บทที่276 อาบน้ำด้วยกัน
เดิมทีจิตใจที่วุ่นวายของเสิ่นเฉียว เมื่อนั่งลงตากลมทะเลแล้ว ความวุ่นวายใจก็พลันหายไปได้เยอะ
ลมทะเลในตอนกลางคืนนั้นพัดแรงและหนาวเย็น
พัดพาลมหนาวนิด ๆ เข้ามาด้วย แต่ทำให้ใจผ่อนคลาย
ตอนนี้เย่โม่เซินน่าจะกลับมาแล้วสินะ?
อย่างนั้นเธอนั่งอีกหน่อยแล้วค่อยกลับไป
เย่โม่เซินที่คิดว่าเสิ่นเฉียวหนีไปแล้ว เขาจึงเรียกให้ทุกคนรวมตัวกันแทบจะพลิกวิลล่าเพื่อหาตัวเธอ สุดท้ายก็ไม่มีใครหาเสิ่นเฉียวพบ
เพราะทุกคนรู้ว่าเย่โม่เซินเข้าไปในห้องแล้วไม่พบกับเสิ่นเฉียว ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีใครคิดกลับเข้าไปหาในห้องอีก กลุ่มพนักงานเฝ้าประตูถูกซักถามอยู่หลายรอบ ซึ่งทุกรอบต่างก็ไม่มีใครเห็นหรือว่าจะไม่มีใครออกไปตั้งแต่แรก
แต่ว่าคนดี ๆ ทั้งคนไม่ได้ออกไปข้างนอกและไม่อยู่ในวิลล่า หรือว่าจะหายไปเฉย ๆ ในอากาศได้งั้นเหรอ?
“คุณชายเย่ พวกเราหาทุกที่หลายรอบแล้ว ก็ไม่เจอคุณนายน้อยเลย!”
เมื่อได้ยินรายงานจากลูกน้องแล้ว สีหน้าของเย่โม่เซินดูแย่มากและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หาอีก ให้คนออกไปหา ใช้ทั้งการสอบถามและตรวจตรา”
ทุกคนออกมาหาเป็นวงรอบอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบตัว
จูหยุน กลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักและด้วยแววตาที่หวาดกลัว
“คุณชายเย่ พวกเราหาทุกที่แล้ว แต่ก็หาไม่พบเลย…คุณชายเย่…”
“เธอคิดจะพูดอะไร?” เย่โม่เซินกวาดสายตามองไปที่เธอด้วยสายตาที่เป็นอันตรายเป็นอย่างมาก
จูหยุน ตัวสั่นด้วยความตกใจแต่สุดท้ายต้องทำใจกล้าพูดขึ้น: “หรือว่า…ที่จริงแล้วคุณนายน้อยไม่ได้ออกจากห้องคะ? ตอนนั้นที่ที่พวกเราอยู่มีเพียงทางออกเดียวเท่านั้น ถ้าคุณนายน้อยจะออกไปพวกเราจะต้องเห็น แต่ว่าพวกเราหลายคนอยู่ตรงนั้นต่างก็ไม่มีใครเห็นคุณนายน้อยออกไปเลย ดังนั้นฉันเดาว่าเป็นไปได้ว่าคุณนายน้อยยังอยู่ในห้องตัวเองไหมคะ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม: “ในห้องไม่มีคน”
จูหยุน และทุกคนมองหน้ากัน
“เดี๋ยวก่อน” ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะเลือกห้องที่ดีที่สุดให้เธอ ห้องนั้นมีทางออกแค่ทางเดียว แต่ห้องนั้นยังมีอีกทางแต่เป็นเพียงทางที่จะไปริมหาดเท่านั้น
หรือว่า…?
ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็นึกขึ้นได้ และสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที: “พวกเธอรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะเข้าไปหาเธอในห้องเอง”
ทุกคนยังไม่ทันตอบรับ เย่โม่เซินก็หายไปแล้ว
“จูหยุน เมื่อกี้ที่เธอพูดหมายความว่ายังไงเหรอ? คุณนายน้อยยังอยู่ในห้องงั้นเหรอ?”
จูหยุน ยิ้มเล็กน้อย: “มันก็ไม่แน่ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นคุณชายเย่ตื่นตระหนกแบบนี้”
“จริงด้วย นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ฉันเห็นคุณชายเย่โกรธ รู้สึกว่าคุณนายน้อยจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลย”
เสิ่นเฉียวที่ตากลมจนหนาวขึ้นมา และคิดอยู่ในใจว่าถึงเวลาที่ควรจะเตรียมตัวกลับเข้าไปแล้ว จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะ
“ยัยโง่ เธออยู่ที่นี่เองเหรอ”
เมื่อได้ยินเสิ่นเฉียวก็รีบหันไปมอง ทันใดนั้นก็เห็นคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนกระดานไม้ที่สงบนิ่ง
คนคนนั้นนั่งอยู่บนวีลแชร์สะท้อนกับแสงไฟ เค้าโครงแห่งความมุ่งมั่นปรากฏอยู่ใต้แสงนั้น ทำให้รู้สึกเหนือจริง
โดยไม่รอให้เสิ่นเฉียวมีปฏิกิริยาใด ๆ คนคนนั้นได้หยุดลงตรงหน้าเธอแล้วทันใดนั้นเองก็เอื้อมมือใหญ่ของเขาไปคว้าเธอจากพื้นเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
“เย่…อือ” ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวถูกเขาใช้แรงประกบปากจูบทันทีที่กำลังจะเรียกชื่อเขา
จูบของเขาปั่นป่วนราวกับมหาสมุทรที่เร่งรีบผลักเธอขึ้นและลงจนเธอเวียนหัวและต้องใช้เวลานานกว่าที่เสิ่นเฉียวจะได้สติ เธอใช้แรงผลักเขา: “คุณเป็นอะไรคะ?”
