บทที่267 เธอสามารถพึ่งพาฉันได้ตลอด
ที่ วิลล่าไห่เจียง
คนขับรถขับรถเข้ามากลางดึก พนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนมองเห็นรถเย่โม่เซินมาแต่ไกล หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้รับสายแล้วพวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัวทันที
รถเคลื่อนตัวไปที่ลานจอด คนขับรถจึงรีบลงจากรถและเปิดประตู
เย่โม่เซินลงจากรถ เสิ่นเฉียวนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่นานแล้วและสวมเสื้อนอกของเย่โม่เซินไว้
ที่นี่อยู่ใกล้ทะเล ลมที่พัดเข้าฝั่งในตอนกลางคืนนั้นทำให้ต้องสั่นสะท้านได้ แต่ครั้งนี้เสิ่นเฉียวขดตัวอยู่ในอกร้อนกรุ่นของเย่โม่เซินและไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย
“คุณชายเย่ อย่างนั้นคุณจะอยู่ที่นี่สักพักใช่ไหมครับ?”
“อืม” เย่โม่เซินตอบรับด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน จากนั้นจึงพูดขึ้น: “พรุ่งนี้ให้เซียวซู่มาหาฉันหลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว วันนี้นายกลับไปก่อนเถอะ”
“งั้นคุณชายเย่จะอยู่คนเดียวเหรอครับ?” คนขับรถมองไปที่เสิ่นเฉียวอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความไม่วางใจเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นไร นายกลับไปก่อน” เย่โม่เซินพูดขึ้นอย่างเย็นชา
คุณลุงคนขับรถพยักหน้าแล้วจึงพูดขึ้น: “งั้นก็ได้ครับคุณชายเย่ หากมีอะไรคุณโทรหาผมได้นะครับ งั้นผมขอตัวก่อน”
คนขับรถพูดจบแล้วก็ขับรถออกไปทันที
ในค่ำคืนที่มีเพียงแค่เย่โม่เซินอยู่เพียงลำพังกับเสิ่นเฉียว เขาค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้าวีลแชร์หมุนไปกับพื้นเกิดเป็เสียงที่สม่ำเสมอ ลมทะเลพัดเสื้อของเขาจนยับ สีหน้าของเย่โม่เซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เขาก้มหน้าลงมองหญิงสาวในอ้อมกอด
ตั้งแต่ลงมาจากรถเมื่อครู่ เหมือนเธอจะรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวและหนาวเย็น มือของเธอจับแขนเสื้อเขาไว้แน่น ร่างเล็กซุกเข้าหาอ้อมอกเขาไม่ขาดกอดเขาไว้แน่นเหมือนกับเด็กทารกตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้ใหญ่ไม่มีผิด
เมื่อก่อนเย่โม่เซินเกลียดการที่ผู้หญิงพยายามเข้าใกล้เขามากที่สุด
แต่ว่าในตอนนี้ ในใจลึก ๆ ของเขากลับอดอยากที่จะให้หญิงสาวคนนี้เข้ามาวุ่นวายกับเขาทุกวันไม่ได้
เช่นเดียวกันกับในตอนนี้ เธออาศัยเขาเปรียบเสมือนชายฝั่งที่ปลอดภัยที่สุด จากนั้นจึงยึดติดกับตัวเขาหมดตัวและหัวใจ
คิดถึงสิ่งนี้ริมฝีปากของเย่โม่เซินยกขึ้น มือของเขาตกลงและบีบแก้มอ่อนนุ่มของเธอโดยไม่รู้ตัวและพูดขึ้นเบา ๆ: “ยัยโง่ เธอต้องพึ่งฉันตลอดไปสินะ”
“ฉันจะเป็นชายฝั่งให้เธอเสมอ”
คำพูดต่อจากนั้น เสียงของเขาแผ่วเบาคงจะมีเพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่ได้ยิน
เสิ่นเฉียวได้ยินของเขาและส่งเสียงเบา ๆ คิ้วสวยขมวดลงและยังคงซุกตัวเขาเพื่อหาไออุ่น เย่โม่เซินกอดเธอไว้และเพิ่มความเร็วเพื่อเข้าบ้าน
คนงานกะกลางคืนเปิดประตูให้พวกเขา เมื่อเห็นเย่โม่เซินกลางค่ำคืนอย่างนี้ยังคิดว่าเกิดเรื่องด่วนอะไร สุดท้ายเมื่อจ้องมองไปก็พบยังมีคนอีกคนอยู่ในอ้อมอกของเขา ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อนอกของเขาคลุมไว้จนแทบไม่เห็นตัว แต่ชุดกระโปรงสีฟ้าและรองเท้าส้นสูงก็บอกได้ถึงเพศของคนคนนั้น
บรรดาคนงานหันมามองหน้ากันและต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เย่โม่เซินพาเสิ่นเฉียวขึ้นข้างบนทันที จากนั้นก็วางตัวเธอลงด้วยตัวเขาเอง
เวลาต่อมาเสิ่นเฉียวก็ยังคงจับเส้อของเย่โม่เซินไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่นแล้วพูด:“ปล่อยก่อนสิ จะได้เปลี่ยนเสื้อให้”
“ฉันไม่ปล่อย” เสิ่นเฉียวลืมตากว้าง ด้วยความเมาทำให้มองเขาอย่างเลือนราง: “คุณจะปล้ำฉัน!”
เย่โม่เซินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขามืดมิดลง เขาก้มตัวลงและใช้หน้าผากของตัวเองแตะหน้าผากของเธอแล้วส่งเสียงแหบพร่า: “เธอว่าใครจะปล้ำเธอนะ?”
