บทที่ 263 เชื่อแค่ฉัน
อยากได้อะไร?
เสิ่นเฉียวก็กำลังคิด ตัวเองที่แท้จริงแล้วอยากได้อะไร?
เป็นการแต่งงานที่มีความสุขมั่นคง หรือว่าเป็นผู้ชายที่รักเธอด้วยใจจริง?
หรือว่า ผู้ชายที่ชอบเธอด้วยใจจริง
น่าเสียดายที่ไม่ว่าแบบไหน เธอก็ไม่เคยได้มาก่อน
อีกอย่างเธอผ่านเรื่องมาก็เยอะ ต่อไปน่าจะไม่มีโอกาสได้อีกแล้ว
“ของที่ฉันอยากได้นายให้ฉันไม่ได้หรอก ”
“……เธอไม่พูดอะไรสักประโยคก็ตัดสินว่าฉันให้ไม่ได้? ” เย่โม่เซินสีหน้าเปลี่ยนไปมาก กระชากข้อมือของเธอ โกรธจนกัดฟัน : “เสิ่นเฉียว ใครเป็นคนให้ความกล้ากับเธอ ให้เธอชอบคิดเองเออเองคนเดียว? ”
แรงของเขาเยอะมาก เสิ่นเฉียวเจ็บจนขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ผลักมือของเขา มองหน้ากันอย่างดื้อดึง : “ฉันไม่ได้พูดอะไร ของที่ฉันอยากได้คุณให้ไม่ได้หรอก เย่โม่เซิน คุณคิดว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่คุณทำไม่ได้งั้นหรอ แต่ก็ยังมีเรื่องที่คุณทำไม่ได้อยู่ คุณไม่ให้ฉันหย่ากับคุณ แต่ฉันจะบอกคุณ การหย่าครั้งนี้ถึงต้องใช้ชีวิตมาแลก ฉันก็จะหย่า ”
ประโยคข้างหลังดัง บวกกับสายตาของเธอที่แน่วแน่ แสดงออกการตัดสินใจต่อเย่โม่เซินอย่างชัดเจนมาก
เธอต้องการหย่าจริงๆ
เย่โม่เซินทันใดนั้นรู้สึกอ่อนแอเล็กน้อย ไฟที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาถามด้วยเสียงที่เย็นชา : “อยากหย่าขนาดนี้เลยหรอ? อยากจะทิ้งฉัน แล้วหนีไปกับเย่หลิ่นหานใช่ไหม? ”
ฟังแล้ว เสิ่นเฉียวสีหน้าเปลี่ยน : “คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ”
“ฉันกำลังพูดเรื่องไร้สาระ หรือเธอรอไม่ไหวแล้ว? ” เขาหัวเราะอย่างเย็นชา มือใหญ่ๆ ของเขาโน้มเอวของเธอมาที่ตัวเอง จากนั้นก้มลง สองคนหน้าผากชนกัน ปลายจมูกชนกัน
เพราะเข้าใกล้กันมาก สองคนหายใจแทบจะผสมเข้าด้วยกัน เสิ่นเฉียวก็ชนเข้าไปในดวงตาสีดำนั่น
“เขาดีกว่าฉันตรงไหน? ” เย่โม่เซินเสียงเกรี้ยวกราด น้ำเสียงกลับเย็นชา
ลมหายใจก็อุ่นขึ้นมา ตามมาด้วยลมหายใจของเย่โม่เซิน ล้อมรอบเธออยู่ เสิ่นเฉียวทนความรู้สึกแบบนี้ไม่ไหว พยายามผลักเขาออกไป เย่โม่เซินก็พิงเข้ามา ริมฝีปากเกือบประกบเธอ
“ถ้าพูดไม่ชัดเจนก็อย่าคิดจะหนี”
เกือบจะเข้าใกล้แล้ว เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าเสียงเขาแหบเป็นพิเศษ เซ็กซี่แทบตาย
อีกอย่างเธอยังมีภาพลวงตา ก็คือเวลาเย่โม่เซินพูดเหมือนจะหอบ ลมหายใจก็หนักขึ้นตาม
เสิ่นเฉียวจะกล้าพูดที่ไหน ได้แค่เอนหลัง เธอกลัวว่าริมฝีปากตัวเองขยับก็จะไปประกบกับริมฝีปากของเย่โม่เซิน
แต่เธอถอยไปนิ้วหนึ่ง เย่โม่เซินก็เลื่อนตามมานิ้วหนึ่ง เธอรีบถอยหลัง เย่โม่เซินประกบไปโดยตรงเลย ริมฝีปากที่เย็นและนุ่มนวลประกบกับมุมริมฝีปากของเธอ
ที่แท้เป็นสัมผัสที่เย็นชา ไม่รู้ว่าทำไมประกบไปที่เธอแล้ว ปากที่เย็นชานั้นก็ร้อนขึ้นมาเหมือนไฟ
จากนั้นไม่ได้รอเสิ่นเฉียวตอบสนองกลับมา เย่โม่เซินอ้าปากและปิดริมฝีปากล่างของเธอ
“อื้อ” เสิ่นเฉียวถลึงตาโต ถึงแม้จะคาดหวังมานานแล้วว่าเย่โม่เซินน่าจะจูบอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจูบนี้ถึงแม้จะไว ไวจนเธอไม่ทันระวัง ฟันถูกเขาดันออก จากนั้นเขาเอาลิ้นเข้าไปในปากเธอ
“ปล่อย……อื้อ……” เสิ่นเฉียวยังอยากพูดอะไร แต่ถูกเขาม้วนลิ้นไว้
ตอนที่เย่โม่เซินจูบเธอ เหมือนกับว่ากินของที่อร่อย แทะแล้วแทะอีก ดูดแล้วดูดอีก สุดท้ายเสิ่นเฉียวรู้สึกริมฝีปากตัวเองถูกดูดจนเจ็บแล้ว แรงทั้งตัวก็ถูกเย่โม่ดูดไปทั้งหมดแล้ว
จูบเสร็จ ริมฝีปากทั้งคู่ของเย่โม่เซินถูไปที่มุมปากของเธอไปถึงหน้าของเธอ กัดที่หูของเธอเบาๆ “ผู้หญิงโง่ อยู่ข้างๆ ฉัน ที่ไหนก็ไม่ต้องไป ”
เสิ่นเฉียวม่านตาขยาย ตาถลึงโต
“คำพูดของใครก็ไม่ต้องไปเชื่อ เธอแค่เชื่อฉันคนเดียวก็พอ ”
เชื่อเขาคนเดียวก็พอ?
ได้……ไหม?
เสิ่นเฉียวหนังตาหนักมากๆ เหมือนกับว่าอยากจะนอน
“ได้ยินแล้วหรือยัง? อืม? ” เย่โม่เซินไม่ได้รับการตอบสนองจากเธอ ถามอย่างรำคาญประโยคนึง
เสิ่นเฉียวเรียกสติกลับมา รู้สึกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เธอรีบพูด : “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณพูดอะไรฉันก็ต้องเชื่อ? งั้นคุณเคยเชื่อฉันมาก่อนไหม? ”
เย่โม่เซินจ้องเธออย่างตั้งใจ : “เริ่มเชื่อตั้งแต่ตอนนี้”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ต้องแล้วล่ะ? ”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไรแล้ว มองไปที่เธอด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ดี” เสิ่นเฉียวหายใจเข้าลึกๆ กัดริมฝีปากล่าง : “คุณไม่อยากจะหย่ากับฉันจริงๆ ใช่ไหม? งั้นคุณบอกฉันตอนนี้ คุณกับหานเส่โยวจริงๆ แล้วมันเรื่องอะไรกัน? คุณกล้าพูด”
เย่โม่เซิน:“……”
คิดไม่ถึงว่าอ้อมไปอ้อมมา สุดท้ายเธอให้ความสำคัญก็คือเรื่องนี้
“ถ้าหากฉันบอกว่า ตอนนี้ยังบอกเธอไม่ได้ แต่ฉันกับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เธอเชื่อไหม? ”
“ไม่เชื่อ ” เสิ่นเฉียวพูดตรงๆ
“……งั้นต้องการยังไง เธอถึงจะเชื่อ? ” เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เย่โม่เซินถูกผู้หญิงทำให้นิ่ง คิดๆ แล้วเขาไม่เคยสะดุดกับผู้หญิงมาก่อน
ตอนที่แต่งงานกับเสิ่นเฉียว ก็เพราะตอบสนองความต้องการของนายท่าน
เพราะเขาคิดว่าตัวเองสามารถเพิกเฉยภรรยาคนนี้ได้ แต่ว่าใครจะรู้เธอทำให้เขาสนใจมาก สนใจถึงให้เขาคิดตลอดทั้งวันว่าจะทำอย่างไรให้เธอพอใจ แม้กระทั่งให้เซียวซู่สอนมากมาย
แต่ว่าวันนึง เย่โม่เซินรู้ว่า ที่เซียวซู่แนะนำให้เขาไม่มีประโยชน์สักนิด
“ของก็ให้แล้ว พูดเยอะไปอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้วแหละ ” เสิ่นเฉียวหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง คิดไปคิดมาตัวเองไปถามทั้งสองคนว่าที่แท้มันเรื่องอะไรกันช่างน่าขำเสียจริง
เธอก้มหัวกัดไปที่ไหล่ของเย่โม่เซินอย่างแรง เพราะไม่ทันระวัง ดังนั้นเย่โม่เซินเลยไม่คาดคิด สักครู่ก็ผ่อนคลายความระมัดระวังทันที
เสิ่นเฉียวถือโอกาสถอยไป จากนั้นยืนอยู่ที่ที่ห่างจากเขาค่อนข้างไกล ถึงพูดกับเขาว่า : “ต่อไปขอให้คุณอย่าซื้อของที่ไม่มีความหมายอะไรพวกนี้อีก แล้วก็ไม่ต้องทำเรื่องที่ไม่มีความหมายอีก ” พูดจบ เสิ่นเฉียวมองไปที่ของที่แม่บ้านเอามาให้ในวันนี้ทั้งหมด
“ถ้าหากเธอไม่ชอบทั้งหมด งั้นก็ทิ้งทั้งหมดไปเลย” เย่โม่เซินทิ้งไว้ประโยคนึงอย่างเย็นชา
เห็นได้ชัดว่าเขาก็โกรธแล้วเหมือนกัน หมุนวงล้อออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เสิ่นเฉียวถูกทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียว เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
มองไปที่ห้องที่ว่างเปล่า มีแค่เตียงหลังเดียว
ดูแล้ว คืนนี้เธอคงไม่สามารถนอนที่นี่ได้แล้ว ที่นอนกับพื้นก็ไม่มีแล้ว อีกอย่างเขากับเย่โม่เซินทะเลาะกันหนักขนาดนี้ เธอจะนอนเตียงเดียวกับเขาได้ยังไง
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวหลับตา
แต่ว่า ไม่นอนที่นี่ เธอจะไปที่ไหนได้?
คิดไปคิดมา เสิ่นเฉียวมือทนไม่ไหวกำหมัด จากนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นส่งข้อความหาเสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียนพอได้ยินเธอพูดว่าจะไปพักที่เธอ ก็ปฏิเสธเธอ
“ไม่ได้” ไม่ง่ายเลยที่ฉันจะส่งเธอไปที่ข้างกายเย่โม่เซิน เธอยังกลับมา?