บทที่215 เรียกได้ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรก็ได้
หลังจากพูดออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวเหยียนก็แข็งทื่อทันที เธอมองหน้าเสิ่นเฉียวอย่างกระอักกระอ่วน “เพราะฉะนั้น……เธอหมายความว่าเธอไม่ได้อยากจะมาหาฉันเพื่อมาคืนดีกับฉันงั้นหรอ? ถ้ายังงั้นของขวัญของฉัน……”
“ฉันไม่รู้เลย ถ้าเกิดว่าฉันไม่มี บางที……ฉันก็อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอทำอะไรพวกนี้ ขอโทษนะ……”
เสี่ยวเหยียนยืนอยู่อย่างงุนงง ทันใดนั้นตาของเธอก็แดงขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเธอก็เช็ดอย่างแรง แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง “ฉันโง่มากเลยใช่มั้ย? ในสายตาของเธอ ฉันเป็นคนที่พูดเรื่องที่ไม่ดีของคนอื่นใช่มั้ย? ตอนเริ่มแรกฉันไม่ดีกับเธอ แถมยังหยิ่งมาก แต่หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าฉันเข้าใจเธอปิดไป ก็เลยอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเพื่อชดใช้ แต่ว่าตอนนี้……เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าฉันดึงดันใช่มั้ย? ”
“เปล่า” เสิ่นเฉียวส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ “เธอดีกับฉันมาก เรื่องนั้น……ฉันใจแคบเกินไปเองแหละ พวกเราดีกันเถอะ”
เสี่ยวเหยียนมองเธออย่างเศร้าใจ ไม่ได้พูดอะไร
เสิ่นเฉียพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ “เธอยอมมั้ย? ”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน เสิ่นเฉียวก็ได้แต่หรี่ตาลง “ถ้ายังงั้นก็ได้ ถ้าเกิดว่าเธอไม่ยอม งั้นฉัน……”
“เสิ่นเฉียว สรุปแล้วเธอหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย? เรื่องนี้ฉันเป็นคนเจ็บปวดมาโดยตลอดละ เธอบอกว่าจะดีกับฉัน จะไม่เกลี้ยกล่อมฉันหน่อยหรอ? แค่พูดไม่กี่ประโยคแล้วฉันไม่ตกลงก็จะไปแล้วหรอ? สรุปแล้วเธออยากจะดีกับฉันจริงๆ รึเปล่า? ”
เสิ่นเฉียวหยุดเดิน แล้วก็หันมามองหน้าเธอ
เสี่ยวเหยียนเม้มปาก ตาแดงเหมือนกับกระต่าย “เธอต้องเลี้ยงข้าวกลางวันฉัน”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า “ได้ ได้สิ”
“ตอนเลิกงานเธอต้องไปชอปปิ้งเป็นเพื่อนฉัน ชดเชยความผิดพลาดในช่วงนี้”
“ได้”
หลังจากเสิ่นเฉียวรับปากเธอหลายๆ เรื่อง สุดท้ายเสี่ยวเหยียนก็คลี่ยิ้มออกมา
เสิ่นเฉียวเองก็จนปัญญาแล้ว ยัยเด็กเสี่ยวเหยียนคนนี้นี่มีจิตใจบริสุทธิ์จะตาย คำขอของเธอก็เหมือนกับว่าเป็นคำขอที่เด็กใช้ขอผู้ใหญ่ เสิ่นเฉียวคิดในใจว่า ที่จริงแล้วเธอก็แค่มีนิสัยเหมือนเด็ก ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ต่อไปถ้าเธออยากจะพูดอะไร……เธอก็จะฟังไปด้วยปล่อยไปด้วยแล้วกัน
หลังจากทั้งสองคนดีกัน โรงอาหารของบริษัทก็กลับมาเห็นพวกเธอเดินเข้าเดินออกด้วยกันอีกครั้ง นิสัยของเสี่ยวเหยียนไม่ได้เปลี่ยนเลย พึ่งจะดีกับเสิ่นเฉียวได้ไม่กี่ชั่วโมงก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มนินทา เริ่มแรกก็ถามเรื่องเธอกับเย่โม่เซิน