“คุณไง!” เสิ่นเฉียวพูดอย่างใส่อารมณ์ใส่เขา และเพราะท่าทางที่เล่นใหญ่เกินไปหน้าของเธอจึงชนกับเขา ริมฝีปากอ่อนนุ่มชนเข้ากับริมฝีปากของเย่โม่เซิน ในตอนนั้นเย่โม่เซินรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตัวเองที่หนักอึ้งขึ้นมาก แต่ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบกลับ เสิ่นเฉียวก็ยื่นมือออกมาปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ จากนั้นก็เบิกตาโพลงเหมือนกับเห็นผีมองไปที่เขา
“ทำไม?” เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางและจ้องเธออย่างเยือกเย็น ในท้องของเขาเกิดไฟก้อนใหญ่ให้เขาต้องกดระงับมันลงไป
เขามองกลับไปที่เธอและดูว่าเธอจะพูดอะไร
เสิ่นเฉียวปิดปากและเบิกตาโพลงมองไปที่เขาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เอามือออกและพูดสิ่งที่ทำให้เย่โม่เซินต้องตกใจ
“เมื่อกี้คุณจูบฉัน…คุณนั่นแหละปล้ำฉัน!”
เธอท่าทางชัดเจนในตอนที่พูดสิ่งนั้น แววตาของเธอใสเหมือนน้ำพุที่ไม่มีมลพิษใด ๆ ใจของเย่โม่เซินถูกเธอกระตุ้นจนรู้สึกระคายขึ้นมาแล้ว มือใหญ่ของเขาช้อนตัวเธอให้เขยิบเข้ามาใกล้ตัวเขา
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาพ่นออกมาบนผิวขาวและบอบบางของเธอ “เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกว่า…ฉันจูบเธอแล้ว?”
การเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เสิ่นเฉียวตกใจ เธอยังคงเบิกตาโพลงเหมือนเมื่อครู่ ยื่นมือออกไปขวางระหว่างอกของเย่โม่เซินและคิดจะใช้แรงผลักเขาออกไป แต่เย่โม่เซินก็เหมือนกับขุนเขาลูกใหญ่ที่ไม่แม้แต่จะไหวติง ให้คนต้องสงสัยในแรงของตน
“งั้นเธอก็ลองพูดอีกทีสิ…ฉันจูบเธอที่ไหนเหรอ?”
เสิ่นเฉียวกะพริบตาอย่างงุนงง
“หึ? พูดสิ” เสียงของเย่โม่เซินต่ำลงและมีความเย้ายวนอยู่ในนั้น
“ปาก…อืม”
เสิ่นเฉียวยื่นมือชี้ไปที่ริมฝีปากระเรื่อของตนเอง เพียงพูดออกไปริมฝีปากนั้นก็ถูกเย่โม่เซินประกบไว้แน่นแล้ว
เย่โม่เซินใช้มือจับท้ายทอยเธอแน่น อีกมือจับเอวของเธอไว้และกอดรัดเธอจนแน่น จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและดูดที่ริมฝีปากของเธอ
เสิ่นเฉียวที่เมามายดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าที่เย่โม่เซินจินตนาการไว้มาก ดวงตาที่เย็นชาในวันธรรมดานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในขณะนี้ เพียงแค่แววตานั้นก็เกือบจะทำให้เขาอดกลั้นไว้ไม่อยู่
ครั้งก่อนที่เธอเมาก็ทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำ เย่โม่เซินยังคงรู้สึกว่าผู้หญิงเวลาเมานั้นช่างน่าเย้ายวนอะไรเช่นนี้
แต่วันนี้หลังจากเห็นสภาพบ้า ๆ บอ ๆ ของเสี่ยวเหยียนแล้ว เขาจึงได้รู้ว่า…ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเหมือนเสิ่นเฉียว ที่มีแรงดึงดูดตนเองได้ขนาดนั้น
ภรรยาของเขา เสิ่นเฉียว
ด้วยความอดทนมาตลอดทาง สุดท้ายในครั้งนี้ก็ได้ปลดปล่อย
……
วันต่อมา เสิ่นเฉียวตื่นขึ้นและพบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่ม แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบานใหญ่ทำให้ทั้งห้องสว่างไสว
เพียงแค่เหลือบตามองไปเสิ่นเฉียวก็พบกับทะเลสีคราม แสงอาทิตย์ที่สาดแสงกระทบกับคลื่นเกิดเป็นประกายแวววับ สวยจนแทบลืมหายใจ
ความงามแห่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ดั่งเป็นสิ่งที่เหล่าทวยเทพรังสรรค์
และไม่มีทางที่คนธรรมดาจะสร้างได้
เสิ่นเฉียวทอดสายตามองทะเลอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
ที่นี่คือที่ไหน? เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น…เมื่อคืนเธอไปหาเสี่ยวเหยียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้จึงตื่นมาอยู่ในห้องที่มองเห็นทะเลผืนใหญ่นี้ได้?
หรือว่า..เธอกำลังฝัน?
เมื่อคิดถึงตรงนี้…เสิ่นเฉียวก็ขยับตัวและอยากจะลองลุกขึ้นดู แต่เอวของเธอกลับถูกจับแน่นมีคนลากเธอกลับไป จากนั้นก็ล้มลงอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
เสิ่นเฉียวที่อยากจะร้องตะโกน ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่ข้างหู
“นอนต่ออีกนิด”