บทที่ 190 กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ
แววตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน “ใครอนุญาตให้เธอเรียกเขาว่าคุณน้า?”
บนตัวของเขายังมีกลิ่นไอที่เย็นชาออกมาทำเอาเสิ่นเฉียวตกใจ หดคอกลับไป แววตามองลงข้างล่าง ไม่ได้ตอบคำพูดของเขา
“นายพูดกับใคร?” ส้งอานจ้องเย่โม่เซินไปหนึ่งที “มีคนแบบนายหรอที่พูดแบบนี้กับภรรยา? เสิ่นเฉียว เธอไม่ต้องสนใจเขา คืนนี้ก็พักผ่อนดีๆ ให้ฉันไปสั่งสอนเขาเอง”
หลังจากพูดจบ ส้งอานก็ลุกขึ้นไปหาเย่โม่เซิน เย่โม่เซินขมวดคิ้ว ยังไม่ทันรอให้เขารู้ตัว ส้งอานก็ยื่นมือไปดึงหูของเขาแล้ว
“นายออกมาเลยนะ”
สีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึกได้เปลี่ยนไปเลย เสิ่นเฉียวก็ตกใจ เพราะว่าเธอไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้บนใบหน้าของเย่โม่เซินเลย ทั้งโมโหอารมณ์ต่างๆ สลับปรับเปลี่ยนอยู่บนหน้าของเขา แต่ว่ากับคุณน้าแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดอย่างเย็นชาว่า “ปล่อย”
“ฝันไปเถอะ” ส้งอานดึงหูของเธอ “รีบออกไปกับฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ให้คานเถอะ!” สีหน้าของเย่โม่เซินเปลี่ยนไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงออกไปกับเธอดีๆ
รอให้พวกเขาออกไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็มองไปทางเซียวซู่ที่อยู่ข้างๆ มีความอายเล็กน้อย
“อันนั้น…คุณน้าขอคุณชายก็แบบนี้แหละ คงจะมีเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถรักษาคุณชายเย่ได้”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าด้วยความเข้าใจ มองออก
ถึงแม้เขาจะเย็นชาไปหน่อย แต่ว่ากับคุณน้าแล้วเขาก็ยังให้ความเคารพอยู่ ไม่ว่ายังไงแล้วบนใบหน้าเผยสีหน้าแบบนี้ออกมาแล้ว ยังสามารถเก็บปากร้ายปากจัดของเขาแล้วเดินออกไป ดูแล้วผู้ใหญ่ก็ยังคงเป็นผู้ใหญ่
แต่ว่า…ครั้งนี้ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นนายท่านแล้วก็ เย่โม่เซินคงจะเริ่มโมโหแล้ว
ข้างนอกประตู
มือของส้งอานยังคงดึงหูของเย่โม่เซินอยู่ “นายเป็นอะไรของนายกันแน่ ผู้ชายคนหนึ่งกลับรังแกผู้หญิงแบบนี้ นายไม่อายหรอ?”
“ผมรังแกเธอตรงไหน? รีบปล่อยมือ” ถึงแม้เย่โม่เซินจะเป็นชาย เนื้อหยาบด้าน แต่ว่าแรงของส้งอานก็ไม่ใช่น้อย อีกอย่างหยิกแบบนี้ไว้คลอด หูของเย่โม่เซินแดงไปหมดแล้ว
สีหน้าของเขาเย็นชาส้งอานกลับไม่สนใจเลย
“นายไม่ได้รังแกเธอแล้วนายจะดุขนาดนั้นทำไม? กับผู้หญิงต้องสุภาพหน่อยนายไม่รู้หรอ? ได้ ฉันรู้ว่านายเย็นชาตั้งแต่เกิดไม่ได้นำผู้หญิงมาใส่ไว้ในสายตา แต่ว่าเสิ่นเฉียวคือภรรยาของเธอ อย่างน้อยนายก็ควรจะทำหน้าที่ของสามีไม่ใช่หรอ?”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไรเลย
“ได้ยินไหม?”
