บทที่ 222 เธอมีสิทธิ์ที่จะโกรธ
“ไม่ได้ค่ะ ฉันสัญญากับเฉียวเฉียวแล้วว่าจะไม่พูด”
หานเส่โยวพยายามออกแรงเพื่อถอนมือออกทั้งน้ำตา
“สัญญากับเสิ่นเฉียวเหรอ” เย่โม่เซินหรี่ตาลงอย่างอันตรายและใช้น้ำเสียงเย็นชา “พวกเธอตกลงเรื่องอะไรกันลับหลังฉัน”
ทันใดนั้นหานเส่โยวก็พูดราวกับปากรั่วและเบิกตากว้าง “ไม่ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่อกี้ คุณชายเย่ เสิ่นเฉียวน่าจะกำลังใกล้ขึ้นมาแล้ว คุณควรรีบปล่อยฉันได้แล้ว เรื่องในวันนี้ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” ริมฝีปากบางๆ งอของเย่โม่เซินเผยให้เห็นรอยยิ้มที่กระหายเลือดและเพิ่มกำลังของมือของเขาขึ้นเล็กน้อย “เธอเห็นฉันเย่โม่เซินโง่ แค่เล่นละครเงอะๆ งะๆ หลอกตบตาได้ง่ายๆ เหรอ แค่ละครนี้ไม่เนียนเอาเสียเลยยังจะกล้าเล่นต่อหน้าฉันอีก”
หานเส่โยวมองอย่างตกตะลึง “เล่นละครเงอะงะๆ”
“เหอะ” เย่โม่เซินยิ้มเย้ยหยัน “เธอควรบอกความจริงทั้งหมดมาดีกว่า ฉันให้โอกาสเธอแค่ครั้งเดียว”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ หานเส่โยวรู้ดีว่าไม่สามารถแกล้งทำต่อไปได้อีก จึงทำได้แต่ลดตาลงช้าๆ มองไปที่พื้นและสงบสติลงสักพักจากนั้นก็พูดช้าๆ “ฉันไม่อยากพูดเพราะรู้สึกผิด ฉันกับเฉียวเฉียวเป็นเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกันและคุณกับเธอแต่งงานกันแล้ว ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ฉันเลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำร้ายเธอ เธอปวดใจกับเรื่องนี้มากจริงๆ ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจะได้ไหมคะ”
“บอกฉันมาว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นใคร” ตอนนี้ที่เย่โม่เซินต้องการมีเพียงแค่อยากรู้เรื่องนี้
คนที่เขาขอให้เซียวซู่หามานานมากและข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้มาก่อนหน้านี้เป็นเท็จ แต่ตอนนี้หานเส่โยวก็รีบโพล่งออกมาและบอกว่ารู้เรื่องนี้แล้ว มันดูจะบังเอิญเกินไป
เมื่อได้ยินแบบนี้หานเส่โยวก็กัดริมฝีปากล่างแน่นไม่อยากจะพูดอะไรอีก
“พูดมา”
หานเส่โยวถึงกับผงะน้ำตาซึมด้วยความตกใจ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “ขอโทษค่ะคุณชายเย่ ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ ฉันไม่สามารถหักหลังเสิ่นเฉียวได้ คุณลืมทุกอย่างในวันนี้ไปเถอะนะคะ”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าด้านนอกและพวกเขาก็ได้ยินเสิ่นเฉียวถามว่า “เส่โยวอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ได้ยินดังนั้น ทำให้สีหน้าของหานเส่โยวเปลี่ยนไปทันทีและขณะที่กำลังจะผลักเขาออก เขากลับคลายมือเธอออกเสียก่อน แล้วรีบถอยห่างเธอทันที
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นจิตใต้สำนึก หานเส่โยวเดิมก็ต้องทำเช่นกัน แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเย่โม่เซินจะเคลื่อนไหวเร็วกว่าเธอมาก ทำให้หน้าของเธอซีดเผือดขึ้นมา
ท่าทางเย่โม่เซินชัดเจน… สนใจแค่เสิ่นเฉียวเพียงคนเดียว
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ผู้หญิงอย่างเสิ่นเฉียวไม่ต้องพูดถึงภาพลักษณ์ของเธอ เรื่องที่เธอแต่งงานครั้งที่สองและกำลังตั้งท้องลูกของคนอื่น ที่แท้เย่โม่เซินไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง
แต่ถ้าเขารู้สึกดีกับเธอ ทำไมเขาต้องทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นกับเสิ่นเฉียว
หานเส่โยวคิดไม่ออกจริงๆ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยให้เธอคิดเรื่องพวกนี้ เสียงของเสิ่นเฉียวดังออกมาอีกครั้ง “เส่โยว”
หานเส่โยวเรียกสติกลับคืนมา “เฉียวเฉียวฉันอยู่ที่นี่”
ถ้าจะเล่นละครก็ต้องเล่นให้จบ เธอรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วยิ้มให้เธอ
ที่จริงเสิ่นเฉียวก็สงบสติอยู่ในสวนอยู่นาน ในที่สุดถึงรู้ว่าตัวเองไม่มีความกล้าพอ ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับมาหาเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน
เปิดประตูออก เสิ่นเฉียวก็เห็นหานเส่โยว และเย่โม่เซินก็อยู่ที่หน้าต่างทุกอย่างในห้องก็ดูปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ฉันก็เพิ่งมาเหมือนกัน คิดว่าเธออยู่นี่ ไม่คิดว่าเธอยุ่งอยู่เพิ่งเสร็จเหรอ”
“อืม”
หานเส่โยวมองไปที่เธอและไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ก็โล่งใจถอนใจเบาๆ
เธอยัง…ไม่ได้อยากที่จะให้เสิ่นเฉียวรู้เรื่องเข้า เพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน
ริมฝีปากบางๆ ของเย่โม่เซินที่ยืนริมหน้าต่างขยับ และมองไปทางเสิ่นเฉียวก็พบว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาอื่นใดนอกจากเลิกคิ้วขึ้น
ผู้หญิงคนนี้สมองหมูหรือยังไงกัน เพื่อนสนิทของตัวเองอยู่ในห้องกับสามีตัวเอง ที่แท้เธอไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลยเหรอ
หึ เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยจริงๆ โง่เหมือนหมูจริงๆ
เย่โม่เซินอดที่จะคิดเช่นนี้ไม่ได้
“วันนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวก่อนแล้วกันแล้วเจอกัน” หานเส่โยวคิดไปคิดมา เรื่องวันนี้เบรกไว้ก่อน ยังไงก็ตามจุดประสงค์ของเธอที่อยู่ตรงหน้าก็คือเย่โม่เซินก็สำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็รอให้เขาติดกับ
เสิ่นเฉียวคิดสักพักพยักหน้า “โอเคฉันไปส่งเธอข้างล่าง”
หลังจากนั้นเธอก็ส่งหานเส่โยวกลับไปและกลับห้องหลังจากนั้นประมาณสิบนาทีเธอไม่ได้สนใจเย่โม่เซินเลย จิตใจของเธอยังคงสับสนอยู่คอยคิดถึงฉากที่เห็นเขาจับข้อมือหานเส่โยว
เย่โม่เซิน…ชอบเส่โยวเหรอ
ถ้าเขาชอบเส่โยวจริง นายท่านเย่ก็อยากให้ตระกูลหานและตระกูลเย่ดองกันอยู่แล้วด้วย เขาจะตกลงมั้ยนะ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เสิ่นเฉียวก็กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วปล่อยออก
ช่างเถอะ ถ้าชอบกันจริงๆ ยังไงความรู้สึกก็เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
เหมือนกับที่รู้ดีว่าเรื่องของเธอกับเย่โม่เซินมันเป็นไปไม่ได้ แต่ยังชอบเขาอยู่ เธอก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
มีเสียงล้อขยับ เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าจู่ๆ เย่โม่เซินก็มาอยู่ตรงหน้าเธอ
เมื่อสบตากันเสิ่นเฉียวก็พบว่าดวงตาสีหมึกของเขากว้างใหญ่ราวกับทะเลลึกและริมฝีปากสีชมพูของเขาขยับ แต่เขาไม่ได้พูด
“หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง” ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินเปิดออกเบา ๆ และเรียกเธอ
หญิงที่แต่งงานครั้งที่สองชื่อนี้เสิ่นเฉียนดูเหมือนจะเคยชินกับมันแล้วที่ได้ยินแบบนี้
“ทำไมเธอไม่ถามฉันล่ะ” เย่โม่เซินถาม
เสิ่นเฉียว “…”
เย่โม่เซินมองไปที่ใบหน้าที่สับสนของเธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ช่วงนี้มีอาการผิดปกติมาก แต่ก่อนหานเส่โยวเข้าใกล้เขา เธอจะกังวลและกระวนกระวายและเตือนไม่ให้เขาทำอะไรหานเส่โยว
แต่ตอนนี้เงียบลงอย่างน่ากลัว
“สมควรตาย” เย่โม่เซินสบถเสียงต่ำและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ”
ในตอนแรกเสิ่นเฉียวตกตะลึงและหลังจากนั้นไม่นานก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงและหลุบตาลงมองนิ้วของเขาอย่างครุ่นคิด “ไม่มี”
เมื่อเธอตัดสินใจเธอตัดสินใจในตอนแรกว่าจะไม่ต่อความยาวอะไรอีก เย่โม่เซินอยากจะทำอะไร … ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
ตราบใดที่พวกเขาสมัครใจ
หน้าตาเฉยเมยของเธอทำให้ความหงุดหงิดในใจของเย่โม่เซินเพิ่มขึ้นสองสามเท่าและดวงตาของเขาก็ทวีความโกรธชัดขึ้น “ไม่มีเหรอ”
เสิ่นเฉียวส่ายหัวและยืนยันอีกครั้ง “ไม่”
ในตอนท้ายเธอเงยหน้าขึ้นและมองเขาอย่างไร้เดียงสาด้วยแววตาที่ไร้เดียงสาของเธอ “หรือฉันต้องมีอะไรจะบอกคุณงั้นเหรอหรือคุณอยากได้ยินอะไรจากฉันคะ”
เย่โม่เซิน “…”
เขาหายใจเข้าลึกๆ กระตุกที่มุมปากและในที่สุดก็ยิ้มเย็นชาออกมา
“เยี่ยมมาก”
ผู้หญิงคนนี้เก่งที่จะทำให้เขาโกรธจริงๆ