บทที่235 เธอกำลังสงสารหล่อน
มีความมั่นใจไหม?
ส้งอานจับมือเธออย่างกะทันหัน: “ถ้าอยู่กับเขา อาจจะลำบากมาก เพราะปัญหานิสัยของเขา แต่ฉันเชื่อว่าเขาไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอ แต่ว่าระหว่างพวกเธอต้องใช้เวลาในการปรับตัว”
“เพราะฉะนั้นน้าบอกกับเธอก่อน หวังว่าเธอจะเตรียมใจไว้”
ต้องการเวลาในการปรับตัวตัว?
พอถึงเวลาเธอกับเย่โม่เซินก็ต้องหย่ากัน พวกเธอยังจะมีเวลาอีกนานเท่าไหร่ที่จะปรับตัว?
ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวก็นึกถึงตุ้มหูสีชมพูนั้นขึ้นมา ถ้าเขามีใจที่อยากจะให้เธอจริงๆ…..
ถ้า….เขามีความรู้สึกกับเธอสักนิด
“โอเค คำที่น้าพูดให้เธอ เธอแค่จำไว้ก็พอแล้ว ดื่มซุปเยอะๆหน่อย”
จากนั้นเสิ่นเฉียวก็ดื่มซุปอีก1ถ้วยจากการตื้อของส้งอาน พอเสร็จแล้วเธอค่อยลุกขึ้นเก็บ จากนั้นไม่กี่นาที โทรศัพท์ของส้งอานก็ดังขึ้นก่อนที่จะดูว่าใครโทรมา ส้งอานก็มองเสิ่นเฉียว จากนั้นก็รับสาย
“ยังรู้จักโทรหาฉันอีกหรอ? ยังจำได้หรอว่าภรรยาของนายอยู่กับฉัน? ใช่ กินแล้ว นายจะมาเมื่อไหร่? ได้ งั้นเดี๋ยวนายมารับด้วยตัวเองนะ”
พูดเสร็จ ส้งอานก็วางสาย จากนั้นก็หันไปมองเสิ่นเฉียว: “ดูสิ นี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงเธอหรอ? เพราะฉะนั้น….ถ้าเธอชอบโม่เซิน อย่า….ยอมแพ้เด็ดขาด รู้มั้ย?”
วันนี้เธอก็พูดทั้งตรงๆและอ้อมๆแล้ว เสิ่นเฉียวไม่มีทางไม่เข้าใจแน่นอน เธอพยักหน้า
“ฉันรู้แล้วค่ะน้า วางใจเถอะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะพยายามแน่นอน”
“แบบนี้ก็ดีแล้ว” ส้งอานก็หายห่วงสักที จากนั้นก็ยิ้มให้เสิ่นเฉียว ทั้ง2ก็รอไปสักพัก ทันใดนั้นเสียงกริ่งด้านนอกก็ดังขึ้นมา ส้งอานชี้ทางประตู: “เธอไปเปิดประตูเถอะ เขามารับเธอแล้ว”
ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะนึกถึงตุ้มหูคู่นั้นที่เขาซื้อให้เธอ หรือว่าหลังจากที่เขาบอกความรู้สึกกับเธอ เสิ่นเฉียวคิดถึงว่าจะได้เจอกับเขา ในใจก็เต้นแรงขึ้นมา
“ไปเถอะ เอาสูทไปด้วย เรื่องวันนี้ เธอก็ทำว่ายังไม่รู้ รอให้เขาเอามันให้กับเธอเอง เข้าใจไหม?” ส้งอานเห็นเธอนั่งไว้ด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น ก็บอกกับเธอ
เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าส้งอานเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมาก ตอนลุกขึ้นก็พูดขอบคุณเธอ แล้วก็เอาสูทเดินไปเปิดประตู
สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากที่เสิ่นเฉียวเปิดประตู ก็เห็นว่าเป็นเย่โม่เซิน เซียวซู่อยู่ด้านหลังของเขา มองเธอด้วยสายตาที่เป็นมิตร
เสิ่นเฉียวสบตากับเย่โม่เซิน ทันใดนั้นถึงรู้สึกว่าสายตาของเขามองอยู่บนตัวเธอ ก้มหัวลงดูถึงเห็นว่าบนตัวเธอกอดสูทของเขาไว้อยู่
เธอนึกอะไรได้ รีบคืนสูทให้เขา: “ของนาย”
เย่โม่เซินเม้มปาก สายตาของเขามองที่หน้าของเธออีกครั้ง เสียงนิ่ง: “คลุมไว้เถอะ กลางคืนหนาว”
“…..” เสิ่นเฉียวหยุดคิดไปสักพัก สุดท้ายก็เอาสูทคืนให้เย่โม่เซิน แล้วก็พูดว่า: “พวกเรากลับกับเถอะ ดึกแล้ว”
พูดจบ เธอก็เดินไปก่อน แต่ว่าเดินได้ไม่ถึง2ก้าว แขนของเธอก็ถูกเย่โม่เซินจับไว้ แล้วก็ดึงเธอกลับมา
“วิ่งอะไร? ก็บอกให้ใส่ไว้ไง?” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ยกดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด เอาสูทคลุมไหล่ของเธอไว้ อยู่ใกล้แล้ว จะได้ดูแผลตรงคอของเธอด้วย สายตาของเขาดูนิ่งไปอีก เขาดึงสูทบนตัวเธอให้มิดชิด นิ้วสัมผัสกับผิวของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ถามว่า: “ยังเจ็บไหม?”
นิ้วของเขาเบามาก เหมือนกับขนที่กรีดผ่าน ทำให้เสิ่นเฉียวถึงกับสั่น แล้วก็บอกเขา: “ดี ดีขึ้นเยอะแล้ว”
เสียงของเธอดูสั่นๆ เย่โม่เซินที่ฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว: “ทำไมเสียงสั่นๆ?”
เสิ่นเฉียวหลบสายตาของเขา พูดเสียงเบา: “อาจจะเป็นเพราะ……หนาวมั้ง เรารีบกลับกันเถอะ”
เย่โม่เซินเห็นเธอหลบสายตา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำได้แค่ตอบ: “อืม”
จากนั้นเสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้น ดันเขาไปที่ลิฟต์ เซียวซู่ที่อยู่ข้างๆช่วยส้งอานปิดประตูบ้าน ทุกคนก็ออกจากชุมชนที่อยู่ของส้งอาน
หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เสิ่นเฉียวก็หาที่นั่งนั่งเอง พอดีกับตรงมุม เป็นมุมที่เย่โม่เซินมองไม่เห็นพอดี
รถเคลื่อนไปยังถนน ประมาณ10นาที เสิ่นเฉียวก็ได้ยินเย่โม่เซินถามเธอ
“ทำไมไม่ถามผมว่าจะไปไหน?”
พอได้ฟัง เสิ่นเฉียวก็เพิ่งรู้สึก ว่าบนรถเงียบมาก นึกถึงคำถามที่เย่โม่เซินถามเธอ: “นายจะไปจัดการเรื่องของซือฉีนเป่าไม่ใช่หรอ?”
เย่โม่เซินนิ่งไป จ้องเธอไว้: “เธอ……….”
“หรือว่านายไม่ไป?” เสิ่นเฉียวมองไปทางเย่โม่เซิน ด้วยสายตาที่งุนงง
สายตาของเขาที่นิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้จ้องตาเธอไว้อีก เย่โม่เซินนึกถึงคนเมื่อสักครู่ที่เขาไปเจอมา ในใจก็สับสน “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ไปล่ะ?”
เสิ่นเฉียว: “……งั้นนายไปทำอะไรมาล่ะ?”
ช่างเถอะ!
เย่โม่เซินรู้สึกว่า ก่อนที่ยังสืบเรื่องได้ไม่หมด ก็ยังไม่บอกเธอดีกว่า
อยู่ดีๆก็ไม่พูด เสิ่นเฉียวก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ว่าเธอไม่เข้าใจ นอกจากเรื่องนี้แล้วเย่โม่เซินจะไปทำอะไรอีก?
“ผมก็ยุ่งมาก ไม่ใช่แค่จัดการแค่เรื่องของเธอ”
เสิ่นเฉียว: “……รู้แล้ว”
เธอก้มหน้าลง ดูเหมือนจะเศร้า เพราะว่าเห็นตุ้มหูคู่นั้น และคำที่ส้งอานพูด ก็ทำให้เธอชะล่าใจขึ้นมา แต่ว่า….ต้องพูดว่าดีใจถึงจะถูก
เพราะฉะนั้นคำที่เย่โม่เซินพูด เธอก็ทำเป็นว่าไม่ได้ยิน
ไอ้คนปากร้าย หึ มีปัญญาก็อย่าซื้อตุ้มหูให้เธอสิ!
พอนึกถึงตรงนี้ ตรงมุมปากของเสิ่นเฉียวก็ยกขึ้น สายตาก็ดูเหมือนยิ้ม
เย่โม่เซินเห็นหัวของเธอพิงไว้ แต่ว่าถูกบังไว้ ทำให้ไม่เห็นสีหน้าของเธออย่างชัดเจน
ไม่รู้ทำไม เย่โม่เซินก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวก็เงยหน้าขึ้น
“ใช่สิ ฉันลืมถามไปเลย ซือฉีนเป่าเป็นยังไงบ้าง? เธอกับลูกของเธอปลอดภัยไหม?”
เซียวซู่ที่อยู่ด้านหน้าได้ยิน ก็รีบตอบ: “คุณนายน้อยสองวางใจเถอะ ทั้งสองปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไร ก็แค่ร่างกายอ่อนแอต้องนอนที่โรงพยาบาล”
ได้ยินว่าทั้งสองไม่เป็นอะไร เสิ่นเฉียวก็โล่งอก
ไม่ใช่แค่ว่าเธอกลัวว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย ในเวลาเดียวกันเธอเองก็รู้สึกว่าซือฉีนเป่าก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง เธอเองก็ไม่อยากให้ซือฉีนเป่ากับลูกเป็นอะไร ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าสงสารมาก
“คุณนายน้อยสอง จริงๆแล้วคนแบบนี้เป็นอะไรไปก็สมควรแล้ว วิดีโอทางบริษัทเราเจอแล้ว เป็นเธอที่ตั้งใจมาหาเรื่อง ถึงแม้ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็ไม่เดือดร้อนถึงคุณนายน้อยสองแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณนายน้อยสองไม่ต้องเป็นห่วง”
พูดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้ตอบอะไร เย่โม่เซินกวาดสายตามองเธอ: :คุณกำลังเป็นห่วงหล่อน? หรือว่าสงสารหล่อน?”