บทที่207 คุณเรียกใครว่ายัยแอ๊บใสซื่อ
เซียวซู่ได้จ้องตาโต”กลับ? คุณนายน้อยสอง พวกเราไม่เข้าไปหรอ?”
“ไม่ล่ะ”
เสิ่นเฉียวหรี่ตาลง และมองไปที่ปลายเท้าตัวเองอย่างใจลอย”มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ”
“คุณนายน้อยสอง……”
ไม่รอเซียวซู่เกลี้ยกล่อมเธออีกครั้ง เสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นเดินไปทางตรงกันข้าม เซียวซู่ยังคงยืนอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีถึงจะรู้สึกตัว เลยหันหลังวิ่งตามเธอไป
“คุณนายน้อยสอง เป็นอะไรไปหรือเปล่า? เมื่อกี้พวกเรายังคุยกันอยู่ดีๆไม่ใช่หรอ จะเข้าไปด้วยกันไม่ใช่?”
ไม่ว่าเซียวซู่จะพูดอะไรกับเธอ เสิ่นเฉียวก็ไม่สนใจเขา เลยเดินตรงไปข้างหน้า เซียวซู่เดินตามเธอไปตั้งนาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวที่จะไปยืนขวางข้างหน้าเธอ:”คุณนายน้อยสอง ยังไงพวกเราก็มาแล้ว ไม่เข้าไปแล้วยังเดินจากไปแบบนี้ มัน…..”
“คุณไม่เห็นหรอ?”เสิ่นเฉียวได้เงยหน้าขึ้น สายตาของเธอได้มองบนหน้าของเซียวซู่อย่างไม่แยแส
สายตาของเธอทำให้เซียวซู่ตะลึงไปชั่วคราว และได้ถามอย่างมึนงงว่า:”เห็นอะไร?”
ดวงตาของเสิ่นเฉียวขมขื่นเล็กน้อย เธอลดตาลงและพูดว่า:”คนเขาอยู่กันดีๆ พวกเราจะเข้าไปทำอะไร?ไปรบกวนคนอื่นเขาหรอ?ฉันรู้สึกว่า……มันไม่ใช่เรื่องดี”
“……”เซียวซู่คิดว่าเธอจะพูดอะไรซะอีก ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองสีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไป:”พูดแบบนี้ไม่ได้นะดีตรงไหนเล่า?คุณนายน้อยสอง คุณเห็นมากับตาว่าหานเส่โยวคิดไม่ดีเลยนะ ทำไมคุณถึง……”
“เพื่อนสนิทของฉัน ฉันรู้นิสัยเธอดี แต่เย่โม่เซินล่ะ?คุณเอาแต่พูดหานเส่โยวเป็นคนยังไง แล้วคุณทำไมไม่พูดเย่โม่เซิน? ถึงสิ่งที่คุณพูดมันเป็นความจริงก็เถอะ ถ้าหานเส่โยวกับเย่โม่เซินมีอะไรกันจริงๆ?แล้วเขาเองหมายความว่าอะไร? คนอื่นรู้สึกดีกับเขา แล้วเขาปฏิเสธเองไม่เป็นหรือไง? ต้องให้ฉันมาปฏิเสธแทนเขาด้วยหรือไง?”
“คือ……”
“เขาเป็นผู้ใหญ่มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาอยากจะทำอะไรฉันก็ห้ามไม่ได้ ถ้าเขาชอบเส่โยวจริงๆอยากอยู่กับเธอจริงๆแล้วฉันต้องถือมีดไปไว้ที่คอของเขา ห้ามไม่ให้เขาชอบหรอ? เซียวซู่คุณไม่เคยมีคนชอบคุณไม่เข้าใจหรอก ถ้าเขาอยากจะทำแบบนั้นจริงๆ ฉันก็ห้ามไม่ได้แน่นอน ถ้าเข้าไปตอนนี้……”เสิ่นเฉียวลดตาลงหัวเราะเยาะตัวเองว่า :”แค่ไปหาเรื่องน่าละอายใจใส่ตัวเท่านั้นเอง”
เธอเสิ่นเฉียวไม่สามารถทิ้งความมีเกียรติในตนเอง ความมีเกียรติในตนเองของเธอนั้น มันใหญ่มากกว่าสิ่งใด
ในวินาทีนั้น เซียวซู่ไม่รู้จะโต้เถียงกับอย่างไร เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่เสิ่นเฉียวพูดมาดูสมเหตุสมผลมาก
อันที่จริงแล้วหานเส่โยวคิดที่จะยั่วยวนคุณชายเย่นั้นไม่ผิด แต่ถ้าคุณชายเย่ไม่ไหวตัวหานเส่โยวก็ทำอะไรไม่ได้ คนที่ตอบตกลงว่าจะมากินข้าวที่ร้านอาหารกับหานเส่โยวก็เป็นตัวเขาเอง ไม่มีใครบังคับให้เขามา
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ฉันกลับไปทำงานก่อนนะ ถ้าคุณมีธุระก็ไปทำธุระเลย “พูดจบเสิ่นเฉียวได้ลดตาลงแล้วเดินจากไป ไม่มีใครเห็นน้ำตาใสๆที่มุมตาของเธออย่างชัดเจน
เมื่อเดินมาไกลแล้ว เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่าเซียวซู่ไม่ได้ตามเธอมา เธอจึงเงยหน้าขึ้นทำตัวตรง แล้วเดินไปข้างหน้า เธอได้ยกมือเพื่อเช็ดน้ำตาใสๆจากมุมตาของเธอออกอย่างไร้ร่องรอย
ไม่เป็นไร ถ้านี่เป็นสิ่งที่คนอื่นเลือก งั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้
หลังจากที่กลับมาถึงบริษัท เสิ่นเฉียวได้พบกับเสี่ยวเหยียนที่กำลังจะเดินออกจากบริษัท เสี่ยวเหยียนเห็นว่าดวงตาของเธอแดงริมฝีปากของเธอได้ขยับ และคิดที่จะเข้าไปคุยอะไรบ้างอย่างกับเธอ จากนั้นเธอเดินไปไม่กี่ก้าวจู่ๆเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอได้เม้มริมฝีปากอย่างโกรธแล้วหันหลังเดินจากไป
“เสี่ยว……”เสิ่นเฉียวตะโกนเรียกชื่อไม่ทันจะออกจากปาก และได้กลืนลงไปทันที
ท้ายที่สุดแล้ว เธอทำได้เพียงมองหลังของเสี่ยวเหยียนอย่างเศร้าๆ
ยืนอยู่สักพัก เสิ่นเฉียวเธอได้เข้าลิฟต์อีกครั้ง เพื่อที่จะกลับไปที่ทำงาน
สิ่งที่เธอยังไม่รู้นั่นคือคนที่อยู่ตึกล่าง ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเธอไปทั่ว
“เฮ้ยพวกเธอ เห็นแล้วใช่ไหม?เมื่อกี้ลูกสาวของบริษัทตระกูลหานหานเส่โยวมาอ่ะ ทีแรกฉันคิดว่าเธอมาหาคนที่นามสกุลเสิ่นคนนั้น ใครจะไปรู้เมื่อกี้ฉันเห็นเธอผลักคุณชายเย่ออกไปด้วยกัน และได้พูดคุยกันหัวเราะกันด้วย”
“อะไรเนี่ย?หานเส่โยวคนนั้นกับคนที่นามสกุลเสิ่นเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่หรอ?”
“เพื่อนสนิทอะไรเล่า ต่อหน้าผู้ชายไม่มีคำว่าเพื่อนสนิทหรอก เรื่องที่โดนเพื่อนสนิทแย่งแฟน เรื่องแบบนี้พวกคุณไม่เคยเห็นหรอ?”
“จะว่าไปก็จริงเนาะ ต่อหน้าผู้ชายเพื่อนสนิทล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น อย่าบอกนะว่าหานเส่โยวคนนั้นจะมาแย่งผู้ชายกับเธอ?โหถ้ามองจากรูปร่างและฐานะของเธอ คนที่นามสกุลเสิ่นแพ้แน่เลย!”
“แพ้แน่นอน ดูเธอสิ ไม่มีอะไรเลยหน้าตาก็เทียบกันไม่ได้ จะเอาอะไรไปสู้กับลูกคุณหนูของตระกูลหาน?”
“พวกเธอดูท่าทีที่เธอกลับมาเมื่อกี้สิ ดูก็รู้แล้วว่าโดนแย่งแฟนมารอดูเถอะเธอเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่เหรอ? คาดว่าภายใน 3 วันเธอจะถูกไล่ออกจากบริษัทตระกูลเย่”
“พวกเธอพูดบ้าบออะไรกัน?”ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็แทรกเข้ามาพูด และได้จ้องพวกเธออย่างดุร้าย:”เรื่องของคุณชายเย่ เป็นเรื่องที่พวกเธอเอามาพูดคุยได้หรือ?”
พนักงานหญิงพวกนี้เห็นว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนที่มาจากแผนกการเงิน แม้ว่าจะแสดงสีหน้าที่ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้หยาบคายกับเธอ”เสี่ยวเหยียน แต่ก่อนคุณใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรอ? ทำไมสองสามวันนี้ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารกับคุณล่ะ?หรือว่าเป็นเพราะเธอเลื่อนตำแหน่งแล้ว คิดว่าไก่ป่าอย่างตัวเองสามารถบินขึ้นกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ได้ ก็เลยไม่อยากสนใจคุณ? ฉันจะบอกคุณน่ะใสซื่อเกินไป แต่ก่อนเธอแค่หลอกใช้คุณตอนนี้เธอไม่ต้องการแล้ว เลยถีบเธอออกไป”
เสี่ยวเหยียน:”……”
“เสี่ยวเหยียน เหมือนที่ฉันพูดนะ ผู้หญิงแบบนี้ต่อไปอย่าไปสนใจเธอเลย เธอได้ใจแค่อีกไม่กี่วันแล้ว”
เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้ว:”ใครบอกว่าเธอไม่สนใจฉัน?สองสามวันนี้ ฉันแค่ไม่สบาย ไม่อยากไปกินข้าวที่โรงอาหารไม่ได้หรอ?เกี่ยวอะไรกับพวกเธอ? ใครบอกว่าเธอได้ใจแค่ไม่กี่วัน?พวกเธอรู้ว่าเธอเป็นใครไหม?ไม่รู้อะไรสักอย่างแล้วมาพูดบ้าบออยู่ตรงนี้ ไม่รู้เรื่องจริงๆเลย!”
“เธอ!”
“เธออะไรคะ?ถ้าไม่พอใจจะมาสู้กับฉันไหมล่ะ?ดูซิว่าใครจะชนะ?”
“……คนเถื่อน พวกเราไม่ต้องคุยกับเธอ ไป!”
พนักงานหญิงหลายคนได้เดินจากไปด้วยกัน เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กับที่กำหมัดอย่างแน่นด้วยความโมโห
เสิ่นเฉี่ยว……โง่จริงๆเลย
บอกเธอแล้วว่าหานเส่โยวอยากยั่วเย่โม่เซิน เธอก็ไม่เชื่อ ตอนนี้โดนแย่งแฟนจริงๆแล้วใช่ไหมล่ะ? หานเส่โยวคนนั้นก็ร้ายจริงๆนะ มาชวนเย่โม่เซินถึงที่บริษัทเพื่อที่จะออกไปกินข้าวด้วยกันอย่างเปิดเผย ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขยะแขยง
หลังจากที่หานเส่โยวทานอาหารกลางวันกับเย่โม่เซินเสร็จ ก็ได้เข็นเขากลับ แล้วบอกลากับเขา จากนั้นก็ลงไปที่ลานจอดรถขณะที่เธอจะเปิดประตูรถนั้น มีมือข้างนึงได้ตบไปที่ประตูรถของเธอ หานเส่โยวได้เงยหน้าขึ้นแล้วหันมองไปที่คนๆนั้น
“ยัยแอ๊บใสซื่อ!”คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเสี่ยวเหยียนจากฝ่ายการเงิน
เวลานี้เธอได้จ้องเธออย่างโกรธ
หานเส่โยวทำเป็นเสแสร้งเฉพาะต่อหน้าเสิ่นเฉียวเท่านั้น และจะหยิ่งต่อหน้าคนอื่น เมื่อได้ยินเสี่ยวเหยียนด่าเธอว่าแอ๊บใสซื่อ เธอได้เงยหน้าขึ้นและตบเธออย่างรุนแรง
เสี่ยวเหยียนคาดไม่ถึงเลย คาดไม่ถึงว่าเธอจะลงมือเลย โดนตบจนถอยหลังสองก้าว จากนั้นมือจับหน้าและมองเธออย่างตกใจ
หานเส่โยวนำมืออันขาวของเธอกลับมา และยิ้มอย่างเลวทราม
“คุณเรียกใครว่ายัยแอ๊บใสซื่อ?”