บทที่ 285 ต้องการให้คุณไขข้อสงสัย
ด้านนอกหลังจากเสิ่นเฉียวจากไป จูหยุนและลุงจินรีบเดินตามเธอไป
“คุณนายน้อย คุณไม่ได้ช่วยเธอไว้เหรอคะ ทำไมเธอไม่อยากเจอคุณ”
“ไม่เจอก็ไม่เจอ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” เสิ่นเฉียวไม่ได้ฝืนมากนัก หานเส่โยวไม่ต้องเจอเธอก็เข้าใจได้ ก็เหมือนกับแต่ก่อนที่เธอไม่อยากเจอหานเส่โยวเช่นกัน
ถ้าเธอไม่ได้พูดคำพูดเช่นนั้น คาดว่าเสิ่นเฉียวก็คงไม่ไปหาเธอที่โรงแรม ยิ่งกว่านั้นคงไม่ไปเจอว่าเธอฆ่าตัวตาย
เมื่อถึงตอนนี้ ตั้งแต่เรื่องที่เธอฆ่าตัวตายเสิ่นเฉียวก็ไม่สามารถผ่อนคลายตัวเองได้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเสียเที่ยวไม่ใช่เหรอ” จูหยุนอดไม่ได้ที่จะพ่นประโยคนี้ออกมา “ผู้หญิงคนนั้นก็จิตใจคับแคบเกินไปหรือเปล่า คุณนายน้อยช่วยเธอไว้แท้ๆปรากฏว่าแม้แต่คำพูดขอบคุณสักคำก็ไม่มียังจะมาพูดเสียงดังว่าไม่อยากเจอคุณอีก”
จูหยุนคิดว่าเสิ่นเฉียวคงจะทุกข์ใจไม่ใช่น้อย
ลุงจินมองไปที่แวบหนึ่ง แล้วหันไปส่ายหน้าหมายถึงไม่ให้เธอพูดอะไรอีก
จูหยุนรู้สึกตัวว่าตัวเองเพิ่งจะพ่นคำพูดไม่ดีออกมา รีบอธิบายแก่เสิ่นเฉียว “ขอโทษค่ะคุณนายน้อย เมื่อกี้นี้ฉันพูดผิดไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร”เสิ่นเฉียวส่ายหน้า ก้าวเดินออกไปข้างนอกอย่างต่อเนื่อง
เมื่อกำลังจะก้าวออกจากประตูโรงพยาบาลมีน้ำเสียงคุ้นเคยรั้งพวกเธอไว้ เสิ่นเฉียวหันหลังกลับมาก็เห็นหานชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่ สายตาของเขาเย็นชายืนอยู่จุดนั้นด้วยความสงบ
เขาเหรอ เสิ่นเฉียวเห็นถึงความห่วงใยจากเขา จึงเดินไปทางเขา
“คุณหาน”
หานชิงหันไปทางเธอพยักหน้า หลังจากนั้นสายตาก็ไปหยุดที่สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเธอแล้วกล่าวว่า “ไปหาที่นั่งใกล้ๆแถวนี้ไหม”
ได้ยินเช่นนั้น เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “คุณหาน”
“เธอช่วยเส่โยวไว้ในเมื่อฉันเป็นพี่ชายของเขา ยังไงเสียก็ควรขอบคุณเธอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ชั่วครู่ใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็แดงขึ้น รีบโบกมือปฏิเสธ “ก็แค่ฉันพบก่อนถ้าเป็นคนอื่นมาเจอแน่นอนว่าต้องช่วยเธอเหมือนกัน อีกอย่างฉันก็รู้จักกับเส่โยวมานาน…เป็นธรรมดาที่เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนั้นก็ต้องช่วย”
เธอไม่ได้ใช้คำพูดที่ว่าฉันกับเส่โยวเป็นพี่น้องกัน เพราะเธอรู้สึกว่า …ความสัมพันธ์ของเธอกับเส่โยวห่างไกลเกินไปแล้ว
บางทีตอนนี้ เรียกว่าพี่น้องไม่ได้อีกแล้ว
หานชิงยังคงมองดูเธออย่างสงบ “ฉันไม่ต้องการสอบถามเรื่องระหว่างพวกเธอ แต่ฉันเชื่อว่าคุณหนูเสิ่นเป็นคนจิตใจดี”
เสิ่นเฉียว “….คุณหาน”
“แต่ฉันมีคำถาม อยากให้คุณหนูเสิ่นช่วยอธิบายให้หน่อย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของหานชิงที่จ้องมองมาก็ร้อนแรงขึ้น และจูหยุนและลุงจินที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันไปมา
โอ้พระเจ้า ไม่ใช่ว่าชายคนนี้อยากจะได้คุณนายน้อยของพวกเขาหรอกใช่มั้ย ฝันไปเถอะ
“ไม่ทราบว่าที่คุณหานพูดถึงคือเรื่องอะไร”
หานชิงขยับริมฝีปาก “ฉันว่าหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
สายตาของเขายังคงจับจ้องที่ดวงตาของเธอแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาทำแบบนี้หยาบคาย แต่เขาก็อดไม่ได้
เหมือนมาก
ทุกครั้งที่เห็นเธอ หานชิงรู้สึกชัดเจนมากขึ้น เป็นความรู้สึกของสายสัมพันธ์ราวกับรู้จักกันมาก่อน หรือว่าเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างญาติที่ชี้นำเขาหรือเปล่า
เมื่อคืนวานเขาได้ข้อมูลการสอบสวนจากซูจิ่ว
เกี่ยวกับรายละเอียดประวัติทั้งหมดของเสิ่นเฉียว
เขาทนอ่านข้อมูลทั้งหมดทั้งคืน ทุกคำทุกประโยคที่เคยปล่อยผ่านไปดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเขาอ่านมาหมดแล้ว
