บทที่ 244 ผมจะไม่บังคับคุณ
เขา… …เขารู้ว่าตนเองท้องแล้ว?
แล้วเขาจะสงสัยว่าเด็กมีความเกี่ยวพันกับเขาหรือไม่? หรือเรื่องนี้จะทำให้เขานึกถึงคืนวันที่ฝนตกหรือไม่?
เห็นเธอสีหน้าซีดเซียวกะทันหัน เย่หลิ่นหานขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงต่ำลง: “คุณเองไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
เสิ่นเฉียวส่ายหัว แล้วถอยหลังออกไป
มือของเย่หลิ่นหานที่ยื่นไปค้างอยู่กลางอากาศ สักพักเขาก็กัดริมฝีปากและพูดว่า: “เป็นของโม่เซินใช่ไหม?”
ไม่รอให้เธอตอบคำถาม เย่หลิ่นหานก็พูดขึ้นมาอีก: “ไม่ถูก โม่เซินนั่งอยู่บนวีลแชร์ คงจะทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ งั้น……” แววตาของเขาแหลมคม มองไปที่หน้าของเธอ
“ไม่เป็นของใครเลย!” เสิ่นเฉียวแย่งตอบโต้ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
บนหน้าของเย่หลิ่นหานแสดงสีหน้าที่ไม่เข้าใจ “เฉียวเฉียว?”
เสิ่นเฉียวหดตัวไปอีกมุมหนึ่งและกอดหัวเข่าตนเองไว้ แววตามองดูเย่หลิ่นหานอย่างระมัดระวัง “นี่มันไม่เกี่ยวกับคุณ!”
แววตาของเธอระวังเหมือนกับกำลังป้องกันขโมยอย่างนั้น มันทำให้เย่หลิ่นหานสลดใจ เขาขมวดคิ้วมองเธอ: “คุณเกลียดผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น ในใจของเสิ่นเฉียวถึงกับสั่นสะเทือน ไม่รอเธอตอบโต้ เย่หลิ่นหานเดินหน้าเข้าไปจับแขนเธอไว้อย่างแรง: “ทำไม? ผมทำอะไรที่ทำร้ายคุณเหรอครับ? คุณถึงต้องเกลียดผมเช่นนี้? ตั้งแต่คุณเข้ามาตระกูลเย่ ผมดีกับคุณมาตลอด แม้กระทั่ง……”
เสิ่นเฉียวอยากจะดึงแขนตนเองกลับมา แต่อย่าเห็นว่าเย่หลิ่นหานปกติท่าทางอ่อนโยนเหมือนดั่งหยก แต่แรงของเขาก็ไม่น้อย จับแขนเธอไว้อย่างแน่นมาก ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนยังไงก็สะบัดไม่ออก จึงต้องพูดอย่างโมโห: “แม้กระทั่งอะไร? เย่หลิ่นหาน คุณปล่อยมือฉันนะ!”
“แม้กระทั่งหัวใจของผมก็ให้คุณไปแล้ว” แววตาของเย่หลิ่นหานมองเธออย่างเข้มขรึม สีหน้าของเขาเจ็บปวด “แต่คุณกลับสกัดกั้นผม เกลียดผม เฉียวเฉียว ตกลงผมทำอะไรผิดเหรอครับ?”
เสิ่นเฉียวรู้สึกละอายใจที่เห็นสายตาของเขาเจ็บปวดอย่างนั้น มันก็จริง ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเย่นานขนาดนี้ เขาช่วยเหลือตนเองมาตลอด รวมทั้งครั้งก่อนที่ตนถูกแม่แท้ๆด่าบนถนน แม้กระทั่งยังมีหลินเจียง เขายังช่วยตนเองจัดการหลายๆเรื่องไม่น้อยเลย
แต่ว่า……ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาสับสนวุ่นวายเกินไป เธอไม่อยากกลับไปยอมรับเรื่องนั้นที่มันผ่านไปแล้ว
นึกถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก้มหน้าก้มตา กัดริมฝีปากตนเองไว้อย่างแรง: “ปล่อยฉัน”
เย่หลิ่นหานจับมือเธอไว้แน่นๆ ไม่มีท่าทางจะปล่อยออกเลย
“เย่หลิ่นหาน!” เสิ่นเฉียวโมโหจนสีหน้าซีดขาวและตะคอกใส่เขา
ได้ยินชื่อของตนเองจากปากเธอ มือของเย่หลิ่นหานจึงปล่อยมือออกเล็กน้อย จากนั้นสักพักเขาก็ยิ้มอย่างเต็มอิ่มและปล่อยเธอ: “ถ้าคุณยอมเรียกชื่อผมบ่อยๆ งั้นผมจะไม่ทำกับคุณแบบนี้ ผมไม่อยากได้ยินคุณเรียกผมว่าพี่ชายใหญ่ วันหลังก็ห้ามเรียกเช่นกัน”
เสิ่นเฉียว: “……”
เงียบไปสักพัก เสิ่นเฉียวเตรียมจะลงจากเตียงในมุมนั้น
“ฉันออกมานานเกินไปแล้ว ฉันควรกลับไปแล้ว”
“ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว คุณยังจะกลับไปอีกเหรอ?”
เสิ่นเฉียวตกใจเงยหน้าขึ้น ผ่านไปหนึ่งคืน?
“ตอนที่ผมพาคุณกลับไปที่บ้านพักส่วนตัว คุณไข้ขึ้นตลอดเลย จากนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ผมจึงต้องส่งคุณมาที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าคุณตากลมเย็นมากไป แล้วคุณก็ไข้ขึ้นสูงไม่ลดลงเลย นอนสลบไม่ตื่นด้วย จึงต้องให้คุณนอนอยู่ที่นี่หนึ่งคืน”
นึกถึงตนเองไม่กลับไปนอนที่บ้านทั้งคืน สีหน้าของเสิ่นเฉียวซีดเซียวกะทันหัน ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะคิดยังไง นึกถึงเช่นนี้ เธอรีบร้อนอยากจะหยิบมือถือตนเองขึ้นมา แต่ว่าหาอยู่ตั้งนานกลับหาไม่เจอว่ามือถืออยู่ไหน
“คุณกำลังหาสิ่งนี้เหรอครับ?” เย่หลิ่นหานยื่นมือถือของเธอขึ้น เสิ่นเฉียวรีบยื่นมือไปรับ แล้วคิดจะโทรหาเย่โม่เซิน
“ถ้าคนคิดจะโทรหาเย่โม่เซินล่ะก็ งั้นผมจะบอกอะไรให้ เมื่อคืน ทั้งคืนไม่เห็นมือถือคุณดังเลยสักครั้งเดียว”
เสิ่นเฉียวหยุดชะงักอย่างงั้น เงยหน้ามองเย่หลิ่นหานแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ผิดหวังเหรอ? หรือว่าเจ็บใจเหรอ? คุณไม่กลับบ้านทั้งคืน เขาไม่โทรหาคุณเลยสักครั้ง”
เสิ่นเฉียว: “……”
เธอก้มหน้าเปิดมือถือดูแล้ว มือถือเงียบสนิทจริงๆด้วย ไม่มีสักสายที่โทรเข้าเลย
เย่หลิ่นหานเข้ามาใกล้ๆ เสียงก็ต่ำลงด้วย: “การแต่งงานของพวกคุณ ที่จริงแล้วก็แค่การแต่งงานที่แต่งเพื่อผลประโยชน์ แค่…… คุณหวั่นไหวกับการแต่งงานครั้งนี้แล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่!” เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น ปฏิเสธคำพูดของเย่หลิ่นหานอย่างรวดเร็ว
เธอไม่มีทางหวั่นไหวหรอก เย่โม่เซินไม่สนใจเธอเลย ถ้าเธอหวั่นไหวจริงๆล่ะก็ คนอื่นคงคิดว่ามันน่าตลกแน่?
“คุณปฏิเสธได้เร็วขนาดนี้ แล้วก็ปฏิเสธได้อย่างดุร้าย บอกว่าไม่ใช่ ใครจะเชื่อคุณ?” เย่หลิ่นหานยิ้มนิดๆ แต่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น “คุณหลงรักโม่เซินแล้ว”
คำพูดที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเฉียวไม่มีโอกาสไม่ยอมรับ
“แต่คุณเคยคิดไหม ระหว่างคุณสองคน……ไม่มีทางเป็นไปได้” ครั้งนี้เย่หลิ่นหานจับไหล่เธอไว้แน่นๆ มองหน้าเธอและพูดอย่างจริงจัง: “คุณกับเขาไม่มีทางเป็นไม่ได้หรอก!”
“ปล่อยฉัน!” เสิ่นเฉียวพูดเบาๆ
เย่หลิ่นหานไม่ปล่อย เสิ่นเฉียวจึงต้องตะคอกด้วยเสียงดังๆใส่เขา: “ฉันบอกให้คุณปล่อยฉัน!”
เย่หลิ่นหานค่อยๆปล่อยมือของเขา เสิ่นเฉียวหยิบมือถือแล้วรีบกระโดดลงจากเตียงทันที
แต่เพราะผลข้างเคียงของอาการไข้ขึ้นสูง ดังนั้นตอนที่กระโดดลงจากเตียง สมองรู้สึกมึนมาก ร่างกายจึงล้มตัวไปด้านหน้า
ปั้ง!
เสิ่นเฉียวล้มลงกับพื้นทันที สีหน้าของเย่หลิ่นหานตกใจ รีบพุ่งเข้าไปพยุงเธอ: “เฉียวเฉียว คุณเป็นไรไหม?”
“คุณปล่อยฉันสิ” เสิ่นเฉียวใช้มือดันเขาออกไปอย่างแรง “เรื่องของฉันคุณอย่ายุ่ง คุณเป็นแค่พี่ชายใหญ่ของฉัน ถึงแม้เย่โม่เซินไม่ชอบฉัน นั่นก็ไม่เกี่ยวกับคุณ!”
พูดจบ เสิ่นเฉียวใช้แรงผลักเย่หลิ่นหานออกอย่างสุดแรง
ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเย่หลิ่นหานถูกเธอผลักถอยหลังไปเรื่อยๆ จนหลังของเขาติดกับผนังที่เยือกเย็น สีหน้าของเขามองดูเสิ่นเฉียวอย่างเจ็บปวดใจ: “แต่ผมไม่อยากจะเป็นพี่ชายใหญ่ของคุณเลย”
เสิ่นเฉียวไม่อยากพูดมากกับเขาอีก และหันหลังเดินออกไปโดยตรง ถึงแม้เธอจะเดินไม่ค่อยนิ่ง แต่ก็ยังเดินออกไปด้านนอกทีละก้าว
เย่หลิ่นหานจ้องดูเธอจากไปตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวรีบวิ่งตามหลังไป ถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง
“ผมส่งคุณกลับบ้านนะ”
“ไม่ต้อง” เสิ่นเฉียวสะบัดมือของเขาออก: “ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ถ้าคุณไม่ชอบสิ่งที่ผมพูด วันหลังผมจะไม่พูดมันอีก” เย่หลิ่นหานพูดจบ ยื่นมือไปอุ้มเธอขึ้นมาทันที ไม่สนใจเธอจะดิ้นยังไง เอ่ยปากพูดอย่างนิ่งๆ: “ตอนนี้ร่างกายของคุณอ่อนแอมาก จริงๆต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่คุณไม่ยอมพัก ผมส่งคุณกลับไปตอนนี้ จะไม่บังคับอะไรคุณอีกแน่นอน!”
คำพูดประโยคหลังทำให้เสิ่นเฉียวเงียบไป เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าด้านข้างของเย่หลิ่นหาน แล้วก็เงียบไปกะทันหัน
“เงียบๆหน่อย” เขาถอนหายใจอย่างอึดอัดใจ จากนั้นอุ้มเสิ่นเฉียวออกจากโรงพยาบาล ถึงที่จอดรถแล้วก็เปิดประตูรถ อุ้มเธอเข้าไปนั่งลง คอยระมัดระวังตลอดเวลา หลังจากนั้นก็ก้มตัวลงไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอและเงยหน้ามองเธอ
“เฉียวเฉียว คุณจำไว้ ผมเย่หลิ่นหาน จะไม่มีทางบังคับคุณทำอะไรเด็ดขาด ไม่ว่าเมื่อไหร่เวลาใด ถ้าคุณต้องการ คุณอยากให้ผมทำอะไรก็ได้”