เย่โม่เซินเม้มปาก พูดด้วยความไม่พอใจว่า “คุณน้า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม น้าไม่ต้องยุ่งหรอกมั้ง?”
ส้งอานได้ยินแล้ว ก็รีบยักคิ้ว “นี่รังเกียจที่น้าเข้ามายุ่งแล้วใช้ไหม? ก่อนที่แม่นายจะเสียได้ฝากให้ฉันดูแลนาย นายก็ทำแบบนี้กับน้าใช่ไหม?”
แววตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน “……”
รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างบนตัวของเขา ส้งอานเบ้ปาก แล้วเก็บมือกลับมา
“พอแล้ว น้าก็แค่พูดไปงั้นๆ แหละ นายอย่าคิดมาก แต่ว่าเมื่อกี้ฉันให้นายอ่อนโยนกับเสิ่นเฉียวหน่อยนายอย่าลืมนะ เธอคือผู้หญิงที่ไม่เลวจริงๆ”
พอได้ยินแล้ว เย่โม่เซินก็ยักคิ้ว ยิ้ม “คุณน้าก็แน่ใจขนาดนี้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เลว?”
“นายลองดูภาพลักษณ์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างนาย ใครจะอยากแต่งงานกับนาย?”
เย่โม่เซิน “…..คนที่อยากจะแต่งงานเข้ามายังตระกูลเย่มากมายไป”
“นายก็รู้ว่าแต่งงานที่ตระกูลเย่ แต่ไม่ใช่แต่งกับนาย ถ้าหากนายไม่นามสกุลเย่ ไม่ใช่ประธานของบริษัทตระกูลเย่ นายคิดว่าจะมีผู้หญิงชอบนายหรอ? นอกจากว่าพวกเขาจะตาบอดไปแล้ว” ส้งอานไม่ได้เกรงใจเย่โม่เซินเลย พูดตรงมาก การพูดคำร้ายๆ สกิลเดียวพอๆ กับเย่โม่เซินเลย
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจว่า “โจมตีฉัน มีผลดีอะไรกับคุณน้า?”
“ความจริงก็ไม่ฟังแล้ว? น้าแค่อยากจะบอกเราว่า เสิ่นเฉียวไม่เลว ถ้าหากพลาดผู้หญิงแบบนี้ไป ต่อจากนี้นายก็รอเสียใจทีหลังเถอะ!”
เย่โม่เซิน “……”
“น้ารู้ได้ไงว่าเธอแต่งเข้ามาไม่ใช่เพราะเงิน?”
“ฮ่า” ส้งอานหัวเราะไปหนึ่งที สองมือกอดอีกมองเย่โม่เซินด้วยความไม่เห็นด้วย “ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โลภมากในเงินจริงๆ งั้นเธอก็จะไม่แต่งงานกับนายพร้อมลูก ถึงขั้นรู้ว่าหลังจากที่นายรู้แล้วยังพยายามสู้ชีวิตปกป้องลูกอีก”
“นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่เธอมีต่ออดีตสามีแล้ว”
“แต่ว่าตามที่ฉันรู้ เธอและอดีตสามีของเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สามารถพูดได้เลย เธอแค่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กำลังปกป้องลูก แค่นั้นเอง”
เย่โม่เซินหื้มด้วยความเย็นชา ยังคงยืนหยัดความคิดของตัวเอง
“ฉันได้ยินเซียวซู่บอกว่า คนอื่นพูดว่านายพิการ เธอยังจะปกป้องนาย โม่เซิน ถ้าหากนายรู้สึกว่าผู้หญิงแบบโลภมากจริงๆ งั้นนายก็ตาบอดแล้ว!”
“เวลาไม่เช้าแล้ว ให้เซียวซู่ส่งน้ากลับไปนะ”
เย่โม่เซินขี้เกียจคุยกับเขาแล้ว เข้าไปในห้องนอนเลย
ส้งอานมองดูเงาข้างหลังของเขา อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก “ยัยเด็กดื้อ ว่าแกไปสองสามคำก็ไม่พอใจแล้ว ได้ วันนี้ฉันไปก่อนละกัน”
เซียวซู่ถูกเรียกออกไป จากนั้นก็ไปส่งส้งอาน
ในห้องเหลือเพียงแต่เย่โม่เซินและเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาเลย เพราะฉะนั้นพอเย่โม่เซินเดินเข้ามา เธอก็รีบนอนลงไปแล้วดึงผ้าห่มมาห่ม
เสียงรถเข็นเคลื่อนที่มายังข้างเตียง เสิ่นเฉียวรีบปิดตา
ข้างหลังมีเสียงที่เย็นชาของเย่โม่เซินส่งผ่านมา
“หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง”
หูของเสิ่นเฉียวขยับ ร่างกายกลับนอนอยู่ไม่ขยับ
“ลุกขึ้นมาพยุงฉันขึ้นเตียง”
เสิ่นเฉียวรีบเบิกตากว้าง หรือว่าเขาจะนอนที่นี่หรอ?
เธอไม่ได้ขยับ แกล้งทำเป็นว่าตัวเองหลับแล้ว
“เธอตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยเธอไว้แบบนี้หรอ?”
เย่โม่เซินพูดอีกครั้ง
เสิ่นเฉียว “….ข้างๆ ยังมีห้องอีกไม่ใช่หรอ”
เพราะว่าเขาจองเป็นชุดห้อง ข้างๆ ยังมีห้องนอน ก่อนหน้านี้เธอและเย่โม่เซินแยกกันนอนตลอด ฉะนั้นเธอหวังว่าตอนนี้จะสามารถเป็นเหมือนเมื่อก่อน
เย่โม่เซินหัวเราะด้วยความเย็นชา “ฉันจะนอนที่นี่”
ทำอะไรไม่ได้ เสิ่นเฉียวได้แต่ค่อยๆ ลุกขึ้น “งั้นฉันพยุงนายขึ้นเตียง นายนอนที่นี่ ฉันไปนอนอีกฝั่ง”
หลังจากพูดจบก็อ้อมไปทางเย่โม่เซินแล้วไปพยุงเธอ แต่กลับสังเกตเห็นว่าแม้แต่ขยับก็ไม่ขยับ จึงค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น เสิ่นเฉียวยกเปลือกตาขึ้นหนึ่งที มองเขาด้วยความสงสัย
“นายขยับหน่อยสิ ไม่เช่นนั้นฉันจะพยุงนายขึ้นเตียงยังไง?”
เย่โม่เซินมองเธอไปหนึ่งที ยิ้มอย่างเย็นชา “พยุงฉันขึ้นเตียงแล้ว เธอก็ไปอีกข้างหนึ่ง? ผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง เธอคิดได้ดีจริงๆ เมื่อกี้ตอนที่ถูกวางยาเข้ามาในอ้อมกอดของฉันทำไมถึงไม่พูดประโยคนี้?”
พูดถึงเรื่องที่โดนวางยา สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไปเลย
เย่โม่เซินจับข้อมือของเธอไว้ วางไว้ที่ลำคอของตัวเอง
“คิดว่าเธอก็น่าจะเห็นสิ่งที่ตัวเองทำไวแล้ว นี่ นี่ ต่างก็เป็นสิ่งที่เธอเหลือไว้”
เขาจับมือของเธอ อยู่ภายใต้ลำคอมของเขา จากนั้นก็จับไปหลายที่มาก แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบไปด้วย
เสิ่นเฉียวงงตั้งแต่เริ่มแรกแล้วจนกระทั่งตอนสุดท้ายที่สะดุ้ง อดไม่ได้ที่อยากจะเก็บมือกลับมา แต่กลับถูกเย่โม่เซินใช้แรงกดทับหน้าอดไว้
“ดู เธออยากได้ฉันขนาดนี้แท้ๆ ตอนนี้กลับไล่ฉันไป? หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง นี่เธอไม่ได้กำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับหรอ?”