บทที่220 ความจริงเกี่ยวกับคืนวันฝนตก
คำถามที่รุนแรงแบบนี้ทำให้หานเส่โยวตาแดงเรื่อขึ้นมา
ขอโทษค่ะ ฉันเพียงอยากจะช่วยพยุงคุณเท่านั้น เมื่อครู่ฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรคุณเลย…คุณชายเย่ คุณทำฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันหน่อยได้มั้ย?” พลางพูด น้ำตาของหานเส่โยวก็ตกลง จากนั้นจึงค่อยๆดึงมือตัวเองกลับเบาๆ
เย่โม่เซินหัวเราะหึ ก่อนจะปล่อยข้อมือเธอ
หานเส่โยวล้มลงพิงผนังข้างๆเบาๆราวกับคนไม่มีกระดูก เธอลูบคลำข้อมือที่ถูกจับ กลัวความผิดขึ้นมาจับใจ
เดิมทีเธอคิดว่า เย่โม่เซินน่าจะมีความรู้สึกบางอย่างให้แก่เธอบ้าง ตราบเท่าที่เธอใช้กลวิธีของเธอนั้น เขาจะต้องติดกับเธอ
ไม่คิดเลยว่าเขาจะหยาบคายแบบนี้
แต่ว่า……เขาก็ไม่ได้ต่อต้านเธอสักเท่าไหร่ หานเส่โยวจึงยิ่งรู้สึกสนใจผู้ชายดิบเถื่อนคนนี้มากขึ้นไปอีก
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งอยากที่จะได้หัวใจของเขา ผู้ชายแบบนี้หากเพียงแต่ได้หัวใจของเขามาหล่ะก็ เธอก็จะได้เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
แต่ว่า เธอก็ยังหาวิธีคิดที่จะได้หัวใจของเขานั้นไม่ได้อยู่ดี
หานเส่โยวหลับตาพิงกำแพง
เฉียวเฉียว…ฉันขอโทษแกด้วยนะ
แต่ว่าเย่โม่เซินเองก็ไม่ได้ชอบแก เพราะเป็นแบบนั้น ให้ฉันเถอะ
เมื่อคิดได้แบบนี้ หานเส่โยวก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาที่แปรเปลี่ยนไป เธอลุกขึ้นยืนขึ้นมาอีกครั้ง พูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย
“ขอโทษนะคะคุณชายเย่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ถ้าหากว่าคุณรังเกียจฉันมาก งั้น ฉันขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ”
ในขณะที่พูด หานเส่โยวก็เดินออกไป แสร้งทำทีพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “มันเป็นความผิดของฉันเองที่จำอะไรก็ไม่ได้ ความจริงแล้วในคืนที่ฝนตกคืนนั้น….ตอนนี้มันคงเป็นเรื่องน่าขันของคุณแล้วใช่มั้ย?”
เดิมทีที่เธอคิดจะจากไปเย่โม่เซินนั้นก็คร้านที่จะคุยกับเธอ แต่หลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่เธอพึมพำนั้น ความเย็นชาในนัยน์ตาของเย่โม่เซินก็เปลี่ยนไป คำพูดของเธอนั้นหยุดเขาเอาไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
หานเส่โยวสั่นราวกับนกที่หวาดผวา เธอหันมองเขาอย่างประหลาดใจ
“เมื่อกี้เธอ…พูดว่าอะไร?”
