่ที่ตรงหน้าของหานเส่โยว
“เส่โยว”
“เฉียวเฉียว…..”หานเส่โยวมองด้านหลังของเธอ มองเห็นว่าประตูลิฟต์ปิดแล้ว นัยน์ตาก็มีแววเสียดายฉายออกมาแป๊บหนึ่ง
เธออยากจะขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันกับเย่โม่เซินนี่ ดูแล้วคงไม่มีโอกาสแล้ว
“ฉันพาแกไปด้วยกันดีกว่า พวกเราขึ้นลิฟต์อีกตัวไป” เสิ่นเฉียวพาเธอไปยังลิฟต์อีกตัว ตอนที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไป หานเส่โยวก็มองกล่องของขวัญในมือเธอ “นี่เป็นของขวัญที่พี่ใหญ่เย่ให้แกใช่ไหม?”
ฟังจบ เสิ่นเฉียวนิ่งไป แล้วค่อยพยักหน้า
“อือ”
“ดีจัง ฉันก็บอกแล้วว่าพี่ใหญ่เย่น่าจะชอบแก ถ้าแกคบกับเขาเทียบกับคบกับเย่โม่เซิน คงโชคดีกว่ามากๆแน่”หานเส่โยวพูดแบบปากไม่มีหูรูด แถมเสียงที่พูดก็ไม่ได้เบาเลย
ตอนแรกเสิ่นเฉียวที่ใจฝ่ออยู่แล้ว ได้ยินเธอพูดเสียงดังแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที ยื่นมือออกไปปิดปากเธอ
“กำแพงมีหู แกอย่าพูดมั่วๆสิ”
หานเส่โยวกลับดึงมือเธอออกอย่างยิ้มๆ “กลัวอะไรกันล่ะ ฉันพูดเรื่องจริงนี่ ถ้าเกิดว่ามีใครได้ยินเข้า แกก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แถมเด็กในท้องแก…..”
“เลิกพูดได้แล้ว!” สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปในทันทีอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยเตือนหานเส่โยวเสียงแข็ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเส่โยวสลดไป แล้วมองเธอนิ่งๆแป๊บหนึ่งแล้วหลุบตาลง “ขอโทษนะเฉียวเฉียว ฉันไม่รู้ว่าแกจะคิดมากขนาดนี้ ไม่อะไรมาก….ก็แค่หลังจากนี้ฉันจะไม่พูดอีก”
แค่เธอขอโทษเสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองทำเกินไปหน่อย เลยทำได้แค่อธิบายขึ้น “ฉันไม่ได้โทษแก ก็แค่ที่บริษัทมีคนเยอะ ฉันก็แค่กลัวว่าจะมีคนที่คิดไม่ดีได้ยินเข้า ถึงเวลานั้น….มันก็จะมีเรื่องวุ่นวายที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น”
“ฉันเข้าใจ”
หานเส่โยวมองมือคู่นั้นด้วยความโมโห “แต่ว่าฉันก็แค่หวังดีกับแก แกดูเย่โม่เซินตอนนี้ไม่สนใจแกเลยสักนิด เขาแม้แต่มองยังไม่มองแกเลย แถมเขายังให้แกปูผ้านอนบนพื้นอีก ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าแกทนมาถึงตอนนี้ได้ยังไง”
“ระหว่างฉันกับเขา เราทำข้อตกลงกันไว้”เสิ่นเฉียวถอนหายใจออกมาอย่างไร้หนทาง แววตาก็เหมือนกับดูสับสนขึ้นมา
“ยังไงเสียยังไงก็ใกล้จะครบสองเดือนแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนแล้ว”
“อีกไม่กี่เดือน…..” หานเส่โยวเงยหน้าขึ้นมาเตือนเธอ “เฉียวเฉียว ตกลงแกกำลังคิดอะไรอยู่? อย่าบอกนะว่าแกจะรอจนถึงครบกำหนดเวลาแล้วค่อยไปจากเย่โม่เซินอ่ะ?”
“ไม่….. ได้เหรอ?”จริงๆแล้วเสิ่นเฉียวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าถ้าให้เธอจากไปในตอนนี้
ในใจของเธอก็มีความรู้สึกเล็กๆที่ไม่อยากจะจากไป
ทำไมถึงไม่อยากจากไป แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้
“ได้อะไร?”หานเส่โยวพอได้ยินก็ร้อนรน “เฉียวเฉียวตกลงแกรู้หรือเปล่าว่าผ่านไปอีกสี่เดือน ถึงตอนนั้นท้องแกก็จะนูนออกมาแล้ว ถ้าเกิดแกอยากจะไปจากเย่โม่เซินล่ะก็ ถึงตอนนั้นทุกคนก็คงทางว่าเด็กในท้องของแก…..เป็นลูกของเย่โม่เซินน่ะสิ!”
“…..อย่างนั้นเหรอ?”
“อย่างที่ฉันบอก แกควรจะรีบไปจากเย่โม่เซินเร็วๆ คบกับพี่ใหญ่เย่ ฉันรู้ว่าแกไม่อยากจะพูด ฉันช่วยไปพูดแทนแกได้นะ!”
ลิฟต์มาถึงพอดี หานเส่โยวก็ออกไปในทันที เสิ่นเฉียวตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น รีบพุ่งตัวไปขวางเอาไว้ด้านหน้า “เส่โยวแกอย่าเพิ่งวู่วาม เรื่องนี้ต้องค่อยใช้เวลาคิด”
“ต้องคิดพิจารณาอะไรอีก? ฉันรอได้ เขารอได้ แต่ว่าเด็กในท้องของแกรอได้หรือเปล่า? เฉียวเฉียว ทำไมแกถึงได้ปฏิเสธคำแนะนำของฉันตลอด? แกไม่อยากจะไปจากเขาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม? แกชอบเขาเข้าแล้ว? ใช่ไหม?”