บทที่ 282 เย่โม่เซินกลับมาแล้ว
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมองหานชิงอย่างดื้อดึง
จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเธอไม่สามารถบอกใครได้ทั้งนั้น
ถึงอย่างไรหานชิงก็เป็นพี่ชายของเส่โยวถ้าเรื่องนี้ไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสม เส่โยวก็อาจจะเกลียดเธอ
เดิมทีเธอก็โกรธไม่พอใจและเสียใจอยู่แล้ว
แต่เมื่อเธอเห็นเส่โยวนอนจมกองเลือดอยู่ในอ่างอาบน้ำและมองเธออย่างอ่อนแรงและบอกเธอว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกเจ็บปวด ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนปีศาจ
เป็นเพราะเธอบีบบังคับให้หานเส่โยวเป็นแบบนี้
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร” หานชิงลุกขึ้นยืนใบหน้าสงบนิ่ง “พักที่นี่ก่อนเถอะ”
เมื่อหานชิงพูดจบเขาก็ออกไปเมื่อเสิ่นเฉียวเห็นดังนั้นก็รีบตามไป “ห้องไอซียูไม่อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมใช่ไหมตอนนี้”
“ใช่ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล”
เสิ่นเฉียวครุ่นคิดถึงแม้ว่าเธอจะเข้าไปไม่ได้ แต่เธอก็อยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้เย่โม่เซินรู้เรื่องนี้ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้เสิ่นเฉียวจึงกล่าวว่า “งั้นวันนี้ฉันจะกลับไปก่อน ค่อยกลับมาหาเธอหลังจากนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ริมฝีปากของหานชิงก็ขยับพูดและพยักหน้าในที่สุด “ได้ คนขับรถของเธอยังรอเธออยู่ข้างนอก เธอกลับไปได้เลย”
“อืม”
หลังจากบอกลาหานชิงแล้ว เสิ่นเฉียวก็เดินออกจากห้องไปลำพังและเมื่อเธอเดินมาถึงประตูเธอก็หันกลับมากล่าวขอบคุณเขา อย่างไรเสียเขาก็เปิดห้องเธอพักผ่อนที่นี่
หานชิงยกมือขึ้นอย่างมองเวลาบนนาฬิกาด้วยสายตาเฉยเมยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ฉันยังมีเรื่องที่บริษัทต้องกลับไปจัดการ เธอกลับไปก่อนเถอะ”
เสิ่นเฉียวชะงักไปชั่วครู่ เธอคิดว่าหานชิงจะอยู่ที่นี่กับหานเส่โยว คิดไม่ถึงว่า…
กลับมาคิดย้อนดู ห้องไอซียูมีเจ้าหน้าที่พิเศษคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ก็เสียเวลาเสียเปล่าๆ
เสิ่นเฉียวปล่อยวางเรื่องหนักใจทั้งหมด แล้วออกจากโรงพยาบาลไปกับลุงจิน
ระหว่างทางกลับไปที่วิลล่าไห่เจียง ใบหน้าของเสิ่นเฉียวยังไม่ค่อยดีนัก เธอมองไปที่ทิวทัศน์ที่กำลังเปลี่ยนไปนอกหน้าต่างและคิดถึงฉากที่หานเส่โยวล้มจมในกองเลือดรู้สึกหวาดหวั่น
ในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้เจ้าหน้าที่พยาบาลในไอซียูจะดูแลเธออย่างดีใช่ไหม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสิ่นเฉียวหลับตาลงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
ลุงจินที่ขับรถอยู่ข้างหน้าเขาคงเห็นเธอไม่สบายใจเขาจึงพูดปลอบใจ “คุณนายน้อย คุณหนูเสิ่นเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครองไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรแน่นอนวางใจเถอะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเสิ่นเฉียวก็เรียกสติกลับมา เธอลืมตาขึ้นและมองไปที่ลุงจินที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าเธอ สักพักเธอก็พูดว่า “ลุงจินวันนี้เกิดอะไรขึ้น …”
“คุณนายน้อยวางใจได้เลย ลุงจินอยู่มาถึงป่านนี้ไม่ปากโป้งแน่นอน”
เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างโล่งใจ “ขอบคุณค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกเขา ฉันแค่รู้สึกว่า…เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาดังนั้นจึงไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเขา”
“ความคิดของคุณนายน้อยลุงจินเข้าใจดี”
หลังจากเสิ่นเฉียวพูดจบหลุบตาลง เธอบอกกับลุงจินว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเย่โม่เซิน แต่มันไม่เกี่ยวจริงเหรอ หานเส่โยวฆ่าตัวตาย ไม่ได้เป็นเพราะพวกเธอจริงๆ เหรอ
หลังจากกลับมาที่วิลล่าไห่เจียง ลมทะเลพัดมาทำให้เสิ่นเฉียวหนาวมากจนตัวสั่น จูหยุนพูดขึ้นมาว่า “คุณนายน้อยหนาวใช่ไหมคะ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว รีบเข้าห้องดีกว่าค่ะ”
หลังจากพูดจบจูหยุนถึงสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่เสิ่นเฉียวใส่ไม่ใช่ชุดสำหรับใส่ออกไปข้างนอก เธองงเล็กน้อยเมื่อเธออยากถามออกมา ก็เห็นลุงจินที่ยืนอยู่ข้างหลังเสิ่นเฉียวขยิบตาให้กับเธอ
จูหยุนเสมือนเฒ่าคนแก่ของที่นี่เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รีบหยุดปากไป เสิ่นเฉียวเดินเข้าไปในบ้านรีบเข้าไปในห้องอย่างหมดหวัง จูหยุนมองามเธอจนลับตาหลังจากนั้นจึงรีบซักถาม
“ลุงจินวันนี้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม ท่าทางคุณนายน้อยดูไม่ค่อยดีเลย”
เมื่อได้ยินลุงจินก็ถอนหายใจ “วันนี้เจอเรื่องมานิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จัดการได้แล้ว”
“ลุงจิน เรื่องอะไรกัน รีบบอกฉันมา”
จูหยุนพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเธออยากรู้อยากเห็นเกินไปแล้ว ลุงจินรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ปากโป้งพูดเรื่องไร้สาระ จึงกล่าวสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้กับจูหยุนคร่าวๆ หลักๆ คือเสิ่นเฉียวออกไปพบเพื่อน ปรากฏว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้ อาจจะได้รับบาดเจ็บหรืออาจเป็นเพราะมีแรงกระตุ้นทำให้ฆ่าตัวตาย จากนั้นถูกพวกเขาพบได้ทันเวลาและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
หลังจากฟังจูหยุนก็พยักหน้าเข้าใจ “จู่ๆ เพื่อนรักฆ่าตัวตาย เธอน่าจะตกใจอกสั่นขวัญแขวนถึงจะถูก เอาอย่างนี้สิ ลุงจินฉันจะปลอบโยนคุณนายน้อยให้เธอสงบสติอารมณ์ เรื่องนี้ฉันจะไม่แพร่งพรายไปเด็ดขาด นี่ก็ดึกมากแล้ว ลุงกลับไปพักผ่อนซะก่อนเถอะค่ะ”
“ดี ฉันรู้ว่าเธอฉลาดมีไหวพริบ งั้นฉันไปก่อนนะ”
หลังจากกลับมาถึงห้องเสิ่นเฉียวก็นั่งบนโซฟา มองไปข้างหน้าด้วยความสิ้นหวัง แต่สายตาไม่ได้โฟกัสที่ใด
จูหยุนยกซุปร้อนๆ มาหนึ่งถ้วยแล้วเดินเข้ามา “คุณนายน้อยทานซุปร้อนๆ สักชามช่วยให้อบอุ่นร่างกายได้ค่ะ”
เมื่อมองไปที่ชามซุปไอความร้อนคุกรุ่น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเสิ่นเฉียวกลับปรากฏเป็นหานเส่โยวที่ล้มลงกลางกองเลือด กลิ่นซุปที่หอมฟุ้งถ้วยนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกลิ่นเลือดสดๆ คาวๆ กระทบกระเทือนทางจิตใจและสมองของเธอ
ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวเดิมทีก็ซีดเผือดอยู่แล้วชั่วครู่ก็สั่นสะท้านจูหยุนพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ เพียงแค่ย่นคิ้วอย่างสงสัยและเตรียมที่จะถามทันใดนั้นเสิ่นเฉียวกลับกรีดร้องเสียงแหลมและปัดถ้วยในมือตกไป
เปรี้ยง
ชามแก้วตกลงพื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จูหยุนถึงกับผงะตาของเธอเบิกกว้างทันใด “คุณนายน้อยมือของคุณ”
เสิ่นเฉียวเพียงรู้สึกเจ็บที่มือเพราะโดนลวกเท่านั้นเมื่อเธอได้ยินเสียงของจูหยุนเธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ลงและรู้ว่านั่นไม่ใช่เลือดแต่เป็นซุปหนึ่งชาม จูหยุนมองเธออย่างสงสัย แล้วเธอก็นึกได้ว่าทำอะไรลงไป เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด “ขอโทษจูหยุนฉัน … ฉันแค่ …”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณนายน้อย” เมื่อได้ยินเธอขอโทษตัวเอง จูหยุนก็ตกใจมาก กว่าจะเรียกสติกลับคืนมาจึงต้องใช้เวลานานแล้วจึงหันมาปลอบใจเธอ “ฉันได้ยินเรื่องจากลุงจิน เวลานี้เป็นเรื่องปกติที่จะขวัญหนีดีฝ่อ ถ้าในตอนนี้คุณนายน้อยยังทานซุปไม่ลง ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำก่อนฉันจะยกซุปมาให้คุณในภายหลัง”
“เธอรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ เธอ…”
“เกิดเรื่องอะไร”
เสิ่นเฉียวเบิกตากว้างและกำลังจะบอกจูหยุนว่าอย่าพูดเรื่องนี้ออกไป ก็มีเสียงทุ้มต่ำในลำคอของเย่โม่เซินดังลอดออกมา
สีหน้าของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไปในทันที เย่โม่เซินกลับมาแล้ว
เมื่อกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น เย่โม่เซินซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นก็โผล่เข้ามาในห้องแล้ว เสิ่นเฉียวมองไปที่เย่โม่เซินอย่างตื่นตกใจ
“คุณชายกลับมาแล้ว”
หลังจากที่เย่โม่เซินเข้ามาในห้อง เห็นบนพื้นซึ่งพึ่งจะเกิดเรื่องขึ้นอย่างตะลึงและมองหน้าซีดเซียวของเสิ่นเฉียว
จังหวะการเต้นของหัวใจเสิ่นเฉียวเร็วขึ้นอย่างเหลือเชื่อ และมองไปที่จูหยุนโดยไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้น”
จูหยุนตอบสนองอย่างรวดเร็วและรีบตอบแทนเสิ่นเฉียวว่า “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย เป็นเพราะฉันไม่ระวังเผลอทำหลุดมือ จนลวกมือคุณนายน้อยเข้า”