บทที่ 255 กลับบ้านกับฉัน
“ไม่รับ”
เธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถจะคุยกับเย่โม่เซินได้
โทรศัพท์ดังสักพักก็หยุด แล้วก็ดังขึ้นอีก
เสี่ยวเหยียนกะพริบตา ตัดสินใจแทนเธอ : “ไม่ว่าจะยังไง เขาตั้งใจมาหาเธอน่าจะมีอะไรอยากจะพูดกับเธอ เธอก็น่าจะให้โอกาสเขาสักครั้งนะ? ไม่งั้นเขาจะเข้าใจผิดเอา เธอสนใจก็ไม่สนใจ งั้นคนอื่นไม่ใช่ขนาดโอกาสที่จะอธิบายก็ไม่มีหรอ?”
คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รับโทรศัพท์ ด้วยสายตาที่ตะลึงของเสิ่นเฉียวหยิบโทรศัพท์แล้วยืนขึ้น
“คุณชายเย่สวัสดีค่ะ ฉันคือเสี่ยวเหยียน”
เสิ่นเฉียวถลึงตาโตมองไปที่เธอ สักพักถึงจะตอบสนองกลับมา ยืนขึ้นแล้วแย่งโทรศัพท์กลับมา
เสี่ยวเหยียนรีบวิ่งออกจากห้องทันควัน เสิ่นเฉียวไม่ได้ยินเธอกับเย่โม่เซินคุยอะไรกัน ได้ยินแต่การต่อรอง รอเธอกลับมา เสี่ยวเหยียนก็เอาโทรศัพท์มาคืนเธอ
“รอดีๆ สักพักหนึ่งเถอะ รอสักพักคุณชายเย่จะมารับเธอแล้ว”
“เธอให้เขามาแล้วหรอ?” เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้ กลับไปหยิบกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็ปิดประตูจะไป
“นี่ เธอทำอะไรอ่ะ?” คุณชายเย่พูดเองว่าจะมารับเธอ ให้ฉันบอกที่อยู่จะเป็นไรไป?
“ฉันไม่อยากเจอเขา”
“ฉันบอกเขาว่าเธอบาดเจ็บ พอเขาได้ยินก็ทำตัวไม่ถูก เฉียวเฉียว หรือว่าเธอควรให้โอกาสเขาอธิบายสักครั้ง!” เสี่ยวเหยียนกดไหล่ของเธอ จ้องเธออย่างจริงจังแล้วพูด
เสิ่นเฉียวจ้องเธออย่างงงๆ สักพักประโยคนึงก็ไม่พูด
สุดท้ายเธอรออยู่ที่บ้านเสี่ยวเหยียนสิบนาที ก็มีคนกดกริ่งประตู ตอนเสี่ยวเหยียนไปเปิดประตู เสิ่นเฉียวที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกได้ยินเสียงเซียวซู่แล้ว : “ขอโทษนะครับ รบกวนเลย”
จากนั้นก็เป็นเสียงล้อกลิ้ง เสิ่นเฉียวไม่ได้เงยหน้าก็รู้สึกได้ว่าเย่โม่เซินมาแล้ว
เธอไม่อยากจะมองเย่โม่เซินสักตา นั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น
อาจจะเป็นเพราะเธอร้องไห้มา ตาแดงๆ เพราะฉะนั้นเลยไม่อยากเจอเขา
“ตรงไหนบาดเจ็บ?” เย่โม่เซินเข้ามาแล้วเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ขนาดเงยหน้ายังไม่เงยหน้าเลย คิ้วย่น ถามโดยไม่ได้ยับยั้งตัวเองประโยคหนึ่ง
เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดอะไร ก็ไม่ได้เงยหน้ามองเขา
เสี่ยวเหยียนกับเซียวซู่ยืนอยู่ที่ทางเข้า ให้พื้นที่กับพวกเขา แล้วเธอก็มองไปที่เซียวซู่ แล้วหยักไหล่
เซียวซู่ยิ่งชื่นชมเสี่ยวเหยียน ผู้หญิงคนนี้รู้ก้าวรู้ถอย เหมาะที่จะเป็นพี่น้องกับเสิ่นเฉียว!
“ฉันกำลังถามเธอ”
เมื่อเสียงชายเย็นชาดังมาจากบนหัวของในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ เสิ่นเฉียวช็อกที่เย่โม่เซินมาใกล้ตัวเธอ
อึ้งไปสักพัก ตอนที่เสิ่นเฉียวเงยหน้าบังเอิญไปชนเข้ากับดวงตาที่ลึกของเขา
ตอนนี้เสิ่นเฉียวพึ่งรู้ ถึงแม้ขาคู่นั้นของเย่โม่เซินไม่มีประโยชน์แล้วนั่งบนรถเข็น แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แล้วยังเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ ตอนนี้เขายังคงมองลงมาที่เธอ ดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำราวกับกลางคืน
แต่ว่า เมื่อสัมผัสดวงตาสีแดงของเธอ สักพักสายตาของเย่โม่เซินก็เปลี่ยนไป ยื่นมือมาจับคางของเธอ : “เธอร้องไห้?”
