บทที่ 284 ไม่อยากให้พวกเขาพบกัน
ในห้องผู้ป่วยหานเส่โยวกำลังเอนหลังกับหมอนท่าทางอ่อนแรง นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความหวาดผวา
อันที่จริงเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นหานชิง หานเส่โยวก็ตกใจอย่างยิ่งและเกือบจะหมดสติลงไปอีกครั้ง
เธอไม่คาดคิดว่าเสิ่นเฉียวจะพบหานชิงแล้ว และเธอก็ไม่รู้ว่าพวกเขาได้พบกันแล้วหรือยัง
ถ้าเพื่อให้ได้เย่โม่เซินมาครองและต้องสูญเสียแตงโมลูกโตอย่างฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลหาน มันก็จะดูเป็นการซื้อขายที่ไม่คุ้มค่า
ไม่ว่าจะเป็นสถานะคุณหนูใหญ่หรือความรู้สึกของเย่โม่เซิน เธอหานเส่โยวต้องการทั้งสองอย่าง
“ทำไม” น้ำเสียงของหานชิงเย็นยะเยือกและฟังไม่ออกว่ามีความรู้สึกเช่นใด หานเส่โยวเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วชั่วพริบตาเดียวก็หลุบตาลงอีกครั้งด้วยความตกใจ เธอจะพูดยังไงดีเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหานชิงจะรู้เรื่องนี้และไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาพัวพัน พูดได้เพียงแค่ว่าครั้งนี้เธอคำนวณพลาดไปเอง
ขณะที่เธอกรีดนั้นไม่ได้สนใจมากนัก ในช่วงแรกเธอกรีดหนังกำพร้าเพียงเล็กน้อย แต่เลือดไหลออกมาไม่มากนัก ดังนั้นเธอจึงใช้แรงเล็กน้อยใครจะรู้ว่าเพราะการสั่นของมือเธอจะ …
รู้สึกเหมือนว่าเธอเดินไปถึงประตูนรกจริงๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หานเส่โยวก็กลัวอยู่พักหนึ่งเบ้าตาก็เริ่มแดงด้วยแล้วน้ำตาก็ร่วงหล่น หานชิงเห็นท่าทางเช่นนี้แบบเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ถามเธอแค่นี้ก็ร้องไห้แล้วเหรอ ตอนฆ่าตัวตายเธอเอาความกล้านั้นมาจากไหน”
“พี่ใหญ่ …” หานเส่โยวเรียกเขาด้วยเสียงแอ๊บแบ๊ว หานชิงมองท่าทางแบบนี้ของเธอ เพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดไม่ได้มีความรู้สึกทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อย แต่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งและเขาอ่านยาก
“ฉัน … ฉันผิดไปแล้ว พี่ใหญ่อย่าโกรธเลย” หานเส่โยวรู้ดีว่าหานชิงไม่ใช่คนที่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ด้วยการร้องไห้ สิ่งเดียวที่จะรับมือกับเขาได้คือสารภาพความผิดไปโดยเร็วดังนั้นเธอจึงรีบขอโทษหานชิง
“คุณหาน คุณหนูเสิ่นมาแล้วค่ะ”
เสียงซูจิ่วรายงานดังมาจากนอกประตูและเมื่อได้ยินชื่อเสิ่นเฉียว สีหน้าของหานเส่โยวก็ซีดขาวทันที พูดเสียงดัง “ไม่ ฉันไม่อยากเจอเธอ”
ทันใดนั้นเธอก็แทบจะกรีดร้องออกมาเสียงนั้นแหลมสูงจนคนทั้งภายในและภายนอกห้องตกใจ หานชิงเลิกคิ้ว “จะไม่เจอเหรอ”
“ใช่” หานเส่โยวพยักหน้าอย่างแรง “ฉันไม่อยากเจอเธอ เลขาซูบอกให้เธอไปเสีย”
ไม่ว่าเสิ่นเฉียวและหานชิงจะเจอกันมาก่อนหรือไม่ สรุปก็คือว่าตอนนี้เธอไม่สามารถรับความเสี่ยงใดๆ ได้เลย หากยังไม่เจอกัน เช่นนั้นการกระทำของเธอครั้งนี้ก็มีความหมายและจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาพบกัน
ถ้าได้พบกันแล้วเธอก็ไม่เสียใจ
อย่างไรก็ตามยอมจะฆ่าผิด ดีกว่าที่จะปล่อยมันไป
จู่ๆ หานเส่โยวก็พลันลุกลี้ลุกลน กระทั่งสายตาและการเคลื่อนไหวร่างกายของเธอก็ราวกับเป็นไปด้วย ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหานชิง เขาขมวดคิ้วเมื่อวานเสิ่นเฉียวทำกับหานเส่โยวราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ กังวลว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอคอยเฝ้าอยู่ตลอด ขนาดว่าตอนกลับยังราวกลับหมดเรี่ยวแรงแต่หานเส่โยวนั้นไม่เหมือนกัน
ทัศนคติของทั้งสองที่มีต่อกันกล่าวได้ว่าตรงกันข้าม
เสิ่นเฉียวที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยินเสียงหานเส่โยวชัดเจน ซูจิ่วหันกลับมามองเธออย่างอึดอัด
“คุณหนูเสิ่น…คุณหนูเส่โยว เธอ…”
เสิ่นเฉียวสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อยก้มศีรษะลงและกัดริมฝีปากล่างราวกับว่ากำลังอดกลั้นบางอย่างหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและยิ้มอย่างอ่อนแรง “ร่างกายของเธอยังอ่อนแออย่าให้เธอวิตกมากนัก ในเมื่อเธอไม่อยากเจอฉันในตอนนี้ฉันจะกลับไปก่อน”
หลังจากพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ไม่สนใจว่าซูจิ่วมีปฏิกิริยาอย่างไร หันหลังกลับและจากไป
ประตูแง้มอยู่ แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายสามารถได้ยินบทสนทนาฝ่ายตรงข้าม
หลังจากหานเส่โยวได้ยินเธอพูดว่าจะจากไป ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแสดงมันบนใบหน้าของเธออย่างเป็นธรรมชาติ แต่เมื่อเธอผ่อนคลายลงเธอสังเกตเห็นว่ามีสายตาแหลมคมจ้องมองมาที่เธอ หานเส่โยวมองไปและพบว่าสายตาของหานชิงจ้องมองไปที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็น
หานเส่โยวจู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าและพูดติดอ่าง “พี่ใหญ่ฉันแค่ไม่อยากเจอเธอตอนนี้ฉัน …”
“ไม่ต้องอธิบาย” หานชิงลุกขึ้นยืนและเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า “ฉันไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างผู้หญิงของพวกเธอ แต่ …” เขาชะงักแล้วชั่วครู่ก็พูดอย่างเย็นชา “เมื่อวานนี้เธอมาส่งเธอไปโรงพยาบาลโดยไม่คำนึงถึงอะไร ไม่ว่าทั้งความรู้สึกหรือหลักเหตุผลยังไงก็ควรพูดขอบคุณกับเธอสักคำ บ้านตระกูลหานสอนให้เธอเป็นแบบนี้เหรอ”
หานเส่โยวหน้าซีด “พี่ใหญ่ ฉัน…”
หานชิงหันหลังและเดินออกไป
“พี่ใหญ่”
หานเส่โยวตะโกนและอยากจะกระโดดลงจากเตียงให้ทัน แต่ก้าวเท้าของหานชิงเร็วมากเขาออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแล้วบอกซูจิ่ว “คอยดูเธอให้ดีอย่าปล่อยให้ไปไหน”
“ค่ะ คุณหาน” ซูจิ่วเดินเข้ามาและปิดประตู แต่หานเส่โยวกลับรีบโผตามมาทัน
“คุณหนูเส่โยวคุณหานบอกว่าตอนนี้ร่างกายของคุณอ่อนแอ ควรนอนลงบนเตียงและพักผ่อน”
“ไม่ พี่ใหญ่เข้าใจฉันผิด ฉันจะต้องอธิบายให้พี่ใหญ่ฟัง” หานเส่โยออกแรงผลักซูจิ่ว แต่อย่างไรเสียเธอก็อ่อนแอมากและเธอก็ถูกซูจิ่วผลักกลับไปนั่งลงที่เตียง แล้วซูจิ่วก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายอธิบายให้เธอฟัง “คุณก็รู้จักนิสัยของคุณหานดี ถ้าคุณหนูเส่โยวยังตื๊อจะตามไปให้ได้ คุณหานจะโกรธเอานะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หานเส่โยวก็มีปฏิกิริยาทันที ใช่ นิสัยของหานชิงเป็นแบบนี้ ถ้าเธอยังจะตามไปอีกตอนนี้ เขาจะโกรธ ช่างมันเถอะ หานเส่โยวกัดริมฝีปากล่างทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา “เลขาซู เสิ่นเฉียวได้พบกับพี่ใหญ่ของฉันแล้วเหรอ” ซู่จิ่วตะลึง “อึม”
“ฉันหมายความว่าเมื่อวานนี้พวกเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เสิ่นเฉียวมาแจ้งใช่ไหม”
ซูจิ่วพูดไม่ออกอยู่นานและส่ายหัว “คุณหนูเส่โยว เรื่องที่คุณฆ่าตัวตายเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณคิดว่าคุณหนูเสิ่นจะไม่บอกพวกเราได้เหรอ แม้ว่าฉันทราบดีว่าพวกคุณเป็นเพื่อนรักกัน แต่…เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังต้องแจ้งให้ทางบ้านทราบ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เธอบอกให้พี่ใหญ่ของคุณทราบ คุณจึงโกรธคุณหนูเสิ่นจึงไม่อยากเจอเธอเหรอคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หานเส่โยวหน้าซีดขึ้นยิ่งขึ้น “ฉันแค่ไม่อยากให้พี่ใหญ่กังวล”
“… คุณหนูเส่โยว ด้วยความเคารพฉันขอพูดตามตรง คุณเลือกที่จะฆ่าตัวตายแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลไม่ใช่เหรอ หรือว่าคุณ”
“เมื่อกี้ฉันพูดผิดเอง ฉันไม่อยากให้พี่ใหญ่รู้” หานเส่โยวตอบอย่างโกรธๆ และเธอจ้องไปที่ซูจิ่ว “เธอเป็นอะไรไปทำไมถึงได้หาเรื่องฉันตลอด ความสัมพันธ์ของเธอกับเสิ่นเฉียวดีมากเลยเหรอ”
ซูจิ่ว “…”
เธอยิ้มจางๆ “คุณหนูเส่โยวล้อเล่นแล้ว ฉันกับคุณหนูเพียงแค่ทำงานด้วยกันก่อนหน้านี้ ไม่ได้นับว่าสนิทกันนัก”
แต่ว่าเธอประหลาดใจมากเมื่อหานเส่โยวฟื้นขึ้นมาจากการฆ่าตัวตายไม่เหมือนคนอยากตายและคำพูดคำจาก็ไม่เข้าท่า ทำให้รู้สึกแปลกมาก
แต่แปลกตรงไหนซูจิ่วก็ไม่ทราบ
แต่ซูจิ่วรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของเธอ