บทที่179 ไม่สนใจความคิดของคุณ
เย่โม่เซินจ้องเธออย่างเอาเรื่อง สายตานั้นดูดุร้ายเหมือนกับสัตว์ป่า
เสิ่นเฉียวย่นคอ เธอกัดปากแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่มีทางเปลี่ยน!”
“อย่าบอกนะว่าคืนนี้คุณคิดจะแต่งตัวแบบนี้อวดคนทั้งเมือง?”
เสิ่นเฉียวยืดอก เชิดคางของตัวเองขึ้น อวดคอขาวและยาวระหงของตัวเอง “ทุกคนแต่งตัวแบบนี้กันทั้งนั้น คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าฉันแต่งตัวยั่วคนทั้งเมือง? หรือเพราะว่าในสายตาคุณฉันมันเป็นผู้หญิงง่ายๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าฉันจะใส่อะไรก็เลยขัดหูขัดตาคุณไปเสียหมด ถ้าเป็นอย่างนี้ ทำไมฉันจะต้องสนใจความคิดของคุณด้วย?”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
พูดคำพูดพวกนี้จบ เสิ่นเฉียวก็ดึงผ้าคลุมไหล่ให้ร่นลงมาอีกนิดต่อหน้าเขา เผยให้เห็นไหล่ขาวมนของเธอ แล้วก็หมุนตัวจากไป
เซียวซู่ “……” นี่คุณนายน้อยเหมือนกับกำลังเล่นอยู่กับไฟเลยนะเนี่ย
อยู่ๆไอบนตัวของเย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ตรงที่พักแขนก็กำหมัดแน่น
มองไปทางร่างบางสายตาของเย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นน่าเกรงกลัว ได้ยินเซียวซู่ที่อยู่ด้านหลังถามขึ้นน้ำเสียงตะกุกตะกัก “คะ..คุณชายเย่….จะตามคุณนายน้อยสองกลับมาไหมครับ?”
“ใครบอกให้นายเรียกเธอแบบนี้?”
เซียวซู่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ผม เรียกผิดเหรอครับ?”
แต่ก่อนเขาก็เคยเรียกว่าคุณนายน้อยสองต่อหน้าเย่โม่เซินนี่ ตอนนั้นเขาไม่เห็นจะโกรธเลย ตอนนี้ทำไม…..
“เธอไม่ใช่คุณนายน้อยสอง เป็นแค่ผู้หญิงมักง่ายไม่รู้จักอาย” พูดถึงตรงนี้ ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินก็ยกยิ้มร้ายกาจ “ถ้าเธออยากจะอวดนัก ก็ให้เธออวดเสียให้พอ!”
เซียวซู่ “……”
ผมก็แค่กลัวว่าทุกคนจะมองเธอจนทะลุ แล้วคุณก็จะไปควักลูกตาของพวกเขา!
แต่ว่า คำพูดนี้แค่คิดอยู่ในใจก็เท่านั้น ไม่ได้พูดออกมาให้เย่โม่เซินได้ยินก็พอ
*
เสิ่นเฉียวกลับไปนั่งลงที่เดิม เสี่ยวเหยียนก็รีบเบียดเข้ามาใกล้
“ทำไมเธอไปนานจัง? แถมฉันโทรหาเธอ เธอยังไม่ได้ยินอีก”
โทรศัพท์? เสิ่นเฉียวรีบเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ลองกดดูก็พบว่ามันปิดเครื่องไปแล้ว
แย่ละ!
เหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง!
หานชิงสั่งให้ซูจิ่วเอาชุดมาให้เธอ แต่ว่าโทรศัพท์ของเธอไม่สามารถติดต่อได้ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าซูจิ่ว….
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็รีบถามขึ้น “พวกเธอมีใครเอาสายชาร์จกับแบตสำรองมาไหม โทรศัพท์ฉันแบตหมด”
เสี่ยวเหยียนกะพริบตาปริบๆ “วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงนะ ใครจะไปพกของแบบนั้นติดตัวกันเล่า…..”
“ฉันเอามา” หานเส่โยวยกกระเป๋าของตัวเองมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบสายชาร์จกับแบตสำรองด้านในออกมา “อ่ะนี่”
“เส่โยว ขอบใจนะ”เสิ่นเฉียวรีบเสียบสายเข้าไปกับโทรศัพท์ ชาร์จแบตไปสักพักก็เปิดเครื่อง
โชคดีที่โทรศัพท์ของเสิ่นเฉียวมีระบบชาร์จเร็ว ตอนที่เสิ่นเฉียวเปิดเครื่องดูก็เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายกับข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่านตั้งหลายข้อความ
นอกจากหนึ่งสายที่เสี่ยวเหยียนโทรมา ที่เหลือก็เป็นสายที่ซูจิ่ว โทรมาทั้งหมด
หานเส่โยวที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ เหลือบไปเห็นเข้าพอดี เห็นเป็นชื่อที่คุ้นเคยก็ชะงักไปแล้วค่อยถามขึ้น “ซูจิ่ว? นั่นไม่ใช่เลขาของพี่ชายฉันเหรอ?”
ได้ยิน เสิ่นเฉียวก็นิ่งไปแล้วค่อยพยักหน้า “ใช่”
หานเส่โยวใจเต้นตึกตัก “เลขาซูเธอโทรมาหาแกทำไมกัน? แถมยังโทรมาหาตั้งเยอะขนาดนี้อีก”
เสิ่นเฉียวนึกถึงเรื่องที่หานชิงจะส่งชุดราตรีมาให้ตัวเอง คิดไปคิดมาก็คิดว่าไม่ควรบอกเรื่องนี้กับเส่โยว ดังนั้นก็เลยอธิบายขึ้นว่า “สงสัยจะเป็นเรื่องงานครั้งก่อน ที่จะต้องคุยกับฉันมั้ง”
“อ๋อ” ได้ยินว่าเป็นเรื่องงาน หานเส่โยวก็นึกถึงเรื่องที่พวกเขาร่วมมือกัน ตอนนี้ถึงได้สบายใจขึ้น “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
“อือ ฉันขอไปโทรกลับหาเธอหน่อย”
เสิ่นเฉียวลุกขึ้นยืน หยิบแบตสำรองแล้วเดินออกไป เสร็จแล้วก็โทรกลับไปหาซูจิ่ว
“คุณหนูเสิ่น”
“เลขาซู ขอโทษด้วยนะคะ…โทรศัพท์ฉันแบตหมด”
มีเสียงหัวเราะของเลขาซูดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนแรกฉันไปหาคุณที่บริษัทแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นก็เหมือนจะเห็นว่าคุณใส่ชุดอยู่แล้ว แบบนั้นก็เลยไม่ได้โทรไปอีกค่ะ”
“ช่วยขอบคุณน้ำใจของประธานแทนฉันด้วยนะคะ”
“นั่นไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอวางสายก่อนนะคะ”
หลังจากที่เสิ่นเฉียววางสาย หานเส่โยวก็เดินมาหา “ขอบคุณน้ำใจพี่ชายฉัน น้ำใจอะไรเหรอ?”
อยู่ๆเธอก็โผล่มาจากทางด้านหลัง เสิ่นเฉียวตกใจเสียยกใหญ่ เอามือมาทาบไว้ตรงอก
“เส่โยว แกทำให้ฉันตกใจหมดเลย”
ถึงแม้ว่าใบหน้าของหานเส่โยวจะยิ้ม แต่ว่ารอยยิ้มของเธอนั้นไม่น่ามอง “ฉันถามแกอยู่นะ ทำไมถึงขอให้เลขาซูขอบคุณพี่ชายฉัน? เฉียวเฉียว แก….ปรึกษาอะไรกับพี่ชายฉันลับหลังฉันหรือเปล่า?”
ได้ฟัง เสิ่นเฉียวก็ขมวดคิ้วเรียว
ปรึกษาอะไร? ที่จริงเธอไม่อยากบอกเรื่องนี้กับหานเส่โยวก็เพราะคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม
เพราะว่าเธอเองไม่ได้รับชุด เรื่องๆนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดถึง แต่ว่าหานเส่โยวเองก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ หานชิงก็เป็นพี่ชายของเธออีก ถ้าตอนนี้เสิ่นเฉียวไม่บอกอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าจะไม่จริงใจใช่ไหม?
