เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 261 ฉันเดินเป็นเพื่อนเธอ

บทที่ 261 ฉันเดินเป็นเพื่อนเธอ

หานชิงเป็นคนที่เดาใจยาก คนธรรมดาไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไร

ขนาดซูจิ่วตามเข้ามานานก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดของเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสิ่นเฉียวที่พึ่งรู้จัก

แค่ความคิดเห็นของสองคนไม่ตรงกัน

เสิ่นเฉียวคิดไม่ถึงระดับที่ลึกขนาดนั้น แค่ใช้ใจของตัวเองรู้สึก หานชิงพูดกับเธอ ดูเหมือนพี่ชายจริงๆ

เธอเองก็รู้สึกแปลกๆ หลังจากนั้น……ไม่เคยมีผู้ชายให้ความรู้สึกนี้กับเธอ

แต่ว่าหานชิงทำได้จริง จากนั้นการหลบหนีเป็นการปลอบประโลมตัวเองอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาคือพี่ชายหานเส่โยว

คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ เสิ่นเฉียวอุ่นใจ จากนั้นตอบคำถามหานชิงอย่างเบาๆ

“ในบ้านฉันมีพ่อแม่และน้องสาว ”

ที่จริงยังมีน้องสาว? หานชิงเม้มริมฝีปาก : “งั้นเธอก็โตมากับพวกเขา? ”

ฟังแล้ว เสิ่นเฉียวอึ้ง สักพักพยักหน้า : “แน่นอน”

หานชิงหลงอยู่ในความคิด ตอนนั้นซูจิ่วข้อมูลที่พบยังเป็นเช่นนี้ เธออยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เล็กๆ รวมถึงตอนที่เธอถูกจับโดยผู้ค้ามนุษย์ ก็ไม่มีการเปลี่ยนตัว

แต่ … เกิดปัญหาขึ้นที่ไหน?

ถ้าหากเธอเป็นลูกสาวตระกูลเสิ่น งั้นเสิ่นเฉียวทำไมถึงมีนิสัยใจคอของเธอ? ตอนที่เงียบๆ ทำไมสองคนถึงเหมือนกันขนาดนั้น

ถ้างั้นจะบอกว่ามีสองคนในโลกนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ดูเหมือนทุกอย่าง?

หานชิงเงียบไป ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดเรื่องสำคัญอยู่

ในรถก็เริ่มเงียบไปอีก เสิ่นเฉียวที่ใส่สูทนั่นไม่ได้พูดอะไร

ทั้งทางยิ่งผ่านยิ่งไม่รู้ว่าแสงนีออนมีกี่ดวง มีตึกสูงกี่ตึก รอเสิ่นเฉียวตอบสนองกลับมา รถก็จอดอยู่ที่ห่างจากบ้านตระกูลเย่ไม่ไกล

“คุณหนูเสิ่น เพื่อหลีกเลี่ยงคำพูดของผู้คน ได้แค่ส่งคุณตรงนี้นะ ” ซูจิ่วหันหัวจากข้างหน้ามา พูดพลางหัวเราะ

เสิ่นเฉียวมองหน้าต่าง เป็นทางเข้าที่คุ้นเคย เธอมองซูจิ่วอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะผลักประตูลงรถเอาสูทที่อยู่บนร่างกายถอดออกแล้วคืนให้หานชิง : “นายหาน วันนี้ขอบคุณคุณมาก ฉันไปก่อนนะ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ ”

ได้ยินเธออยากจะเลี้ยงข้าวตัวเอง หานชิงขยับสีหน้า พยักหน้า : “อีกสองวันฉันมีเวลา”

เสิ่นเฉียวท่าทางนิ่งไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ยิ้ม : “โอเค งั้นอีกสองสามวันฉันค่อยติดต่อนายหาน”

