บทที่ 188 สงสารเธอ
รถในตอนกลางคืนไม่ได้เยอะมากนัก มีลมอ่อนพัดผ่านเข่ามาจากหน้าต่าง เสิ่นเฉียวนั่งอยู่บนตักของเย่โม่เซิน ขณะนี้ยังนอนอยู่บนตักของเขาอยู่ ความเร่าร้อนบนตัวยังคงไม่หยุดที่จะค่อยๆ ส่งผ่านไปยังบนตัวของเย่โม่เซิน
“แล้วนายตกลงไหม?” เสิ่นเฉียวถามด้วยเสียงที่เบาไปประโยคหนึ่ง
เย่โม่เซินหัวเราะไปหนึ่งที ริมฝีปากเข้าใกล้หน้าผากของเธอ
“เธอว่าล่ะ?”
เสิ่นเฉียวกะพริบตา ไม่พูดอะไร
“หาโรงแรม หรือว่ากลับบ้าน?” เย่โม่เซินถามอีกแล้ว
เสิ่นเฉียวอึ้งไปทีหนึ่ง แล้วได้สติเข้าใจถึงความหมายของคำพูดของเขา
เธอติดๆ ขัดๆ พูดไม่ออก
เย่โม่เซินจ้องเธอไปสองวินาที ตัดสินใจแทนเธอไปเลย
“ไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด”
เซียวซู่ที่ขับรถอยู่ข้างหน้า “……”
ให้ตายเถอะ! สถานการณ์ต้องเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้เลยหรอ? เธอยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้เลยนะ?
ตอนขึ้นรถมั้งสองยังเย็นชาแท้ๆ ปรากฏว่าตอนนี้กลับกำลังคุยกันเรื่อง….ไปโรงพยาบาล ไปโรงแรม?
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง?”
เซียวซู่รีบตอบกลับ “รับทราบครับคุณชายเย่ ฉันจะรีบหมุนรถกลับไปยังโรงแรมที่ใกล้ที่สุด”
เสิ่นเฉียวก็ได้ยินเสียงของเซียวซู่อยู่ ถึงได้นึกออกว่าบนรถนี้ไม่เพียงแต่เธอและเย่โม่เซินสองคน ทันใดนั้นหูของเธอก็แดงกระหน่ำ มุดศีรษะของเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเย่โม่เซินโดยไม่รู้ตัว
รู้สึกว่า……น่าอายมากเลย!
ในไม่ช้าก็มาถึงโรงแรม เซียวซู่ได้จองห้องกับทางโรงแรมไว้ก่อนแล้ว พอลงรถเย่โม่เซินก็รีบพุ่งเข้าไปในลิฟต์
คนที่อยู่ห้องโถงโรงแรม ผู้คนมากมายที่รอการลงทะเบียนหรือคนที่เดินผ่านมาเห็นภาพนี้แล้วต่างก็รู้สึกแปลก
ผู้ชายคนหนึ่งเข็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นแล้วพุ่งตรงไป สิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นยังอุ้มผู้หญิงอีกคนหนึ่งไว้ในอ้อมกอดอีก บนตัวของผู้หญิงสวมชุดสูทของผู้ชายอยู่ หดตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายเงียบๆ
ตอนพวกเขาหายไปแล้ว ก็มีคนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“นี่คือ….จะนอนด้วยกันสามคนหรอ?”
*
เซียวซู่ส่งทั้งสองคนเข้าห้องแล้วก็รีบออกมาเลย เพราะเขารู้ว่าเรื่องต่อจากนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
หลังจากที่เขาล็อกประตูห้องแล้วก็ลงตึกมาเลย จากนั้นก็กลับไปที่รถ คิดไปคิดมาก็ขับรถไปทานอาหารดึกแล้ว
เสิ่นเฉียวยังเบลอๆ อยู่ เสียสติไปบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกได้อยู่ว่าตัวเองถูกอุ้มมาวางอยู่บนเตียงที่นุ่ม จากนั้นก็มีร่างกายที่หนักกดทับลงมา
ตอนแรกเธอรู้สึกว่าคนๆ นี้หนักมาก หนักจนเธอหายใจไม่ออก
ต่อมาก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของคนนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายและอบอุ่น อีกอย่างกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากตัวเขาก็ทำให้เธออยากจะพะเน้าพะนอ
ดังนั้นเธอก็เลยเอนร่างกายของตัวเองขึ้นตามความรู้สึกและสัญชาตญาณ ยกเอวของตัวเองขึ้นให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรงข้าม การกระทำพวกนี้เธอไม่รู้ตัวเลย เย่โม่เซินก็สังเกตเห็นแล้ว แววตาของเธอกระจัดกระจาย ตลอดทางนี้สามารถคุยกับเธอได้ ถือว่าสติยืนหยัดมากแล้ว
ตอนนี้….
เย่โม่เซินปล่อยตัวลงไป แล้วล็อกข้อมือของเธอในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะลงมือในสมองของเขาจู่ๆ ก็มีภาพเสิ่นเฉียวนั่งร้องไห้เสียใจต่อหน้าเขา ตอนนั้นเขาอยากได้เธอ แต่ว่าเธอไม่ยอม พูดว่าถ้าหากทำแบบนี้ลูกเธอจะไม่มีได้
เป็นลูกไม่มีพ่อแท้ๆ เธอไม่สมควรเจ็บใจเอ็นดูแท้ๆ
ถึงแม้จะไม่มีลูกแล้ว งั้นเกี่ยวอะไรกับเย่โม่เซินล่ะ?
แต่ว่า…เขากลับใส่ใจน้ำตาของผู้หญิงคนนี้
พึ่งเข้าไป เย่โม่เซินก็ออกมา จากนั้นก็นั่งอยู่บนเตียง มองเสิ่นเฉียวด้วยแววตาที่สับสน
เย่โม่เซินเอ้ยเย่โม่เซิน นี่นายถูกสะกดจิตไปแล้วหรอ?
ผู้หญิงแบบนี้ ก็เหมาะสมที่นายจะไปสงสาร? ลูกที่เธอท้อง ไม่ใช่ลูกของนายเลย!
“อ้า….” ตอนแรกเสิ่นเฉียวคิดว่าตัวเองได้ปลดปล่อยแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขากลับถอยออกไป ความว่างเปล่าขนาดใหญ่ เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะหดนิ้วเท้า ราวกับปลาหมึกที่เข้าไปล้อมรอบเย่โม่เซิน
แรงของเย่โม่เซินแรงมาก และไม่สนใจเธอ หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเซียวซู่
“พาส้งอานมา”
“หา?” เซียวซู่พึ่งมาถึงร้านขายอาหารดึก พึ่งสั่งเสร็จ ยังไม่ทันได้กินเย่โม่เซินก็ให้เขาพาคุณหมอไป “ไม่ใช่ครับ…คุณชายเย่ คุณกับคุณนายน้อยสองจะ….”
“พูดมากอะไร? ภายในสิบนาทีฉันจะเจอคน ถ้าผ่านเวลานี้ไป นายออกไปเองเลย”
หลังจากพูดจบ เย่โม่เซินก็วางโทรศัพท์
ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ เซียวซู่ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิง “ช่วยฉันหน่อย….”
เซียวซู่ฟังเสียงที่ส่งผ่านมาจากโทรศัพท์ ในใจมีการถอนหายใจนับล้าน
เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังทนได้ ประธานเย่ช่าง….
สุภาพบุรุษปลอบชัดๆ! นั่นเป็นภรรยาตัวเองแท้ๆ!
เซียวซู่มองดูหมี่ร้อนๆ ที่อยู่ข้างหน้าด้วยความเสียใจ ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเลย
ไม่มีทางอื่นแล้ว คำสั่งจากเจ้านายไม่สามารถขัดได้
และอีกฝั่งหนึ่ง เย่โม่เซินกำลังอยู่ในท่ามกลางความเร่าร้อนอยู่
นอกจากจะต้องควบคุมความอยากของตัวเองแล้ว เขายังจะต้องสวมเสื้อผ้าให้เสิ่นเฉียว เดี๋ยวส้งอานและเซียวซู่เข้ามาเห็นเธอในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยไม่เรียบร้อยแบบนี้มันจะไม่งาม ฉะนั้นเขาจึงถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองแล้วใส่ให้เสิ่นเฉียว
พูดนั้นง่าย เสิ่นเฉียวเหมือนปลาหมึกที่เกาะอยู่บนตัวเธอ ริมฝีปากจูบไปมั่ว ไม่สามารถลงมือได้เลย
เขาพึ่งนำมือข้างหนึ่งของเธอลงมา กำลังเตรียมตัวจะไปจับมืออีกข้าง มือข้างนั้นก็กอดขึ้นมาอีกแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะนำมือทั้งสองข้างดึงออก ขาของเธอก็แขวนขึ้นมาอีกแล้ว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเธอจะบาดเจ็บ เย่โม่เซินคงจะตีเธอจนสลบไปเลย เหมือนกับเย่หลิ่นหานแบบนั้น แต่ว่าพอมือไปถึงลำคอเธอแล้ว เขาก็รู้สึกไม่อยากทำ
กับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้านี้เขาทั้งรักและทั้งเกลียดจริงๆ สุดท้ายไม่มีทาง เย่โม่เซินทำได้แต่แรงหน่อย แล้วพูดโกหกล่อมเธอให้สวมเสื้อผ้าแล้วก็จะทำให้เธอพอใจ
เสิ่นเฉียวเหมือนกับเด็กที่ต้องการลูกอมเลย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเชื่อฟัง ให้เย่โม่เซินสวนเสื้อให้ตัวเอง หลังจากสวมเสร็จติดกระดุมเรียบร้อย เธอก็พุ่งมาทางเย่โม่เซินด้วยความตื่นเต้น
“ตอนนี้ได้แล้วใช่ไหม?” เย่โม่เซินกดทับเธอลงบนเตียงโดยตรงเลย “ยังไม่ได้ ต้องรออีกสักพัก”
เสียงของเขาแหบแห้งเซกส์ซี่มีเสน่ห์น่าหลงใหล เหมือนว่าดื่มเหล้ามาเยอะมาก ลมร้อนที่หายใจออกมาก็ทำให้ผู้คนมึนเมา เสิ่นเฉียวกะพริบตา “รู้สึกว่าเหนื่อยมากเลย นายจะช่วยฉันตอนไหนเนี่ย….”
“ขอแค่เธอเชื่อฟัง ปิดตาไม่ดื้อ อีกสามนาที ฉันก็จะช่วยเธอ”
“จริงหรอ?” เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังจะโกหกเธออยู่ มือของเธออดไม่ได้ที่จะไปกอดคอของเขา ขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างก็ควบเอวของเขาไว้
การกระทำนี้….
แววตาของเย่โม่เซินดูเฉียบขึ้นเล็กน้อย เขาเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้มักจะยั่วยวนเขาอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเขาเกือบจะหลุดการควบคุม
เสิ่วเฉียวส่ายหัว “ไม่เอา ฉันทรมาน”
เธอถีบไปทางหน้าอกของเขา ไปถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่โม่เซินไร้ซึ่งความรู้สึก แววตาดูเงียบสงบไม่มีคลื่น มีเพียงแต่หน้าปากที่มีเส้นเลือดเผยออกมาและเห็นหยดเหงื่อที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะนี้เขาจะต้องอดทนถึงขั้นไหน
“รออีก..สองนาที ถ้าหากยังไม่มา…”
เขาก็…..ไม่เกรงใจแล้ว จะเริ่มกินแล้ว!