หานเส่โยวเอื้อมมือขึ้นปิดปาก เบิกตากว้างและถอยหลังไปด้วยความกลัว “เปล่านะ ฉันไม่ได้พูดอะไร คุณฟังผิดแล้วหล่ะ”
พูดจบเธอก็หันตัวเดินหนี
“อยากตายหรือไง กลับมา!” เย่โม่เซินเรียกเธอให้หยุด แต่หานเส่โยวได้บรรลุจุดประสงค์ของเธอแล้วมีหรือเธอจะหยุด เธออยากที่จะทิ้งไว้ให้เขาสงสัย
ไม่นาน ร่างของหานเส่โยวหายไปจากมุมเลี้ยว
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเฉียวยืนรออยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน รอนานแล้วแต่หานเส่โยวก็ไม่กลับมาสักที ด้วยเพราะสวนแห่งนี้มันก็ดูซับซ้อนเธอจึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลงทางหรือไม่ก็หาห้องน้ำไม่เจอ รอสักสามนาทีก็ยังไม่เห็นเธอ
จึงเดินออกไปตามทางเดิน ผลก็คือเดินไปได้ไม่ไกลนักเธอก็พบเข้ากับหานเส่โยวที่กำลังเดินมาทางนี้ ด้วยเพราะหานเส่โยวเดินมาอย่างรีบร้อนจึงเกือบที่จะชนเข้ากับเธอ แต่โชคดีที่ทั้งสองยั้งเท้าเอาไว้ทัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?ไปเจออะไรมา?” เสิ่นเฉียวจับหานเส่โยวเอาไว้พลางถาม เมื่อเห็นว่าเธอตาเรื่อแดง หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทันที
หานเส่โยวรีบหันหลังให้เธอ แล้วยื่นมือมาเช็ดตา “ไม่เป็นอะไร ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่ว่า……ทำไมเธอร้องไห้ล่ะ?” เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วแล้วถามอย่างสงสัย
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม……จู่ๆเธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่นัก
“หรอ? ฉันร้องไห้หรอ?”หานเส่โยวคลี่ยิ้มออกมา แล้วก็เอามือลูบใบหน้าของตัวเองอย่างแรง “ร้องตรงไหน? ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลย? อาจจะเพราะว่าเมื่อกี้ตอนล้างหน้าแล้วน้ำเข้าโดยไม่ทันระวังรึเปล่า?”
เสิ่นเฉียว:“……”
“เธอไม่ได้หลอกฉันหรอ?”
“เฮ้อ ฉันจะหลอกเธอทำไมกัน ฉันไม่ได้ร้องไห้จริงๆ!”
หานเส่โยวดึงมือของเธอ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อด้วยความรวดเร็ว “ไปกันเถอะ พวกเราไปดูทางนั้นกัน”
ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ว่าถ้าหานเส่โยวไม่อยากจะพูด เสิ่นเฉียวเองก็ไม่มีวิธีอื่น หลังจากนั้นก็เห็นว่าอารมณ์เธอไม่ได้ดูผิดปกติ ก็เลยลืมเรื่องนี้ไป
ทั้งสองคนเดินเล่นกันอยู่ซักพักแล้วก็กลับ นายท่านกลับมาแล้ว หลังจากเห็นหานเส่โยว แล้วก็เห็นว่าเธอนำข้าวของมากมายมาตระกูลเย่ก็มีความสุขขึ้นมาทันที เอาแต่บอกว่าถ้าเกิดว่ามีโอกาสก็อยากจะรู้จักหานชิง ให้หานเส่โยวช่วยแนะนำให้หน่อย
หานเส่โยวบอกว่าพี่ชายของเธอยุ่งมาก ครั้งหน้าถ้าเกิดว่ามีโอกาสจะต้องแนะนำให้พวกเขารู้จักกันแน่นอน
คุณปู่ตอบรับอย่างมีความสุข หลังจากนั้นก็เชิญให้หานเส่โยวอยู่กินข้าวด้วยกัน
เสิ่นเฉียวที่มองอยู่ด้านข้างก็กังวลเล็กน้อย ที่จริงแล้วนายท่านคิดอะไรอยู่เธอนั้นย่อมรู้ดี เขาอยากจะจับคู่เส่โยวกับเย่หลิ่นหานมาโดยตลอด หลังจากเขาไปแล้ว เธอก็ดึงหานเส่โยวมาตรงมุม
“ถ้าเกิดว่านายท่านให้เธอแต่งงานกับเย่หลิ่นหาน เธอจะยอมมั้ย?”
พอได้ยินดังนั้น หานเส่โยวก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “จะเป็นไปได้ยังไง?”
