บทที่ 264 ฉันไม่อยากเจอคุณ
เธอไม่ได้อยากจะอยู่ข้างกายเย่โม่เซินตั้งแต่แรก
“ฉันขอหย่ากับเขาแล้ว ” เสิ่นเฉียวพูด
เสียงพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ได้ยินเสียงอึ้งของเสี่ยวเหยียน ตั้งนานเสี่ยวเหยียนก็เรียนสติกลับมาไม่ได้ สักครู่ต่อมาถึงพูด : “เธอเธอเธอเธอขอเขาหย่าจริงๆ หรอ? งั้นเขาตกลงไหม? ”
“ไม่”
เสี่ยวเหยียนโล่งใจ “เธอทำให้ฉันตกใจ พูดเรื่องหย่าอะไรไปเรื่อย โชคดีที่คุณชายเย่ไม่ได้ตอบตกลง”
“ไม่ได้พูดไปเรื่อย ” เสิ่นเฉียวพูดอย่างจริงจัง: “ฉันจริงจัง”
เสี่ยวเหยียน: “…..เธอจริงจังบ้าอะไร เธอขอหย่าอะไรกัน? เธอหย่าแล้วก็ไม่ใช่ให้โอกาสหานเส่โยวนั่นหรอ? ผู้หญิงแบบนี้ต้องไม่ให้เธอมีโอกาสถึงจะถูกนะ! ถ้าเธอไปจริงๆ แล้ว งั้นก็ไม่ใช้ให้อีกฝั่งสมหวังหรือยังไง? ”
ฟังถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวเงียบ
หรือว่า ความจริงมีบางคนไม่สามารถเห็นคนอื่นสมหวังได้
แต่ว่าในใจเธอเสิ่นเฉียว กลับไม่ได้คิดแบบนี้ เธอคิดว่า ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง แค่เย่โม่เซินไม่ให้โอกาสหานเส่โยว สองคนนั้นก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ยังไงพวกเขาก็อยู่ด้วยกันแล้ว งั้นเธอก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่สวยงามสักครั้ง แล้วจะเกี่ยวอะไรกัน?
ท้ายที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่มีพลังที่จะต่อสู้เพื่ออะไรเลยจริงๆ เธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสู้ชนะ อีกอย่างชนะใจผู้ชายคนนั้น เขาก็เป็นของตัวเองงั้นหรอ?
เธอรู้สึกว่านี่คือข้อเสีย ไม่คุ้มค่า มันทำให้เธอเองรู้สึกเหนื่อย
“เธอทำไมไม่พูด? เฉียวเฉียว นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ”
“ฉันตามใจไปเฉยๆ ” เสิ่นเฉียวเรียกสติกลับมา ตอบด้วยเสียงนิ่งๆ “เรื่องนี้เธออย่าสนใจเลย เสี่ยวเหยียน นี่เป็นการตัดสินใจของฉัน ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้ ”
เสี่ยวเหยียนสักพักพูดไม่ออก แต่สุดท้ายก็พูดแล้วแต่เธอแล้วก็วางสาย
เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงตู้ดตู้ดในโทรศัพท์ดังออกมา เก็บโทรศัพท์อย่างทำอะไรไม่ถูก
ดูแล้วคืนนี้เธอคงไม่มีที่ไปจริงๆ แล้ว
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสี่ยวเหยียนโทรกลับมา “เธอไม่ใช่อยากจะมานอนที่บ้านฉันหรอกหรอ? มาสิ ฉันจะพาเธอไปคืนนี้”
เสิ่นเฉียวยังคงเศร้าหลังจากได้ยินประโยคนี้ อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนจากเมฆครึ้มเป็นแดดจัด เธอมีความสุขจริงๆ แล้วพูดว่า : “ขอบคุณเธอนะเสี่ยวเหยียน”