เสิ่นเฉียวเดินจากไปแล้ว ซูจิ่วทนไม่ไหวเลยถามออกมา : “นายหาน คุณคำแบบนี้มันจะตรงเกินไปไหม? ”

ได้ยินแล้ว หานชิงขมวดคิ้วมองไปที่ซูจิ่ว : “ตรงไปที่ไหน? ”

ซูจิ่วขยับมุมปากอย่างเก้อเขิน ส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร นายหานมีความคิดของตัวเอง แต่ว่า นายหาน ฉันมีเรื่องไม่เข้าใจเรื่องนึง”

พูดจบแล้ว ซูจิ่วให้คนขับรถหันกลับมา

สายตาของหานชิงยังตกอยู่ที่เงาร่างบางๆ ที่อยู่ไกลๆ นั่น สายตานิ่งสงบ “ท่าทางที่ฉันทำกับเธอ ทำให้นายสงสัย? ”

ซูจิ่วพยักหน้า

“ใช่ ผมอยู่กับนายหานมาตั้งหลายปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นนายหาน ……ทำแบบนี้……กับผู้หญิงคน แต่ว่าในสายตาของนายหาน……เพราะฉะนั้นผมค่อนข้างสับสน”

“ไม่จำเป็นต้องสับสน ”หานชิงสายตานิ่งเฉย : “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”

เพราะฉะนั้นเขาเลยพูดแบบนี้ ถ้าซูจิ่วยังคงถามต่อไปงั้นก็ไม่ให้เกียรติกันแล้ว คิดถึงตรงนี้ ซูจิ่วหัวเราะอย่างเย็นชา พยักหน้า : “ใช่ นายหานพูดว่าไม่เกี่ยว งั้นก็ไม่เกี่ยว ”

ดวงตาสีดำของหานชิงกดต่ำลง หลังจากนั้นไม่นานเหมือนเขาจะคิดอะไรได้ พูดความต้องการออกมา : “นายไปสืบข้อมูลของคนในตระกูลเสิ่นมาให้หมด ความเป็นไปเป็นมาเป็นยังไง”

ได้ยินแล้ว ซูจิ่วแปลกใจ “นายหานอยากสืบข้อมูลของคนทั้งหมดในตระกูลเสิ่น? ”

“เรื่องนี้ นายไปสืบมาก่อน สืบได้เบาะแสอะไรก็ต้องมาบอกฉัน นิดนึงก็อย่าให้พลาด ”

“……ครับ ผมรู้แล้ว! ” ซูจิ่วถึงแม้จะตกใจ แต่ว่าคำสั่งของหานชิงเขาก็ไม่ได้ละเลย อีกอย่างก็ไม่สามารถที่จะมีคำถามได้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับ

ในขณะที่คนขับหันกลับมา ซูจิ่วมองไปที่นอกหน้าต่างสายตาไปเห็นเงาร่างเพรียวเดินคนเดียวบนถนน ผมยาวพลิ้วไหวไปกับสายลมเย็น ร่างบางๆ นั่นสั่นไหว ราวกับว่าสามารถถูกลมพัดปลิวไปได้เลย

*

เสิ่นเฉียวกำลังเดินกลับบ้านตระกูลเย่คนเดียว

แทบจะไม่มีคนอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเย่ เพราะว่าที่บริเวณรอบๆ เป็นของตระกูลเย่ ทั้งหมดถูกสร้างให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีไฟไปตลอดทาง เธอก้าวแต่ละก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

ทางยาวข้างหน้า เสิ่นเฉียวหยุดก้าวในทันที เมื่อมองไปด้านหน้าก็เริ่มสับสนขึ้นมา

ทางเส้นนี้ น่าจะไม่ใช่ทางกลับบ้านนะ?