คิดอยู่ซักพัก แล้วเธอก็พูดต่อ
“เฉียวเฉียว แม้ว่าฉันจะไม่ไปก้าวก่ายการตัดสินใจอะไรของเธออีกก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะคบกับเขาได้นะ ยังไงเขาก็คือ……พ่อของลูกในท้องของเธอ แล้วฉันจะไปคบกับเขาได้ยังไงกัน”
เสิ่นเฉียวเม้มปากแน่น “ถ้ายังงั้นก็น่าจะลำบากนิดหน่อย นายท่านอยากจะจับคู่เธอกับเย่หลิ่นหาน เธอคงไม่ได้มองไม่ออกหรอกใช่มั้ย?”
“……จริงหรอ? ฉันก็นึกว่าเขาแค่อยากรู้จักพี่ใหญ่ของฉันเท่านั้น ก็เลยกระตือรือร้นนิดหน่อย”
“เธอโง่หรือยังไงเนี่ย? สถานะและชื่อเสียงของตระกูลหานในเมืองเป่ยเป็นยังไง นายท่านอยากจะให้เธอเป็นหลานสะใภ้ของเขาให้ได้น่ะสิ”
“แบบนี้เองหรอ……”หานเส่โยวก้มหน้าอย่างลังเล “งั้นครั้งหน้าฉันจะระวัง ยังไงฉันก็จะไม่มีวันมีอะไรกับเย่หลิ่นหานหรอก”
เสิ่นเฉียวไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ หานเส่โยวแค่บอกว่าเธอจะไม่มีอะไรกับเย่หลิ่นหาน แต่ไม่ได้บอกว่าเธอจะไม่มีอะไรกับเย่โม่เซิน
เมื่อทุกคนกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โต๊ะอาหาร สีหน้าของเย่โม่เซินก็เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ลมหายใจที่เยือกเย็นของเขาเหมือนจะหยุดทุกอย่างที่อยู่รอบตัว คนรับใช้ไม่กล้าเข้าใกล้เขา เสิ่นเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เขา
ตอนเช้ารู้สึกว่าเขามีอะไรที่ผิดปกติไป แล้วตอนนี้ก็เหมือนกับว่าจะรุนแรงขึ้นอีก?
วันนี้เขาเป็นอะไรไป?
“เส่โยว ต่อไปถ้าเกิดว่ามีเวลาว่างก็มาหาคุณปู่เย่บ่อยๆหน่อยนะ” นายท่านยิ้มจนตาหยี ค่อยๆปอกเปลือกกุ้งแล้วใส่ในชามของเธอ หานเส่โยวยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะคุณปู่เย่ หนูจะมาค่ะ”
เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงเรื่องที่นายท่านไม่ชอบเธอ เธอก็รู้ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
และเย่หลิ่นหานกับเย่โม่เซิน ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร บนโต๊ะอาหารมีแต่นายท่านกับหานเส่โยวพูดคุยกันเท่านั้น การกินข้าวมื้อนี้กระอักกระอ่วนมาก ตอนที่จบลงนั้น จู่ๆนายท่านก็พูดขึ้นมา “เสิ่นโย่ว ช่วยเก็บชามหน่อยสิ”
เสิ่นเฉียวอึ้งไป หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ได้ค่ะนายท่าน”
หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นช่วยคนรับใช้เก็บชาม หานเส่โยวเห็นดังนั้น ก็พูดว่า “ถ้ายังงั้นฉันช่วยด้วย”
“ไม่ต้องหรอก เส่โยวหนูมากับปู่หน่อย ปู่มีเรื่องอยากจะคุยกับหนู”
“คือว่า……”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอไปเถอะ” เสิ่นเฉียวยิ้มให้เธอ หานเส่โยวถึงได้พยักหน้า “ถ้ายังงั้นตอนเย็นฉันมาหาเธอนะ”
หลังจากกลุ่มคนแยกย้ายกันไป เสิ่นเฉียวก็ช่วยเก็บจานชามในห้องครัว