บทที่ 287 เผด็จการจริงๆ
แล้วน้องสาวก็หายไปจริงๆ
แต่เขาไม่สามารถหาเธอได้โดยอาศัยปานนี้ แม่ของเขาฝากความหวังไว้ที่เขา
ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตความปรารถนาของเธอคือการได้พบน้องสาวคนนี้
เขาหาเจอในเวลาต่อมาและยังพาหานเส่โยวไปที่หลุมศพของแม่ แต่เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จนกระทั่งเขาได้พบกับเสิ่นเฉียว ถึงได้รู้ว่าอะไรไม่ถูกต้อง
บางทีในตอนแรกเขาอาจจะหาผิดคนหานเส่โยวไม่ใช่น้องสาวที่เขาตามหา คนที่เขาตามหาคือคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
เสิ่นเฉียว——
แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันและแม้ว่าการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดจะยังไม่มีความคืบหน้า แต่เขาก็รู้สึกราวกับจะบ้าคลั่งว่าลึกๆ แล้วคนคนนี้คือน้องสาวที่เขาตามหา
บางครั้งเขาก็สงสัยว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นเธอเพียงครั้งเดียวแล้วเขาก็เริ่มขอให้ซูจิ่วตรวจสอบข้อมูลของเธอและจ้องมองเธอเหมือนคนโรคจิต
เพียงเพราะเธอทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนนั้นๆ
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะบ้า แต่หานชิงในตอนนี้ก็ยังไม่อยากยอมรับเขารู้สึกแค่ว่าเขาแค่อยากจะทำความปรารถนาที่แม่ของเขาต้องการให้สำเร็จซึ่งก็เป็นเรื่องฝังใจของเขามาตั้งแต่เด็ก
เขาตามหาน้องสาวตลอดเวลา
ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาแม้จะได้พบกับหานเส่โยวเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของเขายังไม่ยอมปล่อยวาง
แม้ว่าข่าวทั้งหมดจะถูกต้อง แต่ความรู้สึกนั้นไม่ถูกต้อง
“ช่างเถอะ มันไม่มีอะไร” หานชิงเม้มริมฝีปากบางๆ แต่สุดท้ายก็อดถามไม่ได้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอตกใจกลัวหลังจากถาม อาจจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้เส่โยวตื่นตระหนก
เสิ่นเฉียวงุนงง เธอไม่เข้าใจการแสดงออกที่ยุ่งเหยิงบนใบหน้าของหานชิงเช่นเดียวกับความเจ็บปวดลึกๆ ที่แฝงอยู่ในแววตาของเขา ราวกับร่างกายของเขาแผ่ความรู้สึกซับซ้อนยุ่งเหยิง ขนาดที่ว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ก็ยังสามารถรู้สึกได้เลย
เดิมทีเธอคิดว่าเขาจะถาม แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะยังคงเก็บงำต่อไป
เสิ่นเฉียวสงสัยมาก คำถามแบบไหนที่ทำให้เขายากจะพูดออกมาขนาดนี้ ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตอนนี้ของเสิ่นเฉียวถูกเขาทำให้ต้องถอดใจไปจึงถามแค่ว่า “คุณหานมีอะไร … ไม่สะดวกหรือเปล่าคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของหานชิงก้มลงจ้องมองที่ตาของเธอและในที่สุดก็ยิ้มอย่างขมขื่น “มันไม่มีอะไร เรื่องนี้ … ฉันจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง”
เสิ่นเฉียว “…”
ดูเหมือนว่าวันนี้เธอก็ไม่ได้คำตอบ
เสิ่นเฉียวไม่ได้คิดมากแต่พยักหน้า “ช่างเถอะค่ะ”
อาหารค่อยๆ ทยอยมา แต่หานชิงไม่ได้มีความอยากอาหาร เขาแค่ยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาของนาฬิกาและพูดว่า “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการที่บริษัท…”
เสิ่นเฉียวรีบพูดว่า “งั้นคุณหานไปทำธุระเถอะค่ะ ฉันจะอยู่ทานอะไรสักหน่อย”
“ได้”
หานชิงลุกขึ้นพยักหน้าให้เสิ่นเฉียวแล้วเดินไปที่แผนกต้อนรับเพื่อชำระเงินจากนั้นก็ออกจากร้านอาหาร
ทันทีที่เขาจากไปจูหยุนและลุงจินก็เดินเข้ามาข้างๆ เธออย่างรวดเร็ว
“คุณนายน้อยคุณหานถามอะไรที่เป็นความลับเหรอคะถึงไม่ให้เราฟังด้วย ฉันเห็นว่าท่าทางเขาดูสับสนมากเมื่อจากไปเกิดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จูหยุนถามคำถามเหมือนเด็กขี้สงสัย ในวิลล่าเสิ่นเฉียวรู้สึกว่าเธอท่าทางสงบเสงี่ยมมากกว่านี้ ทำไมออกมาข้างนอกนี่เหมือนเด็กขี้สงสัยไปได้
เมื่อคิดเช่นนี้ เสิ่นเฉียวยิ้มเล็กน้อย “เขาไม่ได้พูดอะไร”
“ไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ” จูหยุนเบิกตากว้าง “เป็นไปได้ยังไงเมื่อกี้ฉันเห็นเขาคุยกับคุณนายน้อยตั้งมากมาย เป็นเพราะคำถามมันส่วนตัวเกินไปคุณนายน้อยจึงไม่บอกพวกเราใช่ไหมคะ”
ลุงจิน “… จูหยุน”
จูหยุนรู้ตัวยึดตัวยืนตัวตรงไม่พูดอะไรอีก
เสิ่นเฉียวกลับพูดเบาๆ “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ความจริงเขามีคำถามและอยากจะถามฉัน แต่…อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้คิดทบทวนให้ดี ในที่สุดเขาก็ยังไม่ได้ถามอะไร เราออกมาในวันนี้ก็ค่อนข้างนานแล้วอาหารที่ร้านนี้ดูดีทีเดียวมานั่งทานด้วยกันสิคะ”
จูหยุนและลุงจินสีหน้าเปลี่ยนไป “มีเหตุผลที่ไหนกัน ให้คนรับใช้ไปกินข้าวกับเจ้านาย”
“มีเจ้านายกับคนรับใช้ที่ไหนกัน พวกคุณดีกับฉันมากขนาดนี้ฉันคนเดียวก็ทานไม่หมด จูหยุนรีบเรียกลุงจินมานั่งลงมาทานด้วยกัน”
เสิ่นเฉียวเป็นคนง่ายๆ ในที่สุดทั้งสองก็ถูกเธอชักชวนจากนั้นพวกเขาก็นั่งลงเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับเธอ
ระหว่างทางกลับจู่ๆ จูหยุนก็กอดแขนเสิ่นเฉียว “คุณนายน้อยเป็นคนที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมาคุณวางใจได้เลย เรื่องในวันนี้จะไม่แพร่งพรายแก่คุณชายเย่แม้แต่นิดเดียวค่ะ”
เสิ่นเฉียว “…”
อะไรกัน จูหยุนเป็นคนตะกละหรือเปล่า ท่าทางดูเหมือนว่าง่ายขึ้นมาเฉยๆ
“เรื่องวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร หานชิงและฉันเป็นอย่างที่พวกเธอเห็นและไม่มีความสัมพันธ์พิเศษใดๆ”
“อืม” จูหยุนพยักหน้าแรงๆ “คุณนายน้อยไม่ต้องกังวลจูหยุนและลุงจินดูออก ที่หานชิงคนนั้นกระทำต่อคุณก็ไม่มีเจตนาอื่น น่าจะเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ”
“ก็แค่…ดูเหมือนเขาจะมีความรู้สึกพิเศษให้คุณ แต่…ฉันบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร …”
ได้ยินแบบนี้เสิ่นเฉียวก็เงียบ คิดไม่ถึงว่าจูหยุนพบหานชิงครั้งแรกก็มีความรู้สึกแบบนี้ เธอคิดมาตลอดว่าเธอเป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่เพราะมันเป็นความเห็นส่วนตัวของเธอ เธอจึงไม่กล้าพูดออกมามากมาย กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเธอคิดมากเกินไป
ความรู้สึกพิเศษเช่นนั้นเสิ่นเฉียวก็รับรู้ได้เช่นกัน
มันเหมือนกับการดูแลจากพี่ชาย
ต่อมาเธอบอกตัวเองว่าน่าจะเป็นเพราะเธอกับเส่โยวเป็นเหมือนพี่น้องกันและหานชิงเป็นพี่ชายของเส่โยว เธอจึงรู้สึกแบบนี้
เส่โยว……
เมื่อนึกถึงเธอ ดวงตาของเสิ่นเฉียวก็มืดมนอีกครั้ง
นั่นก็เป็นอีกปัญหาของเธอ
ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายเมื่อไหร่ เย่โม่เซินยังไม่ได้แจ้งข่าวคราวให้เลย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งกับเขา
คืนนั้นเย่โม่เซินก็กอดเสิ่นเฉียวเข้านอนอีกครั้ง
ท่ามกลางความมืดการหายใจของเสิ่นเฉียวไม่สม่ำเสมอและหน้าอกของคนที่อยู่ข้างหลังก็ไม่สม่ำเสมอเช่นกัน “เป็นอะไรรึเปล่า ยังไม่นอนเหรอ”
เสิ่นเฉียวกระพริบตาในความมืด ทันใดนั้นก็หันกลับมาและหมุนตัวไปในอ้อมแขนของเย่โม่เซิน
เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่โม่เซินและร่างอ่อนนุ่มก็ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งทำให้เขาเม้มริมฝีปากและริมฝีปากบางของเขาก็ประกบลงบนเส้นผมของเธอ “นอนไม่หลับเหรอ”
“อืม…” เสิ่นเฉียวตอบอย่างตกตะลึง
ขณะที่เย่โม่เซินเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยื่นมือใหญ่ไปที่เอวของเธอและลูบมันเบาๆ เสียงต่ำราวกับเชลโล่ที่ดึงออกช้าๆ เจือด้วยความเซ็กซี่
“ในเมื่อนอนไม่หลับงั้น… เรามาทำอะไรที่น่าสนใจดีไหม”
คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเงียบไปสักพัก จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมาและออกแรงทุบหน้าอกของเขา เย่โม่เซินยิ้มตาหยีจุกที่โดนทุบจากนั้นก็ถือโอกาสกอดเธอแน่นขึ้น “แค่พูดเอง ทำไมถึงโกรธจนอายขนาดนี้”
“ไม่อนุญาตให้คิดมั่วซั่ว” เสิ่นเฉียวอู้อี้
“คิดไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้”
“เผด็จการนี่นา” เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอีกครั้ง แต่เขาชอบ …