ต่อมาเขาค้นพบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่มีนิสัยใจคอคล้ายกับคนๆนั้น แต่ยังคล้ายกันมากทั้งวิธีที่เธอพูดและจัดการกับสิ่งต่างๆถ้าไม่เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาต่างกัน เกรงว่าหานชิงจะคิดว่าพวกเขาเป็นคนเดียวกัน
มีบางอย่างในใจที่อยากแสดงออกมา แต่หานชิงไม่กล้ายอมรับ
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อคนสองคนได้
ดังนั้นเขายังคงต้องระมัดระวัง
จูหยุนเดิมทีต้องการปฏิเสธเสียงแข็ง แต่รูปลักษณ์ของหานชิงไม่ใช่คนชั่วร้ายบวกกับเสิ่นเฉียวตอบรับแล้วเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามโดยไม่โต้แย้ง และเดินตามเสิ่นเฉียวไป
เธอก็คิดว่ายังไงเสียแม้ว่าจูหยุนดูพลาดไป อีกฝ่ายไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เป็นคนเสเพลแล้วเธอกับลุงจินจะสามารถช่วยคุณนายน้อยได้ไหม
มีร้านอาหารอยู่ใกล้โรงพยาบาลสภาพแวดล้อมเงียบสงบมาก ทั้งหมดเดินเข้ามาถามหาที่นั่งริมหน้าต่างจากนั้นเสิ่นเฉียวกับหานชิงนั่งตรงข้ามกัน
จูหยุนเมื่อมองไปที่ตำแหน่งนั้น สามารถมองเห็นคนเดินไปมาด้านนอกได้
ดูเหมือนว่าหานชิงคนนี้มีข้อสงสัยและต้องการให้แก้ข้อข้องใจปัญหา และไม่น่าใช่ความคิดที่ชั่วร้ายอะไร
คิดได้เช่นนั้นจูหยุนก็โล่งใจ
พนักงานของร้านอาหารมาเสิร์ฟชา ส่วนหานชิงและเสิ่นเฉียวสั่งอาหารจานเล็กสองสามอย่าง พนักงานก็หยิบเมนูและจากไป
“บรรยากาศที่นี่ไม่เลวเลย”
เสิ่นเฉียวมองไปรอบๆ แล้วกล่าวชม “คิดไม่ถึงว่าจะเจอที่เงียบๆแบบนี้ในย่านที่มีเสียงดังใกล้โรงพยาบาล”
หานชิงไม่ได้พูด เขาลดสายตาลงและขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
เสิ่นเฉียวเห็นว่าเขาเงียบจึงเงียบโดยไม่พูดอีก
หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์ได้ไม่กี่นาที หานชิงก็ยกมือขึ้นหยิบรูปถ่ายจากกระเป๋าเสื้อออกมาวางไว้ตรงหน้าเสิ่นเฉียว
“คุณหนูเสิ่นรู้จักของแบบนี้ไหม”
ของอะไร
เสิ่นเฉียวเอื้อมมือไปถ่ายรูปอย่างสงสัย
ในภาพแสดงให้เห็นล็อกเกตนำโชคสีทอง ซึ่งดูเหมือนจะไม่ต่างจากที่เธอมักจะเห็น เธอยิ้ม “ขอถามคุณหาน ล็อกเกตนำโชคนี้มีอะไรพิเศษไหมคะ”
“อันที่จริงไม่มีอะไรพิเศษ” หานชิงยิ้มอย่างเยือกเย็นและเสียงของเขาก็สุขุมขึ้นอย่างมาก “มันเกือบจะเหมือนกับล็อกเกตนำโชคทั่วไป แต่ … สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับอันนี้คือวัสดุและเบื้องหลัง”
วัสดุและเบื้องหลังเหรอ
เสิ่นเฉียวอึ้งชั่วครู่อันที่จริงล็อกเกตนำโชคในรูปถ่ายใบนี้ดูแตกต่างจากปกติ
“ล็อกเกตนำโชคนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยปู่ของฉัน”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า “แต่ในรูปนี้เห็นแค่ด้านหน้า ไม่เห็นด้านหลังเลย”
พูดจบหานชิงก็ส่งรูปถ่ายให้อีกใบคราวนี้เป็นด้านหลังของล็อกเกตนำโชค
ตอนแรกเสิ่นเฉียวมองไม่เห็นความแตกต่าง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินจูหยุนอุทานว่า “คุณนายน้อยมีคำสลักอยู่ด้านหลัง”
เสิ่นเฉียวก็สังเกตเห็นคำสองคำสลักอยู่ด้านหลัง
มู่จื่อ
“สองคำนี้หมายความว่าอย่างไร”
จูหยุนถามอย่างสงสัย ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจความหมายของหานชิง ที่แท้เขาอยากถามคุณนายน้อยเกี่ยวกับล็อกเกตนำโชคที่หายไป แต่เหตุผลล่ะ ปกติคุณนายน้อยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จะรู้ได้อย่างไร
มู่จื่อเหรอ
เสิ่นเฉียวมองสองคำนี้ แค่รู้สึกแปลกๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองหานชิง “คุณหานจู่ๆก็ถามว่า…เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
หานชิงรู้สึกแค่ว่าคำพูดที่ออกจากลำคอมลายหายไปและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลืนมันกลับไปและเปลี่ยนประโยคพูดใหม่
“คุณหนูเสิ่นไม่เคยเห็นล็อกเกตนำโชคนี้มาก่อนเหรอ”
เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัว