บทที่238 จำไว้มาหาผม
เสิ่นเฉียวมองตัวเองในกระจกเหมือนคิดอะไรอยู่
อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อวานที่เขาเห็นตุ้มหูคู่นั้น แล้วก็คิดเยอะเกินไป ก็เลยฝันแบบนี้
เธอรีบเช็ดน้ำบนหน้าจนหมด แล้วก็เดินออกจากห้องน้ำ
เตียงของเย่โม่เซินว่างมาก เขาลุกไปแต่เช้าแล้ว เสิ่นเฉียวมองไปที่เวลา เพิ่งรู้ว่าเป็นเวลาทำงานแล้ว งั้นเธอ….ก็สายน่ะสิ?
พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปบริษัททันที
พอเวลาที่เธอถึงบริษัท ก็เห็นเซียวซู่ไปที่ห้องประชุมกับเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวกำลังเดินออกมาจากลิฟต์ และพวกเขาก็กำลังจะเข้าไปในลิฟต์
พอเห็นเสิ่นเฉียว คิ้วของเย่โม่เซินก็ขมวดเข้าหากัน มองเธออย่างไม่พอใจแล้วพูด: “เธอไม่พักผ่อนที่บ้านดีๆ วิ่งมาที่บริษัททำไม?”
“ห๊ะ?” เสิ่นเฉียวตอบอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เธอบาดเจ็บ” เย่โม่เซินจ้องเสื้อของเธอ สายตาหยุดลงที่คอของเธอ ที่นั่นยังมีรอยแผลอีกเยอะ คิดถึงอะไรได้ เขาก็ถาม: “วันนี้ทายารึยัง?”
พอได้ยิน เหมือนว่าเสิ่นเฉียวจะนึกอะไรได้ขึ้นมา ยื่นมือไปจับตรงคอจองเธอ “ยังไม่ได้ทา”
“กลับไปพักผ่อน ทายา”
ติ๊ง——–
พอดีลิฟต์จะปิดแล้ว เสิ่นเฉียวก็รีบเดินออกมา เย่โม่เซินก็ดันเซียวซู่เข้าไป
หลังจากที่เย่โม่เซินเข้าไปแล้วก็ยื่นมือออกไปดึงเสิ่นเฉียวเข้ามา “เซียวซู่ ส่งเธอกลับไปด้วย”
เซียวซู่นิ่งไปสักพัก “แต่ว่าประชุม…..”
“ฉันไม่เป็นไร” เสิ่นเฉียวรีบพูดขัดเขา: “แผลบนตัวฉันก็เป็นแต่แผลภายนอกเอง อีกอย่างยาที่น้าให้ก็เห็นผลดี บนตัวฉันก็หายเยอะแล้ว มาทำงานได้แล้ว”
เสิ่นเฉียว: “….แต่ว่า…ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นจริงๆ”
เย่โม่เซินฟังแล้วก็ยิ้มเย้ย มองเธอแบบเย้ยๆแล้วพูด: “ยาที่น้าให้เธอดียังไงก็ไม่ใช่ยาวิเศษ เพิ่งบาดเจ็บเมื่อวาน เธอบอกว่าวันนี้เริ่มหายดีแล้ว? เธอบื้อหรือว่าผมโง่กับแน่?
สายตาของเธอมองเขาไว้ สายตาที่ใสซื่อมีความน่าสงสารและขอร้อง ดูแล้วน่าสงสารมาก
ทำให้ทนดูไม่ได้
คิ้วของเย่โม่เซินก็ยิ่งขมวดขึ้น ผู้หญิงคนนี้อะไรกันแน่….ถึงมาทำหน้าตาน่าสงสารอ้อนเขา?
“ให้ตายเถอะ เซียวซู่ รีบพาเธอไป”
เซียวซู่: “……”
“คุณหญิงน้อยรอง งั้นผมส่งคุณกลับ”
เสิ่นเฉียวเห็นเขาที่ไม่มองเธอ ก็พูดขึ้น: “งั้นวันนี้ฉันไม่มาทำงาน เดี๋ยวสายๆฉันกลับเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากไปดูเสี่ยวเหยียน ได้ไหม?”
ได้ยินแบบนี้ เย่โม่เซินก็เงยหน้ามามองเธอ: “เสี่ยวเหยียน?”
“อืม เมื่อวานเธอช่วยฉันไว้ ฉันต้องไปดูอาการของเธอในตอนนี้ ได้ไหม?” คำสุดท้าย เสิ่นเฉียวพูดอย่างระวัง
เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่นๆ จ้องเธอไว้ นานมากกว่าจะตอบ
“ไป หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมงค่อยกลับมาหาผม”
“แต่ว่านายจะประชุมหนิ?”
เย่โม่เซินเงยหน้ามองสูง: “ครึ่งชั่วโมงพอแล้ว”
“งั้นฉันไปดูเสี่ยวเหยียนก่อนนะ สายๆหน่อยค่อยมาหานาย”
พอประตูลิฟต์ปิดลง ถึงห้องประชุม เสิ่นเฉียวเห็นเย่โม่เซินเดินออกไปจากลิฟต์ ก่อนไปเขายังใช้สายตากำชับเธอ เหมือนว่าเตือนเธอให้หลังจากครึ่งชั่วโมงกลับมาหาเขา
ตอนที่เสิ่นเฉียวไปหาเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคอม ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเป็นเสิ่นเฉียว
“เฉียวเฉียว?”
เธอรีบลุกขึ้นเดินไปทางเธอ อยากจะไปจับเธอพอยกมือขึ้นก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาสีหน้าก็เปลี่ยนไป
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปมาก เดินไปด้านหน้า: “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เสี่ยวเฉียวทำปากยู่: “ไม่เป็นไร”
“ขอโทษนะ เธอเจ็บที่ไหนบ้าง?”
เสี่ยวเหยียนตอบแบบปกติ: “ก็แค่แขนพลิกนิดหน่อย หมอบอกว่าไม่เป็นไรมาก แค่เจ็บไม่กี่วันเอง ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรจริงๆหรอ?” เสิ่นเฉียวมองเธออย่างเป็นห่วง “ขอโทษนะ เป็นเพราะฉันแท้ๆที่ทำให้เธอเดือดร้อน และเมื่อวานตอนเย็น…….”
เมื่อวานตอนเย็นเธอไปกับคุณเย่? ฉันรู้ เธอไม่ต้องขอโทษฉัน ตอนนั้นเซียวซู่บอกฉันแล้ว บอกว่าเธอเจ็บหนัก”
ใช่สิ เสิ่นเฉียวเกือบลืมไปเลย ตอนนั้นเซียวซู่รอที่หน้าห้องฉุกเฉิน
งั้นหลังจากที่เย่หลิ่นหานกับเสี่ยวเหยียนกลับมาแล้วต้องเห็นเขา จากนิสัยของเสี่ยวเหยียนต้องถามอยู่แล้ว
“ฉันก็ไม่ได้อะไร” เสี่ยวเหยียนพูดแบบปกติ จากนั้นก็ยิ้มออกมา: “แต่ก็แค่ลำบากรองประธานเย่เอง หลังจากที่เขากลับมาไม่เห็นเธอ หลังจากที่เห็นท่าทางของเขา เหมือนกับไร้วิญญาณเลย”
เสิ่นเฉียว:…..อย่าพูดถึงนี้เลย”
“รู้สึกว่าไม่ค่อยมีเหตุผลเลย เพราะเธอไม่ชอบเขา เพราะฉะนั้นถึงเขาจะเสียใจมากเท่าไหร่ เธอเองก็เฉยๆ แม้แต่ฉันที่เห็นก็รู้สึกเห็นใจ แต่เธอฟังแล้วกลับไม่รู้สึกอะไรเลย”
เสิ่นเฉียวก้มหน้าลง มองพื้นโดยคิดอะไรอยู่
“การเฉยคือรูปแบบการแสดงออกที่ดีที่สุด ฉันเป็นน้องสะใภ้ของเขา ไม่ใช่แฟนของเขา ถ้ามีการตอบสนองความรู้สึกอะไรกับเขา งั้นก็แสดงก็ทำร้ายเขาน่ะสิ?”
“มันก็ใช่ ใช่สิ เราไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะ ตามฉันมา”
เสี่ยวเหยียนลากเธอมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ปิดประตูลงเบาๆค่อยพูด: “เมื่อวานฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นอะไร ทั้งแม่และลูก เป็นเรื่องจริงไหม?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า “อืม”
“งั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสิ?” เสี่ยวเหยียนค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้ เมื่อวานพออารมณ์ขึ้นก็อยากจะฆ่าเธอให้ตาย เพราะว่าทำให้พวกเธอทั้งสองเจ็บขนาดนี้
แต่พอตอนนี้ใจเย็นลง เสี่ยวเหยียนถึงรู้สึกถึงความหนักเบาของเรื่องราว
สองแม่ลูกนั้นไม่เป็นอะไร เธอยังคิดว่า….เลือดไหนเยอะขนาดนั้น เด็กคงไม่รอดแล้ว
ใครจะไปรู้….
“อืม น่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับเราแล้ว แต่ว่า….ฝ่ายตรงข้ามคงไม่ยอมหยุดแค่นี้” เมื่อวานดูท่าทีของหลินเจียงแล้ว เขาอาจจะก่อเรื่องอีก”
“ห๊ะ? ฝ่ายตรงข้ามยังจะก่อเรื่องอีกหรอ แต่ว่าพวกเขาไม่เป็นอะไรหนิ!”
เสิ่นเฉียวยิ้มอ่อนๆ: “จะก่อเรื่องอะไรไหมตอนนี้ก็ไม่รู้ แต่ว่าเรื่องนี้เธอวางใจได้ ฉันไม่ให้มันเกี่ยวข้องมาถึงเธอแน่”
“เธอพูดอะไรเนี่ย? ฉันไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง ฉันก็เป็นห่วงเธอด้วย ในเมื่อเรื่องนี้ฉันเข้าไปมีส่วนร่วมแล้ว ถ้าภายหลังเธอแบกทุกอย่างไว้เอง ฉันไม่ยอมนะ!”
“โอเค ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็แค่มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวต้องกลับไปอีก”
ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็อยากรู้ขึ้นมา: “กลับไปที่คุณชายเย่? เมื่อวานตอนที่เขาพาเธอไป เธอดีใจใช่ไหมล่ะ?”
พูดถึงเรื่องเมื่อวาน หน้าของเสิ่นเฉียวก็แดงขึ้น “ไม่ต้องพูดเรื่องเมื่อวานแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะกลับไปแล้ว”
“เอ๋ เธออย่าเพิ่งกลับสิ ฟังฉันก่อน วันนั้นที่เราไปซื้อของใช่ไหม? วันที่คุณชายเย่ไปด้วย ตุ้มหูที่เธอชอบ หลังจากนั้นฉันไปถาม อยากจะแอบซื้อให้เธอ แต่เธอรู้ไหมว่าพนักงานพูดยังไง? เขาบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งซื้อไปแล้ว เธอทายสิว่าเป็นใคร?”