จูบของเขาวันนี้ไม่เหมือนกับทุกที มันเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังกัดกินเธอ ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีเลยสักนิด
เย่โม่เซินกอดเธอและกัดฟันสักพักก่อนที่จะหยุด มือใหญ่โอบรอบเอวเธอไว้แน่นน้ำเสียงทุ้มต่ำ: “เธออยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ? ไม่ได้ไปไหนมาเลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินเสิ่นเฉียวก็ประหลาดใจเล็กน้อย: “ฉันจะไปไหนได้?”
“…”
“คุณเป็นอะไร?”
“ไม่มีอะไร” เย่โม่เซินหลับตาและฝังหน้าลงที่คอของเธอ แต่เสิ่นเฉียวก็ยังได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครือของเขา เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง เธอนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นตอนนี้จึงทำได้เพียงยื่นมือออกไปกอดคอของเขา: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าคะ?”
เย่โม่เซินไม่ตอบ เขาทำเพียงยังกอดเธอไว้แน่น
ลมทะเลพัดเข้ามาจนเสิ่นเฉียวตัวสั่น เย่โม่เซินจึงได้รู้สึกว่ากำลังกอดเสิ่นเฉียวที่ตัวเปียกไปหมด เมื่อเขากอดเธอเสื้อเชิ้ตของเขาก็พลอยเปียกไปด้วย นาทีนี้เสื้อเปียกที่แนบเนื้อทำให้หนาวแทบบ้าเมื่อลมพัดเข้ามา
“เธอมันยัยเด็กโง่ เธอมานั่งตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว? เสื้อถึงได้เปียกหมด?”
“ก็พอไม่ทันระวัง…คลื่นซัดเข้ามา จากนั้นก็เลยเปียกโดยไม่ได้ระวัง แต่ว่าก็ยังดีที่ไม่เปียกเท่าไหร่ ฉันกำลังจะกลับเข้าไปหาคุณก็…”
เมื่อรู้ว่าเธอนั่งอยู่ที่นี่ตลอด ความโกรธและหวาดกลัวของเย่โม่เซินที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หายไป กลับรู้สึกเหมือนได้ของที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาแทนที่ เธอยังอยู่ที่นี่ เธอไม่ได้หนีไป แต่ตัวที่เปียกชื้นและมือและเท้าที่เย็นเฉียบของเธอทำให้เขารู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็มีความรู้สึกที่หลากหลายและกอดเธอขึ้นมา: “ยัยเด็กโง่ เสื้อผ้าเปียกขนาดนี้เธอยังไม่รู้จักเข้าไปอาบน้ำอีกเหรอ? เป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง?”
พูดจบ เย่โม่เซินก็พาเสิ่นเฉียวกลับเข้ามาในห้อง
เสิ่นเฉียวที่อยู่บนตัวและอ้อมกอดของเขาหัวเราะเบา ๆ: “ก็ยังมีคุณไม่ใช่เหรอ? จะพูดไปฉันก็กำลังจะกลับก็เจอคุณพอดี”
“ก็เลยจะโทษฉันงั้นสิ?” เย่โม่เซินถามกลับ
สวบ——
เสียงประตูกระจกถูกเปิดออก เย่โม่เซินพาเสิ่นเฉียวเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว
เมื่อน้ำร้อนไหลลงมาเสิ่นเฉียวจึงได้รู้ตัวและตะโกนขึ้น “อ๊ะ คุณจะเข้ามาทำไม? ออกไปเร็ว!”
น้ำร้อนไหลลงกระทบตัวของทั้งคู่ ผมของเสิ่นเฉียวก็เปียกแล้ว เธอรีบจะลุกขึ้นจากนั้นจะผลักเย่โม่เซินออกไป แต่กลับถูกเย่โม่เซินจับมือเธอไว้แน่น: “ผลักทำไม? เสื้อฉันก็เปียกเหมือนกัน”
ขณะที่หมอกลอยขึ้น เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง: “คุณ…คุณคงไม่ได้คิดจะอาบน้ำด้วยกันหรอกนะ?”
“อือ” เย่โม่เซินยกมุมปากด้วยความพอใจ: “อาบด้วยกัน”
หลังจากอยู่ไม่กี่วินาทีเสิ่นเฉียวก็ตอบสนอง: “ฉันไม่อาบกับคุณหรอก คุณอาบก่อนเถอะ ฉันจะออกไป”
เมื่อก้าวไปไม่กี่ก้าว เย่โม่เซินยังคงไม่ปล่อยมือเธอแต่เขากลับยื่นมือไปปิดประตูห้องน้ำ
“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน อาบน้ำด้วยกันแล้วจะยังไง? ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น…”
ใบหน้าเสิ่นเฉียวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันใด ใช่แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสามีภรรยากันอาบน้ำด้วยกันก็ไม่แปลก แต่ว่า…เธอยังไม่มีความกล้าจะเปลือยกายต่อหน้าเขา นั่น…จะทำได้ยังไง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็หน้าแดงและกัดฟันปฏิเสธเขา “ฉันไม่เอา ไม่อย่างนั้นคุณก็อาบก่อน หรือฉันอาบเอง ไม่งั้นก็ไม่อาบแล้ว แต่ไม่อาบด้วยกัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่โม่เซินก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อของเธอแล้ว