เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 28 พูดไม่ถูกใจ

บทที่ 28 พูดไม่ถูกใจ

เสิ่นเฉียวจะไม่มีวันลืมคำพูดที่เย่โม่เซินพูดกับเธอ

อยู่ข้างนอกเธอเป็นแค่ผู้ช่วยของเขา หรือแม้แต่ที่ตระกูลเย่เธอก็ไม่ใช่ภรรยาของเขา

เรื่องพวกนี้ ไม่มีใครบอกเสิ่นเฉียวก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง

เดิมการแต่งงานนี้ก็เพราะความจำเป็นเท่านั้น

“เลขา?”พี่จิงจ้องมองเธอเป็นเวลานานแล้วถอนหายใจ “ถ้าเธอบอกว่าเป็นแค่ผู้ช่วยฉันก็จะเชื่อแบบนั้น เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วมานั่งตรงนี้”

พอเสิ่นเฉียวเดินไปนั่งพี่จิงก็เริ่มทำผมให้เธอ

“ทำผมด้วยเหรอคะ?”

“แน่นอนสิ จะทิ้งไว้สภาพนี้ไม่ได้หรอกนะ”

พี่จิงมือเป็นระวิง อีกทั้งยังช่วยดูแลผมให้ด้วยการเล็มหน้าม้าของเธอออกนิดหน่อย

ผมของเสิ่นเฉียวสุขภาพดีและนุ่มมาก เส้นผมที่พี่จิงเล็มออกติดอยู่บนแก้มทั้งสองข้างก็ปัดออกให้ ส่วนปลายผมก็ม้วนให้เป็นลอนแล้วยีออก

ต่อด้วยแต่งหน้า

“เรียบร้อย”

เสิ่นเฉียวที่นั่งอยู่เกือบจะหลับพี่จิงที่อยู่ข้างเธอจู่ ๆ ก็หักนิ้วตัวเอง ทำเอาเธอตกใจ เบิกตาโพลง

ในกระจกสะท้อนหญิงสาวที่มีผิวสีดอกกุหลาบ ผมยาวตรง และริมฝีปากสีแดงเพลิง

เสิ่นเฉียวตกใจกับภาพลักษณ์นี้มาก

“เป็นไง? สวยมากเลยใช่ไหมล่ะ?”พี่จิงเท้ามือลงบนโต๊ะแล้วส่งรอยยิ้มให้เธอ

เสิ่นเฉียวยืดตัวไปข้างหน้า มองดูตัวเองที่ดูไม่เหมือนตัวจริงในกระจก

นี่คือเธอจริง ๆ เหรอ?

เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอ?

“เลิกสงสัยได้แล้วนี่คือเธอจริง ๆ ใบหน้าของเธอเพอร์เฟคมาก จริง ๆ เธอเป็นคนผิวดีนะแต่ขาดการดูแลอีกอย่างผิวก็ค่อนข้างแห้ง เอาสเปรย์ขวดนี้ไปใช้ ถ้ารู้สึกว่าหน้าแห้งก็ฉีดเลย แล้วก็ซื้อแผ่นมาสก์หน้ามาใช้ด้วยนะ”

ถูกพี่จิงสอนแบบนั้นเสิ่นเฉียวก็ตอบติดอ่างพร้อมพยักหน้า “ได้…ได้ค่ะ”

“สวยมาก โม่เซินจะต้องชอบแน่นอน”

เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเฉียวถูกชม รู้สึกว่าตัวเองแทบจะลอยได้แล้ว

พอดีกับที่เซียวซู่ที่รออยู่ข้างนอกร้องเรียกพี่จิงจึงพาเธอเดินออกมาข้างนอก

เซียวซู่ตกตะลึงเมื่อมองเห็นเสิ่นเฉียวที่ปากคอสั่นมาเป็นเวลานาน “คุณชายเย่ตื่นแล้วครับ เรารีบไปกันเถอะครับคุณหนูเสิ่น”

“ค่ะ” พอได้ยินว่าเย่โม่เซินตื่นแล้วเสิ่นเฉียวก็เกิดประหม่าขึ้นมา

พี่จิงเดินออกมาด้วยจนถึงข้างนอก ประตูรถเปิดออกเผยให้เห็นเย่โม่เซินที่นั่งอยู่ข้างในดูเหมือนว่ากำลังทำงานอยู่โดยมีแล็ปท็อปวางอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวของเขาพิมพ์รัวอยู่บนแป้นพิมพ์ สวมหูฟังบลูทูธ และริมฝีปากที่ขยับบ้างเป็นครั้งคราว

“คุณชายเย่ เรียบร้อยแล้วครับ” เซียวซู่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อกระซิบบอก

เย่โม่เซินไม่สนใจเขาเพราะกำลังสนทนาอยู่กับคนในแล็ปท็อป พอจบก็ปิดพับลง ดวงตาเย็นชามองไปยังทิศทางที่พวกเธอยืนอยู่

เย่โม่เซินกะจะมองผ่าน ๆ เพียงแวบเดียว แต่เมื่อมองไปที่เสิ่นเฉียวดวงตาของเขาก็หยุดนิ่ง แต่เพียงแวบเดียวก็เก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างในดวงตาไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองทัน แต่ไม่ใช่กับพี่จิงที่ใช้แขนโอบไหล่เสิ่นเฉียว “เป็นไง? สวยมากเลยใช่ไหมล่ะ?”

เสิ่นเฉียวได้ยินแบบนั้นก็ประหม่าจนเผลอกัดริมฝีปาก

ริมฝีปากของเธอซีดจางพี่จิงเลือกชุดสุดคลาสสิคสไตล์ผู้ชายให้ และใช้สีลูกพีชทาบนริมฝีปากชุ่มชื้นให้เหมือนกับตอนที่กัดริมฝีปาก ราวกับว่าริมฝีปากนั้นมีมนต์สะกดจนดวงตาของเย่โม่เซินจับจ้องอยู่เนิ่นนาน

เสิ่นเฉียวที่แปลงโฉมแล้วนั้นดีกว่าจริง ๆ ชุดสูทตัวสวยนี้เผยให้เห็นรูปร่าง เอวบางและหน้าอกของเธออย่างชัดเจน และขาตรงยาวที่อยู่บนรองเท้าส้นสูง

เกิดบุคลิก ที่เป็น…ข้อบกพร่อง

เย่โม่เซินเหลือบตาขึ้นมอง มองไปถึงที่ริมฝีปากของเธอก็หยุดสายตาอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งถึงย้ายสายตาไปที่ดวงตาของเธอ

เย่โม่เซินคิดออกแล้วว่าเธอขาดอะไรไป

ความสง่างาม!

เธอมองดูตัวเองที่ดูขี้ขลาดและปวกเปียกเหมือนลูกแมวท่าทางสับสนที่หาเจ้าของไม่เจอมาหลายวันทั้งยังถูกทอดทิ้งไว้ข้างถนน ทำไมถึงคิดจะตามเขาไปที่งานเลี้ยงกัน?

คิดถึงสิ่งนี้ ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินก็ยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เหมือนเยาะเย้ยก็ไม่ปาน

“งั้น ๆ”

ในใจเสิ่นเฉียวรู้สึกตื่นเต้นมากที่ตัวเองที่ถูกแปลงโฉมได้ขนาดนี้ ไม่คิดว่าเย่โม่เซินจะคิดแบบนั้น

“เธอคิดได้ยังไง ปกติเธอก็ไม่เหมาะกับการแต่งหน้าแบบนี้อยู่แล้ว” หลังจากที่เย่โม่เซินพูดจาทำร้ายความมั่นใจเสิ่นเฉียวแล้วก็หันไปเล่นงานพี่จิงต่อ

พี่จิงนิ่งครู่หนึ่งถึงโต้กลับ “ไม่เหมาะ? นายใช้อะไรมอง? เธอ…”

“ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังพวกเธออธิบายหรอกนะ ขึ้นรถ” พูดจบเย่โม่เซินก็เบนสายตากลับไปมองข้างหน้าอย่างเฉยเมยไม่สนใจรอบข้างประหนึ่งว่าตัวเองเป็นราชา

ท่าทางของเขาเริ่มทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกโกรธ คนอื่นเขาตั้งใจเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เขากล้าดียังไงมาพูดแย่ ๆ ใส่กันแบบนี้ แค่ชมกันสักคำมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?