มือผู้ชายท่าทางไม่เบาไม่หนัก เสิ่นเฉียวถูกมือเขาจับจนเจ็บ ร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว เย่โม่เซินขมวดคิ้ว มือคลายออก แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวของเธอ เอาเธอมากอดไว้ในอ้อมอก
“เอ่อ คุณจะทำอะไร?” เสิ่นเฉียวอุทานออกมา รอเขาตอบสนองกลับมาทันใดนั้นทั้งตัวก็เข้าไปในอ้อมกอดของเย่โม่เซิน
พอนึกได้ว่าเสี่ยวเหยียนอยู่ข้างๆ ดูอยู่ เธอทั้งเขินทั้งโกรธผลักเขาออกอยากจะยืนขึ้น เย่โม่เซินกลับโอบเธออย่างแน่นๆ เข็นรถมือเดียว “กลับบ้านกับฉัน”
เสี่ยวเหยียนกับเซียวซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นท่าทาง รีบเดินหลีกทางให้สองคน
เสิ่นเฉียวขัดขืนตลอด แต่แรงก็สู้เย่โม่เซินไม่ได้ ได้แต่ถูกเขาบังคับให้ออกไปข้างนอก ถึงแม้เขานั่งอยู่บนรถเข็น แต่เขาไม่ได้สนใจถึงจุดนี้เลย บอกว่ากอดเธอก็กอดเธอ
เสี่ยวเหยียนบอกเซียวซู่ : “คุณรีบตามไปเถอะ”
“ขอบคุณครับ” เซียวซู่ขอบคุณเธอเสร็จ รีบตามสองคนไป
กลับไปบ้านตระกูลเย่แล้ว เสิ่นเฉียวพึ่งจะลงรถก็รีบกระโดดลงจากอ้อมกอดของเย่โม่เซิน บอกว่าตัวเองรีบเดินขึ้นไปชั้นบนกลับไปห้องของตัวเอง เย่โม่เซินคิดว่าวันนี้อารมณ์ของเธอแปลกมาก และดวงตาสีแดงในตอนนี้ทำให้หัวใจของเขาสัมผัสได้อย่างแท้จริง
นึกถึงต่างหูคู่ที่เลือกในวันนี้ เย่โม่เซินหยิบกล่องเล็กๆ ในกระเป๋าออกมา เปิดออกมาข้างในเป็นต่างหูที่วิบวับ
เซียวซู่คิดไปคิดมา รวบรวมความกล้า : “คุณชายเย่ คุณนายน้อยสองท่าทางอารมณ์ไม่ดีมากๆ เลย คุณชายเย่น่าจะ……..”
“หุบปาก” เย่โม่เซินดุมาประโยคนึง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ตัวฉันเองรู้ว่าฉันต้องทำอะไร”
“แต่คุณชายเย่…… ยิ่งไม่ทำอะไรผมกลัวว่าถึงตอนนั้นคุณนายน้อยสองจะหนีไปแล้ว คุณจะต้องเสียดาย”
เย่โม่เซิน: “……”
“กระดาษห่อไฟไม่ได้ เรื่องนั้นคุณนายน้อยสองไวช้ายังไงก็ต้องรู้ หานเส่โยวเป็นพี่น้องของเธอ คุณนายน้อยสองถึงแม้ปกติจะดูแล้วไม่มีปากมีเสียง แต่นิสัยของเธอคุณชายเย่น่าจะเข้าใจกว่าผม ฉันเดาว่าเธอคงไม่ทนกับเรื่องทั้งหมดนี้”
พึ่งจะพูดจบ เย่โม่เซินสายตาที่เหมือนมีดกวาดมาทางเขา เซียวซู่ตกใจจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ
รีบหันหน้าไปทางอื่น ราวกับว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
เย่โม่เซินตามขึ้นไป ตามเสิ่นเฉียวเข้าไปในห้อง
เมื่ออยู่ในห้อง ทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ห้องดูเหมือนจะเล็กลงเพราะมีการเข้ามาของเย่โม่เซิน ทุกที่มีลมหายใจของเขา เสิ่นเฉียวหันหลังให้เขา พยายามไม่สนใจเขา แต่เย่โม่เซินไม่ได้มีแพลนที่จะปล่อยเธอ เสียงดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ
“เธอบาดเจ็บตรงไหน? ฉันดูหน่อยสิ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วอ่อนโยนเป็นพิเศษ ราวกับทำเรื่องอะไรผิดแล้วมาปลอบเธออย่างระมัดระวัง
เสิ่นเฉียวคิดถึงเรื่องเขากับหานเส่โยว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจ กัดริมฝีปากอย่างแน่นไม่ได้ตอบคำถามของเขา
เย่โม่เซินไปหยิบยา แล้วหยิบชุดนอนมาให้เธอ : “ถอดเสื้อผ้าก่อน ฉันจะทายาให้ แล้วเธอค่อยเปลี่ยนใส่ตัวนี้”
เขาเอาชุดนอนส่งให้เธอ เสิ่นเฉียวก็ยังนั่งนิ่งๆ และก็ไม่ได้ยื่นมือไปรับ ก็ยังนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
ถ้าหากเป็นวันธรรมดา เย่โม่เซินถูกไม่สนใจแบบนี้น่ากลัวว่าจะโกรธแล้ว แต่พักหลังๆ มาเสิ่นเฉียวมีบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะตอนนี้เธอนั่งตาแดงๆ อยู่ตรงนั้น ก็เหมือนภรรยาที่ถูกรังแก ทำให้คนที่มองเห็นสงสาร
เย่โม่เซินเอาชุดนอนวางไว้ข้างๆ เธอ พูดเบาๆ : “ทายาก่อนนะ?”
เธอยังไม่สนใจเขา
เย่โม่เซินคิดถึงคำพูดของเซียวซู่ เงียบไปสักพัก หยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าส่งให้เธอ
“ฉันให้เธอ อย่าทำแบบนี้เลยนะ?”
เสิ่นเฉียวก้มหัวลงตลอด ถึงแม้จะมีกล่องสวยๆ เล็กๆ อยู่ต่อหน้า รูปร่างกล่องเล็กๆ ค่อนข้างคุ้น เหมือนกับที่เธอเคยเห็น แต่คงไม่ใช่แบบเดียวกัน
สุดท้ายเสิ่นเฉียวขยับเล็กน้อย ค่อยๆ รับกล่องมา