“เธอกับคุณชายเย่เป็นยังไงกันบ้าง? การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้กระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเธอใช่มั้ย? ”
เสิ่นเฉียวตักน้ำซุปใส่ชาม คิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถามเธอ “เธอนี่สนใจเรื่องระหว่างพวกเรามากเลยใช่มั้ย? ”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง “ยังต้องบอกอีกหรอ? การเป็นห่วงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตของเพื่อนคือเรื่องใหญ่นะ มันเป็นเรื่องที่ฉันควรทำ”
“ถ้ายังงั้นก็ได้ ตอนนี้ฉันจะบอกเธอ ว่าระหว่างฉันกับคุณชายเย่เรียกได้ว่าไม่มีความรู้สึกอะไรก็ได้ เธอเชื่อมั้ย? ”
เสี่ยวเหยียนมองเธอด้วยความงุนงงอยู่นาน หลังจากนั้นก็เบิกตาโพลง “ถ้ายังงั้นพวกเธอจะแต่งงานกันทำไม? เขาพิการนะ ฉันก็นึกว่าเพราะว่าเธอชอบเขา ก็เลย……แต่งงานกับเขา”
พอได้ยินคำว่าพิการ เสิ่นเฉียวก็หน้าบึ้งทันที พร้อมกับแก้ไขให้เธอรู้ “เธออย่าพูดคำว่าพิการออกมาง่ายๆ แบบนี้สิ”
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนก็ตะลึง หลังจากนั้นก็เม้มปากแน่น “ไม่ได้ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันไม่ใช่หรอ? แล้วเธอจะปกป้องเขาทำไม? ” พอพูดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็เหล่มองเธอ “หรือว่า เขาไม่ชอบเธอ แต่ว่าเธอชอบเขา? ”
พอพูดแทงใจ เสิ่นเฉียวก็ได้แต่เงียบ
เธอไม่ได้แก้ตัวอะไรให้ตัวเอง แล้วก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก ได้แต่มองหน้าเธออย่างใจเย็น ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนกำ็เข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเงิบขึ้น “ไม่ใช่มั้ง? เธอชอบคุณชายเย่จริงๆ หรอ? แต่ว่าเขาไม่ชอบเธอ? ”
“พูดเบาๆ หน่อย” เสิ่นเฉียวเตือน
เสี่ยวเหยียนถึงได้ตั้งสติได้ เธอพยักหน้า แล้วก็พูดเสียงเบา
“ถ้ายังงั้น……เขาไม่ชอบเธอ แล้วเธอทำยังไงล่ะ? ถ้าเกิดว่าเขาไม่ชอบเธอล่ะก็ มันก็ยิ่งอันตรายไม่ใช่หรอ จริงๆ เลย หานเส่โยว……”
“เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจหรอก เรื่องของความรู้สึกไม่ใช่อะไรที่ใครสามารถควบคุมได้ และอีกอย่างความสัมพันธ์ของพวกเราก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก สรุปแล้ว ต่อไปเธอไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอกนะ”
เสี่ยวเหยียนเม้มปาก “ถ้ายังงั้นก็ได้ ฉันฟังเธอแล้วกัน”
ตอนเลิกงานนั้น ตอนแรกเสิ่นเฉียวเก็บข้าวของเตรียมจะไปหาเสี่ยวเหยียน เพราะว่ารับปากเธอไว้แล้วว่าจะไปชอปปิ้งกับเธอ เพราะฉะนั้นก็เลยลืมที่เย่โม่เซินสั่งไว้ว่าให้เธอกลับบ้านพร้อมเขา
ตอนที่เธอกับเสี่ยวเหยียนไปถึงที่ป้ายรถเมล์นั้น ก็มีรถที่คุ้นเคยมาจอดอยู่ตรงหน้าของเธอ
รถคันนั้นลดกระจกลง ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เย็นชาของโม่เซิน
พอเห็นเย่โม่เซิน เสี่ยวเหยียนก็เบิกตาโพลงมองเขาที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
ตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเพื่อนกับเสิ่นเฉียว ก็มีเรื่องลวงตาเกิดขึ้นมากมาย ครั้งที่แล้วที่เจอรองประธานเย่ที่ห้าง รองประธานเย่ก็ไปส่งเธอกลับบ้านด้วยตัวเอง หลังจากนั้นตอนที่ร่วมงานประจำปี เธอก็เห็นเย่โม่เซินพาเสิ่นเฉียวไปต่อหน้าต่อตา แล้วครั้งนี้ก็เห็นเย่โม่เซินปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก
“ฉันไม่ได้บอกให้เธอรอฉันหลังเลิกงานหรอ? ” น้ำเสียงของเย่โม่เซินเยือกเย็น ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิใดๆ เลย
เสิ่นเฉียวโดนเขาถามแบบนี้ ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับเธอตอนที่อยู่ในห้องทำงานได้ ริมฝีปากสีชมพูของเธออ้าออก “ฉัน……ลืมไปเลย”
หลังจากพูดจบ บรรยากาศจากตัวของเย่โม่เซินก็เยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม “ลืมงั้นหรอ? ”
ลมเย็นๆ พัดมา เสิ่นเฉียวหดคอโดยอัตโนมัติ และเสี่ยวเหยียนก็หลบอยู่ด้านหลังของเธอด้วยความกลัว แอบมองเย่โม่เซินอยู่แบบนั้น
เมื่อมีคนให้เปรียบเทียบแล้ว เสิ่นเฉียวถึงได้พบว่าตอนที่เธออยู่ต่อหน้าเย่โม่เซินยังถือว่ามั่นคงและสงบนิ่งได้อยู่
อย่างน้อย เธอก็ไม่ได้เหมือนกับเสี่ยวเหยียน
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็หายใจเข้าลึกๆ “ฉันรับปากว่าจะไปชอปปิ้งกับเสี่ยวเหยียน หรือว่า……วันนี้คุณกลับไปก่อนมั้ย? ”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็น
และเสี่ยวเหยียนที่หลบอยู่ด้านหลังเธอก็ถามออกมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย “ไม่งั้น วันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะ วันอื่นพวกเราค่อยนัดกันใหม่มั้ย? ”
เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว แต่ว่าเธอรับปากกับเสี่ยวเหยียนไว้แล้ว ตอนนี้……
ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เย่โม่เซินก็ถามออกมา “ไปที่ไหน? ”
“หา? ”
“ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเธอ”
เสิ่นเฉียว:“……”
เสี่ยวเหยียนตาโตด้วยความเซอร์ไพรส์ “ส่ง ส่งพวกเราไปชอปปิ้งหรอคะ? ”เสี่ยวเหยียนกำเสื้อของเสิ่นเฉียวไว้แน่น “นี่คือเรื่องจริงหรอ? ”
เสิ่นเฉียวนึกว่าตัวเองเข้าใจอะไรผิดไป ไม่คิดว่าเสี่ยวเหยียนก็คิดเหมือนกับเธอ ริมฝีปากของเธอกระตุกเล็กน้อย “น่าจะไม่ใช่นะ……”
เซียวซู่ลงจากรถมา แล้วก็เปิดประตูรถให้พวกเธอ “คุณนายน้อยขึ้นรถเถอะครับ”
เสิ่นเฉียวยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม เสี่ยวเหยียนก็ดันเธอขึ้นไป หลังจากนั้นก็ยิ้มจนตาหยีแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะคะคุณชายเย่!”
หลังจากพูดจบ เธอก็อ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่ง นั่งอยู่ที่นั่งข้างๆ คนขับ หลังจากนั้นก็เข้าไป
เซียวซู่เห็นสถานการณ์ก็แอบชื่นชมเสี่ยวเหยียนอยู่ในใจ!
น้องสาวคนนี้ใช้ได้เลยนี่ จงใจเหลือที่ว่างด้านหลังให้เย่โม่เซินกับเสิ่นเฉียว แข็งแกร่งกว่าหานเส่โยวนั้นเป็นร้อยเท่าเลย
“พวกเธอจะไปที่ไหน? ”
“ก็……” เสี่ยวเหยียน บอกสถานที่แก่เซียวซู่
เสิ่นเฉียวที่นั่งอยู่ด้านหลังฟังประโยคสนทนาของทั้งสองคน ก็มองเย่โม่เซินอย่างเก้ๆ กังๆ
“คุณ……จะไปกับพวกเรางั้นหรอ? ”