แต่ว่าทางกลับบ้านของเธออยู่ไหน เธอเองก็ไม่รู้

ข้างหลังมีรถกลับมา เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้หันกลับไป สุดท้ายรถคันนั้นหยุดอยู่ที่ข้างตัวเธอ จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น : “ยื่นอยู่ตรงนี้ทำอะไร? ”

ได้ยินเสียงนี้ ไหล่ของเสิ่นเฉียวก็สะดุ้ง จากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้หันกลับมา

นี่เป็นเสียงของเย่โม่เซิน เธอฟังไม่ผิด

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

“ยื่นอยู่ตรงนั้น! ”เย่โม่เซินดุมาประโยคหนึ่ง เสิ่นเฉียวกลับไม่ฟังเขา ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ

“ต้องให้ฉันลงรถไปเดินเป็นเพื่อนเธอหรอ? ”

ตอนนี้ก้าวของเสิ่นเฉียวก็หยุดนิ่ง จากนั้นเธอหันหัวกลับไปดูเย่โม่เซิน

เขากำลังจ้องเธออย่างเย็นชา

“ขึ้นรถ ”

เสิ่นเฉียวหยุดอยู่ที่เดิม ในที่สุดก็ไม่ได้ขึ้นรถ

ดวงตาของเย่โม่เซินเฉียบคมราวกับสัตว์ร้ายในความมืด นั่งอยู่บนรถจ้องเธอราวกับมองลงไป

สองคนหยุดชะงักอย่างนี้สักพัก ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆ เย่โม่เซินก็ออกเสียงมา : “เปิดประตู”

เซียวซู่ที่อยู่ข้างหน้าฟังคำสั่งของเขาแล้วมาเปิดประตูแทนเขา จากนั้นถามว่า : “คุณชายเย่จะลงรถ? แต่ว่า…..”

“อีกไม่ไกลมาก นายกลับไปก่อน”

เย่โม่เซินผลักรถเข็นลงจากรถด้วยตัวเอง จากนั้นสั่งออกมา

เซียวซู่ถึงพยักหน้า

รถขับไปแล้ว ภายใต้โคมไฟถนนที่เงียบเหงาและหนาวเหน็บยังมีอีกหนึ่งคนเพิ่มขึ้นมา

เย่โม่เซินนั่งอยู่บนรถเข็น ที่อยู่ใกล้เธอพอดี

“ถ้าอยากเดิน ฉันก็เดินเป็นเพื่อนเธอได้ ” เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา น้ำเสียงค่อนข้างแปลก เย่โม่เซินตอนแรกเมื่อกี้อยากจะบังคับให้เธอขึ้นรถ แต่กลับคิดถึงคำพูดของเซียวซู่ที่พูดกับเขาเมื่อตอนบ่าย

หรือว่า นี่เป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงของเขาครั้งหนึ่ง

เพราะผู้หญิงคนนี้ เขามีข้อยกเว้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจริงๆ

เสิ่นเฉียวมองที่เย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็น สายตาของเขาถึงแม้ว่าจะเย็นชา แต่ว่าคำพูดที่พูดออกมาทำให้เธออึ้ง จากนั้นตอบไปประโยคนึง : “ใครอยากให้คุณมาเดินเป็นเพื่อนฉัน? ฉันเดินคนเดียวได้ ”

พูดจบ เสิ่นเฉียวหันกลับไปเดินต่อ

เย่โม่เซินไม่มีความสุข พูดด้วยเสียงเย็นชา : “มาเข็นฉัน”

“เรื่องอะไร? ”

เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชา : “ก็เพราะฉันลงรถมาเพื่อเธอแล้ว! ผู้หญิงโง่! ”

ผู้หญิงโง่?

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่โม่เซินด่าเธอแบบนี้ ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวโกรธจนหน้าแดง ก่อนหน้านี้ปากเสียกับเธอไว้ยังไม่พอ ตอนนี้ขนาดผู้หญิงโง่ก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว?

เสิ่นเฉียวโกรธจนกัดเขี้ยวกัดฟัน : “นายมีมือ ก็เข็นเอง! ”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset