เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 233 ตุ่ม

บทที่233 ตุ่ม

เสิ่นเฉียวก็แค่นิ่งไปสักพัก แล้วก็พยักหน้า พอรอส้งอานเก็บของเสร็จก็กลับไปกินข้าวที่บ้านกับเธอ

หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ในยามค่ำคืนต่างก็มีไฟเปิดสว่างไว้ แสงไฟในเมืองและหน้าถนนก็เปิดไว้ด้วยกัน ลมในยามมืดพัดมา เสิ่นเฉียวก็รู้สึกหนาว ก็หดตัวเก็บคดเข้า กอดแขนของตัวเองไว้

“ถ้าหนาว ก็ใส่สูทสิ รอฉันที่นี่สักพัก ฉันไปขับรถมา”

“ได้ค่ะคุณน้า” ตอนนี้เสิ่นเฉียวเรียกเธอว่าน้า ก็เรียกจนจะติดปากแล้ว

รอที่หน้าประตูโรงพยาบาล ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ลมในเวลากลางคืนก็ยังเย็นหน่อย เธอคิดๆแล้วก็เอาเสื้อสูทของเย่โม่เซินคลุมไหล่ไว้

สูทของเขาใหญ่มาก คลุมบนตัวเธอเหมือนกับเสื้อคลุมที่ใหญ่มาก บังลมไว้มิด

เสิ่นเฉียวก้มหัวลงดม ที่สูทยังมีกลิ่นเฉพาะของเย่โม่เซินอยู่ กลิ่นอ่อนๆ เหมือนกลิ่นของยาสูบ

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็กระพริบตา แล้วก็ดึงสูทให้กระชับขึ้น รอประมาณ2นาที ส้งอานก็ขับรถมาแล้ว หยุดตรงหน้าเธอไม่ไกล เสิ่นเฉียวเดินไปเปิดประตูออกแล้วเข้าไปนั่ง

“อย่าลืมคาดเข็มขัดนะ” ส้งอานพูดเตือน แล้วก็ขับรถออกไป

รถขับเข้าสู่ถนนใหญ่ เสิ่นเฉียวมองดูไฟข้างทาง ทันใดนั้นก็ได้ยินส้งอานถามตัวเอง: “แผลของวันนี้ เป็นยังไงกันแน่? เธอกับโม่เซินเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ระหว่างเธอกับเย่โม่เซิน…..

“การเก็บเสียงของห้องทำงานไม่ดี ตอนนั้นเธอคงยังไม่หลับ ที่เราพูดกันเธอคงจะได้ยินแล้ว” ส้งอานไม่รอให้เธอตอบ ก็พูดขึ้นอีก

ได้ยินแบบนี้ หน้าและหูของเสิ่นเฉียวก็แดงขึ้น

คิดไม่ถึงว่าส้งอานจะละเอียดอ่อนในการสังเกตขนาดนี้ แม้แต่อันนี้ก็นึกถึง แล้วเย่โม่เซินล่ะ? เรื่องที่น้าของเขาก็สามารถเดาออก เขาเองก็รู้แล้วใช่ไหม?

“งั้นตอนนี้ฉันถามเธอ เธออยากจะอยู่กับเย่โม่เซินดีได้วยกันจริงๆไหม?”

เธอจะตอบยังไง? เสิ่นเฉียวทำท่าทางที่ตอบยาก พูดเสียงเบา: “น้าคะ ฉันรู้…ว่าน้าเป็นคนที่ดีมาก แต่ว่า…เรื่องความรักแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ ระหว่างฉันกับเย่โม่เซินมันซับซ้อนไปหน่อย อีกอย่าง…คนที่อยากจะแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่ฉัน”

“เรื่องของพวกเธอเซียวซู่บอกกับฉันหมดแล้ว เธอแต่งงานแทนน้องสาว เพราะว่าคนตระกูลเสินคิดว่าเย่โม่เซินที่พิการเหมือนเป็นหลุมไฟ ให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาก็เท่ากับว่าไม่มีความหวัง”

คนพูดนี้ถูก เสิ่นเฉียวไม่มีสาเหตุที่จะตอบกลับ ทำได้แค่ก้มหน้าลงต่ำ

“ตอนนั้นฉันพูดกับเย่โม่เซินแล้ว เพราะว่าเขาพิการ เธอเลยยอมแต่งงานด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นแต่งแทน แต่เธอก็เป็นคนดี อีกอย่างฉันดูแล้วเธอเองก็ดีกับโม่เซิน เธอบอกกับน้าได้ไหม?”

ได้ยินแบบนี้ เสิ่นเฉียวก็มองส้งอาน: “อะไร?”

“ชอบโม่เซินไหม?”

เสิ่นเฉียว: “…….”

ส้งอานยิ้มขึ้น “ตรงเกินไป? งั้นเราลองเปลี่ยนวิธีพูดดู เธอคิดยังไงกับการแต่งงานครั้งนี้ ถึงแม้ตั้งแต่เริ่มแรกมันเป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน แต่ส่วนมากในการที่มีข้อแลกเปลี่ยนตกลงในการแต่งงานก็มันจะรู้สึกรักกันจริงๆขึ้นมา เธออยู่กับเขามาหลายเดือนแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?”

เสิ่นเฉียว: :……ฉัน……” เธอก็ยังไม่รู้ว่าควรตอบยังไง คำถามนี้ถ้าเป็นหานเส่โยวมาถามเธอ เธอก็ไม่รู้จะตอบยังไง ยิ่งส้งอานเป็นผู้ใหญ่กว่า เสิ่นเฉียวก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“ดูแล้วในใจของเธอก็คงจะสับสนมาก” ส้งอานส่ายหน้า: “ดูแล้วพวกเธอคงยังต้องการเวลาอีก”

เสิ่นเฉียวก้มหน้าลง “น้าคะ น้าไม่ต้องพูดแล้ว เย่โม่เซิน…ไม่มีทางชอบฉันหรอก”

ได้ยินแบบนี้ ส้งอานก็ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา: :ฉันยังดูไม่ออกเลย เธอก็ดูท่าจะเดาใจคนออกหรอ? เขาชอบเธอรึ เธอไม่ถามเขาเอง เธอก็รู้แล้วหรอ?”

ไม่ต้องถาม เสิ่นเฉียวคิดในใจ และเธอก็เคยถามแล้ว

ตอนนั้นเย่โม่เซินถามเธอว่าชอบเขาไหม เสิ่นเฉียวก็ตอกกลับแบบไม่เกรง ถามเขาว่าชอบเธอรึเปล่า แต่ว่า…สีหน้าและท่าทางของเย่โม่เซินมันแสดงออก…..

เขารังเกียจเธอมาก

แต่ว่าการอยู่ร่วมกับของคนเราก็มักจะเกิดความรู้สึกเล็กน้อย แต่ว่า…ถ้าในใจมันมีตุ่มอะไรไว้ งั้นความรักครั้งนี้ก็ยิ่งไม่สมบูรณ์

“มีหลายเรื่องที่ต้องถาม ถ้าเธอไม่ถามเธอจะรู้ได้ยังไงว่าในใจของอีกฝ่ายคิดยังไง? อีกอย่าง ถ้าถามแล้ว ที่อีกฝ่ายพูดก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ในใจคิด” พูดถึงตรงนี้ ส้งอานก็ยิ้มตรงมุมปาก ตามองไปทางไกล “หลายเรื่องก็มักจะมี2ด้าน ก็เหมือนกับตอนที่ฉันถามเธอ เธอสับสนและลังเลที่จะตอบ งั้นก็แสดงว่ามันต้องมีเหตุผลมากมายอยู่ในนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบเย่โม่เซิน เธอก็แค่มีบางเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกว่าชอบเย่เซินไม่ได้ เธอถึงขั้นรู้สึกว่า….เธอไม่เหมาะสมกับเขา ใช่ไหม?”

เสิ่นเฉียวตกใจมาก มองส้งอานด้วยสายตาที่รู้สึกผิดเล็กน้อย: “น้าไม่ใช่หมอที่ทำการผ่าตัดหรอ ทำไม…ยังเป็น….จิตวิทยา?”

เธอถาม ส้งอานมองมาหาเธอในตอนที่ยุ่งแบบนี้ เห็นว่าสีหน้าแต่ตาของเธอก็มึนงง แล้วก็หัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ เธอนี่นะ…..จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ทำไมยังเหมือนกับเด็กอยู่อีก?ไม่แปลกที่…..”

ไม่แปลกที่เย่โม่เซินเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เย่โม่เซินในตอนนี้ดูเป็นคนที่เลือดเนื้อขึ้นกว่าเมื่อก่อน และยังนึกถึงความรู้สึกของเธออีก

เย่โม่เซินในเมื่อก่อนนั้นในใจคิดแต่อยากจะแก้แค้น สาบานว่าจะเอาบริษัทตระกูลเย่มาให้ได้ ข้างกายเขาไม่เคยมีผู้หญิงเลย

อยู่ดีๆนายท่านก็จัดการเรื่องแต่งงานให้เขา จริงๆแล้วส้งอานเองก็เป็นห่วง แต่ว่าเรื่องชะตากรรมของชีวิตมันก็พูดชัดเจนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะได้คู่กับเสิ่นเฉียว เรื่องกลายเป็นแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่ส้งอานคิดไม่ถึงเหมือนกัน

เสิ่นเฉียวรู้สึกอาย กัดปากตัวเอง

จากนั้นส้งอานก็พาเธอมาที่บ้าน ส้งอานมีอพาร์ทเม้นของตัวเอง สภาพแวดล้อมของชุมชนเงียบสงบ เปิดประตูเข้าไปด้านในตกแต่งอบอุ่นมาก

“เธอนั่งก่อนนะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อที่ด้านในก่อน แล้วฉันจะโทรบอกให้โม่เซินว่าเธออยู่นี่ ดึกหน่อยค่อยให้เขามารับเธอกลับบ้าน”

“ขอบคุณค่ะน้า”

หลังจากที่ส้งอานไป เสิ่นเฉียวก็นั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ใช้สายตามองสำรวจเครื่องเรือนของในบ้าน นั่งไปสักพัก ส้งอานก็กลับมาแล้ว

“ทำไมหรอ? หลังจากเข้ามาด้านในแล้วก็ไม่อยากถอดสูทออกหรอ?”

เสิ่นเฉียวได้ยินคำนี้หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา พูดตอบ: “ฉันลืม….”

จากนั้นเธอก็ถอดสูทออกอย่างเร่งรีบ อาจจะเป็นเพราะรุนแรงเกินไป ตอนถอดลงมาได้ยินเสียงเหมือนมีของอะไรตก

“อะไรตกอ่ะ?” ส้งอานถาม

เสิ่นเฉียวกำลังจะก้มลงหา กลับเห็นว่าส้งอานก้มลงตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เก็บกล่องเล็กๆตรงปลายเท้าของเธอขึ้น

“นี่คืออะไรอ่ะ?” ส้งอานถาม เอากล่องนั้นยื่นให้เสิ่นเฉียว: “ฉันเห็นว่ามันตกลงมาจากกระเป๋าในเสื้อสูท”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset