บทที่ 247 ขอให้สมหวัง
เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นมา มองหน้าผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างไม่พอใจ
“คุณพูดอีกครั้งสิ?”
เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น “พูดอีกครั้งแล้วจะยังไง? จะเปลี่ยนความคิดของคุณและกันได้เหรอ? เย่โม่เซิน ในเมื่อคุณไม่สนใจฉัน งั้นคุณก็อย่ายุ่งเรื่องของฉัน!”
“ไม่ยุ่งกับคุณ?” เย่โม่เซินหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ลูกตาสีดำๆเต็มไปด้วยแสงที่น่าอันตราย: “พูดแบบนี้ คุณอยากจะบินหนีไปกับเย่หลิ่นหานกันสองคนเหรอ? ผมขวางพวกคุณไว้เหรอ?”
“ใช่!” เสิ่นเฉียวไม่รู้เอาความกล้าหาญมาจากไหน ในเมื่อตอบอย่างเสียงดังไปแล้วหนึ่งคำ ก็ต้องโต้แย้งให้ถึงที่สุด: “ใช่แล้วจะยังไง?”
วินาทีนั้น ลูกตาของเย่โม่เซินกระพริบและลืมขึ้นมาโตๆ จากนั้นก็เริ่มสะดุ้ง หลังจากที่ได้ยินเธอพูดยอมรับกับปากตนเองแล้ว มีอะไรคลานขึ้นมาตรงหัวใจของเขา จากนั้นก็บีบหัวใจของเขาอย่างแรง ทำให้เขาเกือบจะหายใจไม่ออก
ไอ้ผู้หญิงสมควรตายนี่!
กล้ายอมรับต่อหน้าเขา เธอยากอยู่ด้วยกันกับพี่ชายใหญ่เหรอ?
เขายังไม่ทันปรับอารมณ์และความรู้สึก เสิ่นเฉียวก็หันหลังไป
“ใช่ฉันชอบพี่ชายใหญ่ พี่ชายใหญ่อ่อนโยนห่วยใยคนอื่นตลอดเวลา ทั้งยังมีมารยาทดีงาม ดีกว่าคนที่เย่อหยิ่งยโสโอหังอย่างคุณหลายร้อยเท่า ดีกว่าคนที่คิดแต่อยากจะบีบบังคับคนอื่นอย่างคุณเยอะเลย เย่โม่เซิน คุณคิดมาตลอดว่าฉันชอบคุณ ที่จริงแล้วคุณคิดผิดไปแล้ว ฉันไม่เคยชอบคุณ คนอย่างคุณ ถึงแม้ผู้ชายบนโลกใบนี้จะตายหมด ฉันก็จะไม่ชอบคุณแม้แต่นิดเดียว”
พูดจบ เสิ่นเฉียวไม่สนใจคนข้างหลังจะตอบยังไง ก้าวเดินออกไปจากที่นั่นเลย
เย่โม่เซินนั่งอยู่บนรถเข็น ในใจเหมือนถูกเข็มทิ่มลงกลางใจอย่างกะทันหัน ความรู้สึกที่แปลกเช่นนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากจนต้องขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือมากดที่หน้าตนเอง
ใช่……เขากำลังเจ็บปวดใจหรือ?
เพราะผู้หญิงคนนั้น? มันน่าหัวเราะเยาะที่สุด!
เย่โม่เซินมองดูเงาหลังของเธอ สักพักริมฝีปากก็แสยะยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็นและประชด
ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่มีอะไรที่เย่โม่เซินอย่างเขาต้องสนใจ บนหนทางชีวิตของเย่โม่เซินอย่างเขา ไม่ต้องการมีผู้หญิงอยู่แล้ว
*
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ ตอนที่เสิ่นเฉียวนอนกลับไปที่นอนบนพื้นของเธอ ก็ยังกลั้นน้ำตาไม่ที่ไหลออกมาจนเต็มตาไม่ได้
คำพูดที่เธอพูดเหล่านั้นมันเลือดเย็นมาก แต่เธอรู้ว่าคำพูดพวกนั้นที่จริงแล้วทำร้ายแค่ตนเอง บางทีเย่โม่เซินอาจจะไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่เธอได้ยินเขาไปอาบน้ำแล้ว เสิ่นเฉียวนึกขึ้นได้ หรือลุกขึ้นมา เช็ดๆน้ำตาบนหน้าตนเอง จากนั้นลุกไปตรงที่เขาแขวนเสื้อสูท
เสื้อสูทตัวนั้นเป็นเสื้อที่เขาใส่ตัวนั้น ถ้าเขามอบของออกไปแล้ว กล่องนั้นน่าจะไม่อยู่ในนั้นแล้ว
เสิ่นเฉียวท่าทางระมัดระวัง เหมือนขโมยอย่างนั้น ยื่นมือเข้าไปล้วงกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้าง แป๊บเดียวจับโดนกล่องเล็กๆที่แข็งๆ
นึกไม่ถึง…..ยังอยู่ที่เขาเหรอ?
เสิ่นเฉียวตะลึงไปสักพัก หยิบกล่องนั้นออกมา
ใช่กล่องที่เห็นวันนั้นจริงๆด้วย ทำไมยังอยู่ที่เขา?
หรือว่า เธอเข้าใจเขาผิดไปเหรอ?
ทันใดนั้น ลึกๆในใจของเสิ่นเฉียวรู้สึกผิดมาก ถ้าเธอเข้าใจเขาผิดจริงๆ คำพูดเหล่านั้นที่เธอพูดทำร้ายเขา……
นึกถึงตรงนี้ มือข้างหนึ่งของเสิ่นเฉียวเปิดกล่องออก จากนั้นเธอตะลึงอยู่กับที่
หลังจากนั้นสักพัก เธอปิดกล่องแล้วยิ้มอย่างขมขื่นและเอากล่องใส่กลับไปในกระเป๋าเสื้อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ร่างของเสิ่นเฉียวเดินไปข้างหน้าอย่างล้มลุกคลุกคลาน
ตอนที่นอนลง เธอหลับตาลง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างสิ้นหวัง
กล่องอันนั้น……ว่างเปล่า
ต่างหูสีชมพูคู่นั้นที่อยู่ข้างในไม่อยู่ในนั้นแล้ว
มันใส่อยู่บนหูของหานเส่โยว
ตอนที่หานเส่โยวพูดถึงต่างหูคู่นี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พูดไม่เต็มประโยค หลังจากนั้นก็ให้เธอต้องเชื่อใจเธอ
เชื่ออะไรเธอ? ตอนนี้เสิ่นเฉียวเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เสิ่นเฉียวหลับตาลง คำพูดและเรื่องราวที่หานเส่โยวและเย่โม่เซินเคยพูดกันมันโผล่ขึ้นมาในสมองเหมือนม้าเดินมองดูดอกหญ้าข้างทางอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนเสิ่นเฉียวหลับใหลเข้าไปในความฝัน
ถึงเวลาดึกๆ เสิ่นเฉียวตื่นมาหนึ่งครั้ง จับหมอนแล้วถึงรู้ว่าหมอนตนเองเปียกไปหมด
ไม่รู้ทำยังไงดี จึงต้องกลับหมอนอีกข้างขึ้นมานอน ในห้องนอนเงียบสนิท เธอหันข้างนอนดูแสงจันทร์นอกหน้าต่าง สักพักหนึ่งก็ค่อยๆหลับตาลง
ช่างมันเถอะ ปล่อยมันเป็นอย่างนี้เถอะ
หลีกทางให้คนอื่นสมหวัง ก็เป็นเรื่องที่ดี
ไม่ว่าจะยังไง ผู้หญิงที่แต่งงานรอบสองอย่างเธอ ยังท้องลูกของคนอื่นอยู่
ไม่สมควรได้รับความสุขหรอก
พรุ่งนี้ เธอก็ไปหาหานเส่โยวพูดคุยให้ชัดเจน
หลังจากที่คิดดีๆแล้ว เสิ่นเฉียวพบว่าหัวใจของตนเองสงบลง คืนนี้นอนให้อิ่ม รอจนพรุ่งนี้เช้าตื่นมา เธออาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างใจเย็นๆ จากนั้นนั่งข้างหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนานๆสักทีหนึ่ง มองกระจกแล้วก็ตั้งใจแต่งหน้าทาปาก
ตอนที่เย่โม่เซินเห็นภาพนี้แล้วทนไม่ไหวจนขมวดคิ้วขึ้น
วันนี้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนเพศแล้วเหรอ? แต่งงานมาตั้งนาน ครั้งแรกที่เห็นเธอนั่งแต่งหน้าหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ที่จริงแล้วเสิ่นเฉียวไม่ค่อยแต่งหน้าเลย แต่ไม่ได้แปลว่าเธอแต่งไม่เป็น เมื่อก่อนตอนที่ยังสาวๆ ทุกคนต่างก็อยู่ด้วยกัน ก็รักสวยรักงามเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากนั้นไม่ค่อยมีเวลา อีกทั้งยังไม่มีกะจิตกะใจที่อยากจะแต่งหน้าแล้ว
เธอตั้งใจเขียนขอบตาอย่างจริงจัง มือก็ไม่สั่น วาดขอบตาได้เส้นเล็กๆและสวยมาก แป๊บเดียวก็วาดเสร็จแล้ว ขอบตาเส้นเล็กๆดำๆทำให้ตาที่ดูจืดๆกลายเป็นตาที่มีดอกไม้ไฟอย่างนั้น จากนั้นเสิ่นเฉียวก็เริ่มหนีบขนตาและปัดขนตาด้วยมาสคาร่า
จากนั้นก็ตามด้วยลิปสติก ตอนที่เธอเพิ่งจะทาลิปสติกเสร็จแล้วนั้น ยังเม้มปากตรงหน้ากระจก ทั้งปากดูแดงชัดอย่างไม่มีที่เปรียบ
วางลิปสติกลงแล้ว เสิ่นเฉียวสังเกตเห็นตนเองยังไม่ได้ปัดแก้มเสริมคาง ตอนที่เริ่มจะปัดนั้น กลับรู้สึกว่าด้านหลังของตนเองมีเงาเกินมาอีกคน
เป็นเย่โม่เซิน
มองผ่านกระจก เสิ่นเฉียวมองเห็นเย่โม่เซินจ้องมองตนเองอย่างน่ากลัว
“คุณแต่งหน้าครั้งแรก” เสียงของเขาแหบแห้ง พูดอย่างสีหน้าไม่ดี
ในใจของเสิ่นเฉียวเข้าใจดีแล้ว ดังนั้นจึงยิ้มให้เขาที่อยู่ในกระจก: “ไม่ดีเหรอ? ฉันแต่งตัวให้สวย ก็ต้องทำให้คุณมีหน้ามีตามากขึ้น แต่ว่า……ในอนาคต คุณคงจะไม่ต้องการแล้ว”
ประโยคหลังเธอพูดด้วยเสียงเบาๆ เย่โม่เซินได้ยินไม่ชัด ได้ยินแค่นิดเดียว ขมวดคิ้วขึ้นและถามอย่างไม่พอใจว่า: “คุณพูดอะไรของคุณ?”
เสิ่นเฉียวตั้งสติดีๆ ยิ้มให้เขาในกระจก: “ฉันพูดอะไรไปเหรอ? ไม่ได้พูดมั้ง? ฉันแค่พูดว่า คุณต้องการมีหน้าตาไม่ใช่เหรอ? ฉันแต่งตัวให้สวยๆ มันก็ทำให้คุณมีหน้ามีตาขึ้นมาบ้างใช่ไหมล่ะ?”
พูดจบแล้ว เสิ่นเฉียวลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเลือกชุดกระโปรงสีฟ้าและเปลี่ยนใส่ ตอนที่เดินออกมาปล่อยผมลงมาด้วย ผมที่ดำเงาถึงเอวพาดอยู่บนไหล่อยู่อย่างงั้น เพิ่มความมีเสน่ห์ให้เธออีกหน่อย
มองเห็นเสิ่นเฉียวในภาพนี้ ในใจของเย่โม่เซินรู้สึกไม่ดีมากในชั่วขณะหนึ่ง
เขาเม้มริมฝีปากที่บางๆ ซักถามอย่างเย็นชา: “คุณจะออกไป?”
ได้ยินดังนั้น เสิ่นเฉียวพยักหน้า: “ใช่ ฉันกะว่า……วันนี้จะชวนหานเส่โยวออกมา เราสองคน……ไม่ได้ไปเดินช้อปปิ้งด้วยกันมานานแล้ว”
ได้ยินชื่อของหานเส่โยวแล้ว สีหน้าของเย่โม่เซินบนใบหน้าเปลี่ยนไปนิดๆ แววตาเหมือนไม่ค่อยปกติ
“คุณจะไปหาเธอ?”