“รีบมาเองเถอะ รออีกแป๊บดึกเกินไปจะอันตราย”
“โอเค”
เสิ่นเฉียวเก็บโทรศัพท์แล้ว รีบไปหยิบกระเป๋า จากนั้นรีบออกจากบ้าน
เย่โม่เซินไม่อยู่พอดี เธอออกจากบ้านได้อย่างสะดวก ไม่มีใครห้ามเธอ
ถ้าจะพูดว่าหลังจากแต่งงานเข้าตระกูลเย่ข้อดีที่ดีที่สุดคือเธอไปไหนก็ไม่มีใครจำกัดเธอ เธอเป็นอิสระมาก
เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ถือว่าเธอออกจากบ้านกลางดึก ก็ไม่มีคนห้ามเธอ
เสิ่นเฉียวไปเรียกรถคันนึงเพื่อตรงไปที่บ้านเสี่ยวเหยียน รถขับมาถึงครึ่งทางเสี่ยวเหยียนก็โทรศัพท์หาเธอถามเธอว่าถึงแล้วหรือยัง เสิ่นเฉียวถามคนขับรถ คนขับรถบอกว่าน่าจะอีกห้าหกนาที
เสี่ยวเหยียนฟังแล้ว แปลกใจพูดออกมา : “ทำไมยังอีกนานล่ะ? เธอเป็นเต่าหรอ? ”
“เอาน่า รอฉันอีกหน่อยสิ แค่ไม่กี่นาที”
ตอนที่เสิ่นเฉียวถึงที่หมาย เห็นเสี่ยวเหยียนที่ยืนถือถุงอยู่ที่ล่างตึกที่อยู่ไกลๆ เห็นรถมา เธอมองมาทางนี้ เห็นเสิ่นเฉียวที่เบาะนั่งข้างหลังแล้ว สายตาของเธอถึงมีรอยยิ้มจางๆ
เสิ่นเฉียวจ่ายค่ารถแล้วลงรถ ก็ได้ยินเสี่ยวเหยียนบ่นกับเธอ : “เธอเป็นเต่าจริงๆ อ่ะ รู้ไหมว่าฉันถือถุงรอเธอนานแค่ไหนแล้ว? ”
เสิ่นเฉียวเดินไปกอดเธอแน่นๆ “ขอโทษละกันนะ คนขับบอกว่านี่ก็ไวที่สุดแล้ว เธอก็รออยู่บนตึกได้นี่นา ฉันถึงแล้วก็จะโทรหาเธอเอง ”
“ตายละ เธอคิดว่าฉันอยากรอเธอหรอ? แต่เป็นเพราะฉันมาซื้อของที่ล่างตึก ฉันขี้เกียจไปกลับหลายรอบเฉยๆ เลยรอเธออยู่ที่นี่”
“ซื้ออะไร? ”
“ฮัลโหล จุดสนใจเธอช่างแปลกประหลาด! ”
เสิ่นเฉียวอึ้ง สักพักก็หัวเราะออกมา เธอกับเสี่ยวเหยียนเข้าไปในลิฟต์ด้วยกันจากนั้นเข้าไปในห้อง
เสี่ยวเหยียนเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี แม้ว่าจะไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ แต่ชีวิตของเธอก็เพอร์เฟคมาก เธอเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่ก็ซื้อห้องหนึ่งห้องให้เธอตั้งนานแล้ว ให้เรียนรู้การใช้ชีวิตคนเดียว
ดั้งนั้นเสิ่นเฉียวมาหาเธอ คิดถูกแล้วจริงๆ เสี่ยวเหยียนปกติเกลียดการอยู่คนเดียวเพราะว่าโดดเดี่ยวเกินไปเเล้ว แต่ก็ไม่ได้หาแฟนที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด
หลังจากเข้ามาในห้อง เสี่ยวเหยียนเอาของวางไว้บนโต๊ะ : “ดูท่าทางของเธอน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำล่ะซิ น้ำก็ยังไม่ได้อาบก็มาเลยใช่ไหม? ”
ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวพยักหน้าอย่างสงสัย : “ฉันรีบออกมานิ จะไปอาบน้ำได้ยังไงล่ะ? อาบน้ำเปลืองเวลาจะตาย”
