บทที่206 พวกเรากลับกันเถอะ
“เย่โม่เซินเรียกคุณมาแก้แค้นฉันแน่ๆเลย” เสิ่นเฉียวจับตำแหน่งที่ตนเองช้ำ แล้วรู้สึกเจ็บแปลบๆ
ถึงยังไงก็เข้ามาในลิฟต์แล้ว เธอยังจะมีโอกาสหนีอยู่หรือ?
“คุณนายน้อยสอง เดี๋ยวเมื่อถึงชั้นด้านล่างแล้ว ถ้าเธอยังทำแบบนี้กับผมอีก เมื่อถึงเวลานั้น มีแต่จะให้พนักงานคนอื่นเยาะเย้ยเอา……ปากคนอื่นจะพูดอะไรผมก็ห้ามไม่ได้นะครับ”
นี่นับว่าเป็นการคุกคามเธอไหม? เสิ่นเฉียวได้มองเขา เซียวซู่เหมือนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองมา เลยรีบหลบสายตาก่อนที่เธอจะมองมา ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลิฟต์ได้ลงทีละชั้น ไม่ช้าก็ถึงชั้นล่างตึก เมื่อประตูลิฟต์เปิดเซียวซู่ได้ยืนอยู่ข้างหลังเธอ:”ไปกันเถอะคุณนายน้อยสอง”
ไม่มีทางเลือก เสิ่นเฉียวก็ไม่อยากถูกคนอื่นเยาะเย้ยเธอ ทำได้เพียงเดินออกไป เซียวซู่ได้ตามหลังเธอแล้วเดินออกไปด้วยกัน
“คุณชายเย่พวกเขาน่าจะไม่ได้ไปที่ไกลๆ พวกเราไปหาแถวๆนี้ก็พอแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวได้หยุดแล้วสักพัก:”ไปหาแถวๆนี้ แล้วจะหาเจอไหมเนี่ย?”
“หาเจอแน่นอน”เซียวซู่ดูมีความมั่นใจมาก ที่จริงแล้วตอนที่เจอกัน เซียวซู่ได้สอบถามไว้แล้ว และในคำพูดของเย่โม่เซินได้เอ่ยถึงที่ที่เขาจะไป
ถ้าไม่มีเย่โม่เซินให้เบาะแสกับเขา ตอนนี้ให้เขาไปหาแถวๆนี้ เขาอาจจะหาไม่เจอจริงๆ
ในเมื่อมีร้านค้ามากมายขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไปร้านไหน?
“แต่ว่า……เมื่อกี้เส่โยวได้ถามฉันแล้ว ว่าจะไปด้วยหรือไม่ ฉันได้ปฏิเสธไปแล้ว ตอนนี้ไปหาพวกเขาอีกมันจะดู……”เสิ่นเฉียวคิดถึงตรงนี้เธอรู้สึกลังเล
เซียวซู่ไม่ได้ให้เธอมีโอกาสคิดเลย และพูดไปตรงๆว่า:”นี่จะมีอะไรเล่า? คุณก็บอกว่าจู่ๆคุณก็หิวขึ้นมา คุณนายน้อยสองแค่นี้คุณก็ไม่เป็นหรอ ระวังวันไหนคุณชายเย่จะโดนแย่งไปจริงๆล่ะ”
ที่จริงแล้วเธอไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยเสิ่นเฉียวรู้สึกหดหู่ถ้าไม่ใช่เซียวซู่ดึงเธอลงมา เธอไม่คิดจะไปเลยจริงๆ
แต่ตอนนี้……ก็ถือว่าสมใจเธอ
ช่างมันเถอะ ไปกันดีกว่า
“คุณนายน้อยสองครับ ศักดิ์ศรีและหน้าตาไม่ได้สำคัญขนาดนั้นจะ ว่าไปแล้ว ถ้าวันไหนคุณชายเย่โดนแย่งไปจริงๆ คุณโดนเพื่อนสนิทแย่งผู้ชายไป มันจะไม่น่าอายกว่าหรอครับ?
พูดได้มีเหตุผลมาก จนเธอไม่มีทางโต้เถียงได้
ไม่ใช่สิ เสิ่นเฉียวได้ตอบสนองอย่างรุนแรงทันที:”คุณพูดบ้าอะไร? พวกเราแค่มาหาเขาเพื่อกินข้าวด้วยกัน คุณทำเหมือนจะมาจับชู้”
เซียวซู่ได้ลูบหัวตัวเองแล้วยิ้ม
พอล่ะ แค่คุณนายน้อยสองยอมมากับเขา มันสำคัญกว่าทุกอย่าง
เสิ่นเฉียวเดินตามเซียวซู่ตลอด ไม่รู้ว่าเดินไปนานขนาดไหน ยังไงก็รู้สึกว่าเซียวซู่กำลังพาเธอคดไปคดมา ระหว่างทางนั้นเหมือนไม่ได้หาอะไรมากนัก และในไม่ช้าก็มาถึงหน้าประตูร้านอาหารแห่งนึง
“คุณนายน้อยสองครับ ร้านนี้แหละ”
เสิ่นเฉียวได้มองเขา จากนั้นได้มองตามสายตาเขาที่มองไป มองข้ามจากกระจกใสจะเห็นคนสองคนนั่งอยู่ข้างๆหน้าต่าง เย่โม่เซินและหานเส่โยวไม่ได้นั่งตรงกันข้ามกัน แต่ได้นั่งชิดกัน
หานเส่โยวได้พูดอะไรกับเย่โม่เซินตลอด ในขณะที่ถือเมนูอยู่คอเสื้อได้เอียงลงโดยที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยมากเกินแค่เอียงเล็กน้อย ถ้าบอกว่าเธอแกล้งทำท่าก็ดูเหมือนเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่…..ก็มีความตั้งใจเล็กน้อย
“โอ้โหเห็นแล้วใช่ไหมครับคุณนายน้อย? นี้คุณมาเห็นกับตาเลยนะ คุณดูสิหานเส่โยวผู้หญิงคนนั้นจงใจไปใกล้ชิดคุณชายเย่แล้วยัง……เปลือยไหล่อีก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคือเจตนาที่ไม่ดี เธอยังจะเชื่อเธออีกหรอ?”
เสิ่นเฉียวได้จ้องคนสองคนในนั้น ยืนดูต่อเนื่อง และอยู่อย่างเงียบๆ
เซียวซู่:”……คุณนายน้อยสองครับพวกเราเข้าไปไหม?”
“ไม่!” เสิ่นเฉียวเห็นเซียวซู่กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน จึงรีบเอื้อมมือไปคว้าเสื้อของเขาไว้ เพื่อที่จะหยุดไม่ให้เขาเข้าไป
เธอจ้องสองคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างใน ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นเย่โม่เซินเหมือนรับรู้จังหวะอะไรบางอย่าง มุมตาของเขาได้มองมาทางนี้ เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ทันที ตกใจจนลากเซียวซู่นั่งลงกับเธอ ซ่อนตัวอยู่ที่มุมและหลบเลี่ยงสายตาของเย่โม่เซินได้อย่างราบรื่น
“คุณชายเย่ คุณดูสิคะว่าพวกเราจะกินอันนี้หรืออันนี้ดีคะ?” หานเส่โยวได้ถือเมนูแล้วเอียงตัวไปข้างหน้าอย่างจงใจ และเข้าใกล้เย่โม่เซินอย่างช้าๆ วันนี้เธอได้ฉีดน้ำหอมที่หรูหรามากบนร่างกายของเธอ และจงใจทาลิปสติกที่ผู้ชายชอบ บวกกับเมคอัพระบายอากาศ เพื่อให้เธอดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสา
หานเส่โยวมีความมั่นใจในตัวเองมาก ถ้าเย่โม่เซินไม่ได้ชอบเสิ่นเฉียว เพียงแค่เธอพยายาม น่าจะทำให้เย่โม่เซินโปรดปรานเธอได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปลักษณ์และหน้าตาของเธอ เธอไม่เชื่อว่าเย่โม่เซินจะไม่สนใจเธอ
ในขณะที่กำลังพูด ทันใดนั้นหานเส่โยวก็พบว่า ดวงตาสีดำของเย่โม่เซินได้จ้องออกไปข้างนอก เธอหยุดแล้วสักพักและมองตามสายตาของเย่โม่เซิน:”คุณชายเย่เป็นอะไรคะ? ข้างนอกมีอะไรหรอ?
ขณะที่พูดเธอก็ได้ลุกขึ้นมา
“ไม่มีอะไร”เย่โม่เซินได้เลิกจ้องมองข้างนอก แล้วดวงตาสีดำก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นเป็นเส้นตรง
หานเส่โยวไม่รู้สึกท้อแท้ เธอได้ยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มเบาๆ:”แล้วคุณชายเย่อยากทานอะไรคะ?”
“แล้วแต่คุณสั่งเลย”เย่โม่เซินได้เงยหน้าขึ้น และมองเธอด้วยสายตาอันเฉียบคมสายตานั้นเฉียบคมมาก ตอนแรกหานเส่โยวตกใจมากเหมือนกับว่ามีมีดบินมาหาเธอ แต่เธอก็ค่อยๆคิดได้แล้ว
สำหรับผู้ชายเย็นชาอย่างเย่โม่เซิน ก่อนที่จะได้ใจเขานั้นเขาก็เหมือนก้อนน้ำแข็งที่ยากจะละลาย แต่ถ้าภูเขาน้ำแข็งนี้ละลายเขาจะจะร้อนยิ่งกว่าหินเหล็กไฟ
เธอทำได้ เธอจะพลาดเย่โม่เซินไม่ได้เด็ดขาด
เธอทำได้ต้องได้เขามาแน่นอน!
หานเส่โยวยิ้มอย่างยั่วยวนและพยายามทำให้เสียงตัวเองนุ่มนวลเบาลง:”เอาล่ะงั้นฉันจะเป็นคนสั่งนะคะ”
และแล้วเธอก็เรียกพนักงานเสิร์ฟ แล้วสั่งอาหารสองสามอย่าง
เย่โม่เซินขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน หลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินจากไป เขามองหานเส่โยวในท่าทีคิดอะไรบางอย่าง
“คุณรู้ว่าผมชอบกินอะไร?”
เมื่อได้ยินเขาถาม หานเส่โยวรู้สึกเขินอายและหรี่ตาลงพร้อมพูดเบาๆว่า:”รู้โดยบังเอิญค่ะ คุณชายเย่ไม่รังเกียจใช่ไหมคะ?”
“อ๋อ?”เย่โม่เซินพยักคิ้วและแววตาที่ยิ้มของเขามีความประชดประชันเล็กน้อยไปเลี้ยงวัว:”รู้โดยบังเอิญ?”
“พอแล้ว”หานเส่โยวเริ่มหน้าแดง สีหน้าบนใบหน้าของเธอแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่ขี้อาย:”อันที่จริงบริษัทของเรากำลังร่วมมือกับตระกูลเย่ เลขาซูได้จัดระเบียบข้อมูลเอกสารชุดนึงของคุณชายเย่ หลังๆมา ฉันได้ดูข้อมูลชุดนี้ ดูไปสักพัก จากนั้นก็จำได้เลยค่ะ”
และเสิ่นเฉียวที่นั่งยองๆซ่อนตัวอยู่ข้างนอก ทุกคำพูดและทุกการกระทำของทั้งสองอยู่ในสายตาของเธอ เธอนั่งยองๆอย่างเงียบๆ มองอยู่อย่างนั้น
เซียวซู่อดไม่ได้ที่จะอ้วก:”โอ้โหคุณหนูน้อย เพื่อนสนิทของคุณคนนี้น่ารังเกียจมากเลย เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?”
คุณดูสีหน้าท่าทีของเธอสิ ตอนนี้คุณยังจะมาพูดกับผมว่า เธอไม่ใช่คนแบบนั้นอีกหรือ?”
หลังจากบ่นเสร็จ เซียวซู่เพิ่งจะว่าเสิ่นเฉียวเงียบเกินไป
ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปมองเสิ่นเฉียว พบว่าดวงตาอันเย็นชาของเธอ กำลังมองข้างหน้าอย่าเงียบสงบ แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
“คุณนายน้อยสอง?”
“เซียวซู่……พวกเรากลับกันเถอะ”