ในตอนที่กำลังคิด เสี่ยวเหยียนก็มาหาพอดี
“พวกเธอสองคนทำอะไรอยู่เนี่ย? คืนนี้เป็นคืนงานเลี้ยงนะ เลิกมากระซิบกระซาบกันตรงนี้ได้แล้ว ไปเถอะ ฉันจะพาพวกแกไปดูที่สระว่ายน้ำ”
พูดจบก็ไม่ได้สนใจว่าคนทั้งคู่จะรับปากหรือไม่ ก็ลากทั้งสองคนไปทันที
โดนเธอดึงไปแบบนี้ บทสนทนาระหว่างเสิ่นเฉียวกับหานเส่โยวก็ถูกขัดไปด้วย ในใจของหานเส่โยวเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี อาจจะเพราะระแวง ดังนั้นเธอก็เลยมีความรู้สึกไม่ค่อยดี กลัวว่าเสิ่นเฉียวจะทำเรื่องไม่ดีลับหลังตัวเอง
สระน้ำกว้างใหญ่มหึมาสะท้อนเป็นประกายอยู่ใต้แสงไฟ น้ำใสกระเพื่อมเบาๆ ในที่ไม่ไกลมีเปียโนอยู่หนึ่งตัว ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนางฟ้ากำลังนั่งเล่นเปียโนอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังพูดคุยและหัวเราะ
บรรยากาศดีมากๆ
พอมาถึงขอบสระเสี่ยวเหยียนก็พูดขึ้น “พวกเราน่ะ มาอยู่ตรงนี้กัน แล้วก็ไม่ต้องไปไหนแล้วนะ อีกสักพักจะมีรายการดีๆให้ดู”
รายการดีๆ? เสิ่นเฉียวกับหานเส่โยวมีสีหน้างุนงง
“พวกเธอคนนึงไม่ใช่คนของบริษัทเรา อีกคนเพิ่งจะเข้ามาใหม่ งานเลี้ยงบริษัททุกปีท่านรองประธานเย่กับพวกคุณชายคนอื่นๆจะมาเข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำกัน”
เสิ่นเฉียวได้ฟังก็มีสีหน้าประหลาดใจ “นี่คือรายการดีๆ?”
“ใช่น่ะสิ!” เสี่ยวเหยียนคว้าแขนของเธอไว้อย่างตื่นเต้น “รองประธานเย่หุ่นดีมากนะ! แถมไม่ใช่แค่เขา ยังมีลูกชายของบริษัทอื่นๆอีกด้วย หน้าตาก็หล่อหุ่นก็ดี นี่นะเป็นอาหารตาชั้นดีของคนที่ชอบส่องคนหล่อเลยนะ เธอรู้หรือเปล่า?”
เสิ่นเฉียว “……”
หานเส่โยว “……”
วินาทีถัดมา หานเส่โยวก็เท้าคาง “เย่โม่เซินจะมาด้วยไหมอ่ะ?”
“อะไรนะ? เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้าง แล้วหันไปกลอกตาใส่หานเส่โยว “คำถามนี้ของคุณตั้งใจใช่ไหม?”
“หา?”
“ใครๆก็รู้กันว่าคุณชายเย่นั่งรถเข็น เขาจะแข่งขันได้ยังไงคะ?”
หานเส่โยวก็รู้ได้ทันที ก็ถูก เย่โม่เซินเป็นคนพิการ
คงเป็นเพราะว่าในเวลาปกติเขามักจะแผ่รังสีกดดันเสมอ ดังนั้นเธอก็เลยลืมความจริงข้อที่ว่าเขาเป็นคนพิการ
พูดถึงเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวก็นึกถึงตอนที่เถียงกันตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ
ตอนแรกความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็แย่อยู่แล้ว หลังจากคืนนี้ไป….เขาก็คงจะเกลียดเธอมากกว่าเดิมสินะ?