“ตายละ! ”เสี่ยวเหยียนฮึดฮัดอย่างไม่มีความสุข จากนั้นเข้าไปในห้องครัว พลางพูด : “งั้นพวกเรากินอะไรก่อน กินเสร็จแล้วเธอค่อยไปอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าฉัน แต่บอกไว้ก่อน เสื้อผ้าของฉันก็ต่างเป็นเสื้อที่มาจากแผงลอย เทียบไม่ได้กับเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่คุณชายเย่ซื้อให้เธอ ถ้าเธอกล้ารังเกียจคุณภาพของเสื้อผ้าฉันไม่ดี ฉันจะโยนเธอลงไปจากตึกเลย! ”
เสิ่นเฉียว: “…….พูดเพ้อเจ้ออะไร? ใส่สบายก็ดีแล้ว ที่เธอใส่นี่ยังดีกว่าที่ฉันเคยใส่มากแล้ว ”
แค่เย่โม่เซินกลัวจะขายหน้าตระกูลเย่ ดังนั้นเลยซื้อเสื้อผ้าราคาแพงให้เธอ
ตอนแรกเสิ่นเฉียวไม่เคยชิน ต่อมาใส่ไปๆ ก็เคยชินแล้ว สุดท้ายแล้วก็แค่แต่งตัวน่าอับอาย ตัวเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น
นิสัยของเสี่ยวเหยียนกับเสิ่นเฉียวรู้กันและกัน คนหนึ่งใจร้อน คนหนึ่งก็สงบนิ่ง ดังนั้นอยู่ด้วยกันก็เข้ากันเสริมกันได้ดี สองคนพออยู่ด้วยกัน บรรยากาศจะดีมาก
วันนั้นตอนกลางคืน เสิ่นเฉียวก็กินมือเย็นกับเสี่ยวเหยียน
จากนั้นเสี่ยวเหยียนมีกำลังขึ้นมาแล้ว ก็ลงไปซื้อเหล้ามากินเหล้ากันเสิ่นเฉียว
ผู้หญิงสองคนตอนแรกก็ยังมีพูดคุยหัวเราะ สุดท้ายทั้งคู่ก็เมามาก
เสี่ยวเหยียนจิบเหล้าเข้าไป จากนั้นด่าอย่างเสียงดัง : “เสิ่นเฉียว เธอพูดมาสิว่าเธอเป็นคนโง่ไหม? เห้อ…..คนอื่นสามีถูกแย่งไปก็ต่างไปจัดการตบเมียน้อย เธอกลับดี ไม่คาดคิด…..เห้อ…..ไม่คาดคิดว่ายัง……ยังเอาสามีส่งมอบให้คนอื่น”
เสิ่นเฉียวก็เมาแล้ว หน้าขาวๆ ก็แดงขึ้นมาแล้ว เหมือนกับแอปเปิ้ลที่สุกงอม ได้ยินแล้ว เธอทนไม่ไหวหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า : “ฉันทำไมต้องไม่ส่งมอบให้ล่ะ? คนอื่นแย่งสามีเหนื่อยขนาดไหนล่ะ……ฉัน ฉันไม่ต้องการ”
“เหอะ! เหนื่อยก็เลยอยากยอมแพ้หรอ? เห้อ…..ฉันจะบอกเธอให้ ถ้าฉันเป็นเธอก็ดีไปแล้ว ฉันต้องตบหานเส่โยวนั่นให้ตาย ……. ให้เธอรู้จุดจบของการเป็นเมียน้อย และให้เธอรู้ว่าฉันเก่งแค่ไหน! เหอะ! ”
ทันใดนั้นร่างของเย่โม่เซินก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน เสิ่นเฉียวหรี่ตา ก็พยักหน้า ถ้าหากท่าทางของเย่โม่เซินยังอยู่ตรงหน้าเธอ เธอทนไม่ไหวโกรธแล้วพูดว่า : “เย่โม่เซิน……นายไสหัวไป! ”
“ไสหัวไปไสหัวไป ฉันไม่อยากเจอนาย”
เสี่ยวเหยียนเห็นมือของเสิ่นเฉียวโบกมืออย่างดุเดือด พลางตะโกนชื่อเย่โม่เซิน ก็ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา : “เฉียวเฉียว เธอชอบคุณชายเย่มากใช่ไหม? ”