ความอ่อนแอของเสิ่นเฉียวจู่ ๆ ก็หายไป เธอกำหมัดและกัดริมฝีปาก จ้องมองเย่โม่เซินอย่างขุ่นเคือง

พี่จิงมองเห็นแสงที่รุ่งโรจไปด้วยความโกรธในดวงตาของเสิ่นเฉียว แต่แสงแห่งความโกรธนี้กลับทำให้เธอดูสว่างไสวขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายนั้น

พี่จิงมองเธอสลับกับเย่โม่เซินแล้วก็นึกขำ

เธอนี่ซื่อบื้อจริง ๆ เย่โม่เซินน่ะ ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ

คิดถึงแค่ตรงนั้นพี่จิงก็จิ้มไปที่ไหล่ของเสิ่นเฉียว “เอาล่ะ รีบขึ้นรถเถอะ”

“ฉันไปก่อนนะคะพี่จิง ขอบคุณมากค่ะสำหรับวันนี้”

เสิ่นเฉียวขอบคุณพี่จิงก่อนจะขึ้นรถไปอย่างไม่เต็มใจ

เสิ่นเฉียวนั่งลงข้าง ๆ เขา เมื่อประตูปิดลงกลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเธอก็กระจายไปทั่วรถ แน่นอนว่าเย่โม่เซินเองก็ได้กลิ่นผ่านการหายใจ

กลิ่นหอมจากน้ำหอมและร่างกายของหญิงสาวที่ผสมรวมกัน

ได้กลิ่นเบา ๆ แต่กลับทำให้รู้สึกสดชื่น

เย่โม่เซินขมวดคิ้วเล็ก ๆ

เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ฉีดน้ำหอม โดยเฉพาะน้ำหอมกลิ่นแรง

แต่กลิ่นบนตัวของเสิ่นเฉียวกลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย จนเผลอสูดลมหายใจลึก

พอเย่โม่เซินรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็กลับไปทำตัวปกติ

ให้ตาย เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้?

“ทำไมบนตัวเธอมีกลิ่นนั้น?”

เขาถามเสียงเย็น

เสิ่นเฉียวหันไปมองเขาแล้วชี้ตัวเอง “ถามฉันเหรอ?”

“ตรงนี้มีคนอื่นด้วยเหรอ?” ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ

เสิ่นเฉียว:“……”

เสิ่นเฉียวเงียบสนิท “…”

คนขับรถกับเซียวซู่เองก็เช่นกัน “…”

แม้พวกเขาจะอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าแต่ก็ควรจะนับรวมพวกเขาด้วยหรือเปล่า? คุณชายเย่อย่าเมินพวกเราได้ไหม?

“คือ…พี่จิงบอกว่าเป็นน้ำหอมที่พึ่งคิดค้นขึ้นมา คิดว่าเหมาะกับฉันดีก็เลยให้มาขวดหนึ่งค่ะ”

พูดจบเสิ่นเฉียวก็เอาน้ำหอมขวดนั้นออกมาให้เย่โม่เซินดู ลืมสิ่งที่เขาพูดใส่เธอเมื่อกี้ไปเสียสนิท

เย่โม่เซินมองไปที่ขวดน้ำหอมที่มีของเหลวสีชมพูใสถูกบรรจุอยู่ในนั้น

เสิ่นเฉียวกลัวว่าเขาจะมองไม่ถนัดเลยเอื้อมตัวเข้าไปใกล้อีกทำให้คอเสื้อเปิดออกเผยให้เห็นผิวขาว ๆ ของเธอ

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset