บทที่272 คุณคิดว่าฉันเป็นอะไรสำหรับคุณกันแน่
คนคนหนึ่ง หากว่าเขายอมเปิดเผยด้านที่เปราะบางที่สุดให้คุณเห็น
นั่นก็สามารถพูดได้ว่าเขาเชื่อใจคุณมากพอ ไม่เช่นนั้น…เขาคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
แต่ว่า ทำไมเย่โม่เซินถึงจะต้องแสดงให้เธอเห็นถึงความเปราะบางของเขา? หรือว่า…
เขามีใจให้เธอจริง ๆ งั้นเหรอ?
แต่…ถ้าหากว่าเขารักเธอ แล้วทำไมเขาถึงต้องยุ่งวุ่นวายกับหานเส่โยวด้วย? มันมีอะไรในเรื่องนี้นะ?
ยิ่งเสิ่นเฉียวใช้ความคิด เธอก็ยิ่งปวดหัวและทำได้เพียงหลับตาลง
หลังจากหลับตาลง ในหัวของเธอกลับมีแต่ภาพของหานเส่โยวสวมต่างหูสีชมพูคู่นั้นและยิ้ม เธอลืมตาขึ้นทันทีและลุกขึ้นนั่ง
ไม่ได้ เธออยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจะต้องไปถามเย่โม่เซินให้รู้เรื่อง
เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องและเตรียมตัวจะไปหาเย่โม่เซิน
แต่ จูหยุน นั้นช่างรวดเร็ว เธอมาพร้อมกับเพื่อนสาวใช้อีกสามคนเข็นรถอาหารคันใหญ่เข้ามา
“คุณนายน้อย!” มองเห็นเธอแต่ไกล จูหยุน จึงรีบเรียกเธอไว้ “ฉันพาทุกคนยกอาหารกลางวันมาให้คุณค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเสิ่นเฉียวจึงทำได้เพียงหยุดอยู่ตรงนั้นและหันกลับมามอง
ตอนนี้เธอมีแก่ใจจะกินอะไรที่ไหนกัน? เมื่อคิดถึงตรงนี้เสิ่นเฉียวก็พูดขึ้นเบา ๆ “ฉันยังไม่อยากกิน วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกลับมากิน”
“ไม่ได้นะคะคุณนายน้อย พวกเธอทำอาหารพวกนี้ด้วยความตั้งใจ ต้องทานตอนร้อน ๆ อีกเดี๋ยวเย็นแล้วก็ไม่อร่อยแล้ว ทุกคนต้องกลับไปทำมาใหม่”
จูหยุน เผลอพูดความจริงออกไป เมื่อพูดจบเธอก็รีบใช้มือปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นแล้วพูดขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “คุณนายน้อย เมื่อครู่ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น คุณอย่าไปใส่ใจนะคะ ถ้าคุณรู้สึกไม่ดีทำให้คุณใหม่ทีหลังก็ได้ไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ”
เสิ่นเฉียว: “…”
เมื่อมองดูคนเหล่านั้นด้วยความคาดหวัง หากเธอไม่ทานสักหน่อยคงจะทำให้พวกเธอต้องผิดหวังแน่ ๆ
ข้อเสียที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของเสิ่นเฉียวก็คือเธอเป็นคนใจอ่อน เธอจึงได้แต่เดินกลับเข้ามาในห้องกับพวกเธออีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่าเธอคือนายหญิง กลุ่มสาวใช้ต่างพยายามเต็มที่เพื่อเสิ่นเฉียว พวกเธอจัดวางอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสเต็มโต๊ะจนทั้งห้องหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นอาหาร
อย่างไรก็ตามความอยากอาหารของเสิ่นเฉียวนั้นน้อยมาก เมื่อมองไปที่อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็ไม่ได้ทำให้เธออยากอาหารมากขึ้นเลย
“คุณนายน้อย นี่เป็นขนมที่ฉันตั้งใจทำ ผสมกลีบดอกไม้กว่าสิบชนิดบวกกับสะระแหน่ รสชาติอร่อยมาก คุณรีบมาชิมสิคะ”
หนึ่งในนั้นนำขนมของตัวเองออกมาอย่างเอาอกเอาใจและวางไว้ตรงหน้าเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวยิ้มให้เธอจากนั้นจึงหยิบขึ้นมากัดคำเล็ก ๆ
เธอไม่ชอบทานขนมหวานแต่ความหวานของขนมนี้ก็หวานเบา ๆ กำลังดี เมื่อเข้าปากแล้วกลิ่นหอมอบอวลอยู่ในปากซึ่งทำออกมาได้ดีมาก ๆ
“คุณนายน้อย คุณลองชิมซุปไก่ดำที่ฉันทำดูสิคะ ฉันใส่ยาบำรุงหลายอย่างเข้าไป เหมาะมากสำหรับเป็นยาบำรุงสำหรับผู้หญิง คุณนายน้อยผอมอย่างนี้ควรรับประทานซุปไก่ดำเยอะ ๆ หน่อยนะคะ”
ส่วนสาวใช้อีกคนก็ยกซุปไก่ดำมาเสิร์ฟให้เสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวรับประทานไปหนึ่งคำ
ซุปไก่นั้นไม่มันและไม่เลี่ยน ความร้อนก็กำลังดี
เดิมทีเธอไม่ค่อยมีความอยากอาหาร แต่เมื่อทานไป ๆ ก็กลับหิวขึ้นมาแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะมองพวกสาวใช้: “พวกเธอทำอาหารเก่งนะ ที่นี่มีแม่ครัวหรือเปล่าคะ?”
“จะว่าไปก็ไม่มีหรอกค่ะ คุณชายเย่มาที่นี่ปีละไม่กี่ครั้งพวกเราก็เลยมีเวลาว่างเหลือเฟือก็เลยใช้เวลาในการวิจัยอาหาร เพื่อจะได้ทำให้คุณชายเย่ทานเวลาเขามาที่นี่ ถ้าคุณชายพอใจพวกเราจะได้ทำงานต่อไปที่นี่ได้ค่ะ”
“ใช่ค่ะคุณนายน้อย พวกเราอยู่ที่นี่เงินเดือนสูงมากแถมว่างทั้งปี ดังนั้น…”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจนจบก็ถูก จูหยุน ปรามไว้ด้วยสีหน้าตระหนก
“พวกเธอพูดจาเลอะเทอะอะไรน่ะ?”
จริง ๆ เลยเชียว พวกคนโง่พวกนี้ จู่ ๆ ก็พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ไม่รู้รึไงว่าเสิ่นเฉียวคือคุณนายน้อยนะ พูดเรื่องพวกนี้…นั่นไม่เท่ากับเป็นการบอกเสิ่นเฉียวเหรอว่าพวกเธอว่าง ทั้งปีไม่มีงานอะไรให้ทำแต่ก็ยังได้เงินเดือนตั้งเยอะน่ะ? หากถูกลดเงินเดือนขึ้นมาจะทำยังไง?
ใครจะรู้ว่าเสิ่นเฉียวเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย เธอได้แต่ยิ้มเล็กน้อย: “งั้นพวกเธอก็ตั้งใจมากเลยนะ”
“คุณนายน้อย ที่พวกเธอพูดเหลวไหลเมื่อครู่ คุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะคะ”
“วางใจเถอะ” เสิ่นเฉียวส่ายหน้าเบา ๆ และไม่ใส่ใจ: “เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่มีทางพูดหรอก พวกเธอไม่ต้องกังวล”
เมื่อเสิ่นเฉียวพูดกับพวกเธอแบบนี้ จึงหน้าแดงด้วยความรู้สึกเกรงใจ
อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ยังปฏิบัติต่อเสิ่นเฉียวอย่างเต็มที่และเกลี้ยกล่อมให้เธอทาน เสิ่นเฉียวเองก็ทานอาหารตามที่พวกเธอบอกไปหลายอย่าง
ท้องว่างถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารมากมาย เป็นครั้งแรกนานมาแล้วที่เสิ่นเฉียวรู้สึกอิ่มขนาดนี้
“วันนี้ขอบคุณพวกเธอมากนะ”
“ถ้าคุณนายน้อยชอบ มื้อเย็นพวกเราจะทำอาหารใหม่ ๆ มาให้คุณอีกค่ะ ขอเพียงคุณชอบก็พอ”
“คือว่า…” เสิ่นเฉียวพูดด้วยความเคอะเขิน “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่อาหารธรรมดาก็พอแล้ว”
“ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ ๆ ขอเพียงคุณนายน้อยชอบ พวกเราทำอะไรก็ได้ค่ะ”
เสิ่นเฉียวเก้ ๆ กัง ๆ จนแทบทนไม่ไหว พวกเธอคงจะรู้สึกว่าเธอเพราะเธอมีฐานะเป็นคุณนายน้อยจึงไม่กล้าทำให้เธอขุ่นเคืองใจและปกป้องเธอเช่นนี้
คิดไม่ถึงว่าในช่วงชีวิตของเธอจะมีคนเอาใจเธอเช่นนี้
เหมือนกำลังฝันไป…
“เอาล่ะค่ะ พวกเราไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณนายน้อยแล้ว พวกเราขอตัวก่อน ช่วงบ่ายเราจะนำผลไม้มาให้นะคะ”
เมื่อเห็น จูหยุน กำลังจะออกไป เสิ่นเฉียวก็เรียกเธอไว้ก่อนเหมือนจะคิดอะไรออก
“จูหยุน เธออยู่ก่อน ฉันมีเรื่องอยากถามเธอ”
จูหยุน จึงให้คนอื่นออกไปก่อนและเหลือเพียงตนเอง
“คุณนายน้อยเป็นอะไรคะ?”
“ฉันอยากไปหาเย่โม่เซิน เขาอยู่ไหนเหรอ?”
จูหยุน รู้สึกตะลึงในตอนแรกจากนั้นดวงตาของเขาก็กลอกไปมา “ตอนนี้คุณชายเย่คงจะนอนพักอยู่ค่ะ คุณนายน้อยนอนพักกลางวันสักนิดดีไหมคะแล้วฉันจะพาไปหาเขา?”
เมื่อคิดดูแล้ว เสิ่นเฉียวก็พยักหน้า: “แบบนี้ก็ดี”
อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอทานเยอะเกินไป จะนั่งก็รู้สึกไม่สบายและควรจะลุกเดินเล่นบ้าง
“คุณนายน้อย ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
จากนั้น จูหยุน ก็ออกไปเหลือเพียงเสิ่นเฉียวลำพังในห้อง
ห้องของเธออยู่ติดทะเลแสงแดดส่องถึงได้ดี เสิ่นเฉียวลุกขึ้นและเดินออกไปนั่งที่ใต้ร่มกันแดดจากนั้นก็เล่นน้ำทะเลสักพัก เมื่อเธอลุกขึ้นและเตรียมที่จะเดินออกไปก็พบเข้ากับสายตาเย็นชาของเย่โม่เซินที่ตรงมุมด้านหนึ่ง
“เย่โม่เซิน?”
จูหยุน บอกว่าเขาพักอยู่ไม่ใช่เหรอ?
“คุณไม่ได้นอนพักเหรอ?”
ทั้งสองสบตากัน เสิ่นเฉียวเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขาก่อน หลังจากได้ยินเรื่องราวนั้นจาก จูหยุน แล้ว เธอเกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย เธออยากจะถามเย่โม่เซินได้ความกระจ่าง
“หาฉันเหรอ?” เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาหาตนเอง เย่โม่เซินเกิดลางสังหรณ์ที่คลุมเครือ เขาขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อเธอเดินเข้ามาที่ตรงหน้าเขา “ถ้าจะมาพูดเรื่องหย่าหรือไปจากที่นี่ต่อจากก่อนหน้านี้ งั้นฉันก็จะยังยืนยันเหมือนเดิมว่า อย่าแม้แต่จะคิด”
“ทำไมคุณถึงพาฉันมาที่นี่? สำหรับคุณแล้วฉันเป็นอะไรกันแน่?”