บทที่ 289 หันหลังให้กัน
ประโยคนี้เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจเสิ่นเฉียว
เธอไม่ได้คาดหวังให้หานเส่โยวพูดตรงๆ แบบนี้ออกมาและน้ำเสียงก็ไม่เบานัก
เธอหันหน้าด้วยความตื่นตระหนกมองไปที่ประตูห้องผู้ป่วย
“เฉียวเฉียว เธอกลัวใช่ไหม เพราะเธอกำลังตั้งท้องลูกของเย่หลิ่นหาน ดังนั้นแม้ว่าเธอกับเย่โม่เซินจะอยู่ด้วยกัน ไม่มีทางที่ใจของเธอจะมั่นคง ถ้า…ฉันหมายถึงถ้า ถ้าเย่โม่เซินรู้ว่าเธอกับเย่หลิ่นหานมีอะไรกันล่ะก็ เธอคิดว่าเขาจะทนเธอได้ไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ เธอมองไปที่หานเส่โยว “แล้วยังไงล่ะ เธอจะบอกเรื่องนี้กับเขาเหรอ หรือว่า เธอคิดว่าฉันหย่ากับเย่โม่เซินงั้นเหรอ”
หานเส่โยวส่ายหน้า ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เธอเข้าใจฉันผิด เฉียวเฉียว ตราบใดที่เธอไม่เต็มใจ ให้ตายยังไงฉันก็จะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉียวเฉียวพวกเราเป็นเหมือนพี่น้อง …แต่ไหนแต่ไรมาคิดจะทำเพื่อเธอมาโดยตลอด เธอดูนี่ …”
จู่หานเส่โยวก็ยื่นสัญญาฉบับหนึ่งให้เสิ่นเฉียว
เดิมทีเสิ่นเฉียวไม่สนใจ แต่เมื่อเธอเห็นชื่อบนสัญญาใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันทีและการหายใจของเธอก็เร็วขึ้น “ทำไมสัญญาฉบับนี้ถึงอยู่กับเธอ”
หานเส่โยไม่ได้พูด แต่มองเธอด้วยแววตาขี้ขลาด
นี่คือหนังสือสัญญาหย่าร้างที่เธอเซ็นกับเย่โม่เซิน แต่ทำไมถึงมาอยู่กับหานเส่โยวที่นี่ได้ นี่มันเรื่องอะไร
เป็นไปได้ไหมว่า…เย่โม่เซินบอกว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เธอ นั่นคือหนังสือสัญญาหย่าร้างงั้นเหรอ
“เฉียวเฉียว ฉันรู้ว่าเธอมีความรักที่ลึกซึ้งกับโม่เซิน แต่ …ความรู้สึกไม่สามารถบังคับได้ แต่ไหนแต่ไรมาเขา…ไม่ได้ชอบเธอเลย ถ้าเขารู้ว่าลูกของเธอเป็นของเย่หลิ่นหาน เขาคงจะเกลียดเธอ แทนที่จะร่วมทนทุกข์กับคนอื่นแบบนี้ จะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเผชิญมันกับเย่หลิ่นหาน เย่หลิ่นหานชอบเธอจริงๆ”
“หยุดพูดได้แล้ว” เสิ่นเฉียวขัดเธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นมาสอนว่าฉันต้องเลือกทำอะไร ฉันอยู่กับใครก็ได้ที่ฉันชอบอยู่ด้วย เธอยังบอกว่าความรู้สึกบังคับไม่ได้ แล้วทำไมฉันต้องบังคับตัวเองให้อยู่กับเย่หลิ่นหานล่ะ หานเส่โยว เรามักจะเรียกตัวเองว่าพี่น้องกัน เธอบอกว่าทำเพื่อฉัน แต่เธอเคยถามฉันไหมว่าฉันอยากจะอยู่กับเย่หลิ่นหานหรือเปล่า เธอรู้แค่ว่าเขาชอบฉัน แต่เธอกลับไม่เคยถามฉันว่าฉันชอบเขาไหม แม้ว่าเธอจะรู้ เธอก็ยังยืนยันที่จะให้ฉันอยู่กับเขาให้ได้ พูดให้สวยหรูว่าทำเพื่อฉัน แต่ … ความจริงเธอทำไปก็เพื่อความเห็นแก่ตัวของตัวเอง”
คำพูดของเธอทำให้หานเส่โยวตะลึงมากจนจ้องไปที่เธออย่างว่างเปล่า “เห็น เห็นแก่ตัว”
“ถ้าเธอไม่เห็นแก่ตัว เธอจะรู้ว่าพฤติกรรมของเธอก็ไม่ต่างจากการบังคับฉัน อย่างไรก็ตามสมองของเธอตอนนี้ก็ถูกมัวเมาด้วยอารมณ์ในใจของเธออย่างเต็มที่ ดังนั้นเธอจึงเจตนาจับคู่ฉันกับเย่หลิ่นหาน ฉันพูดถูกไหม”
“เฉียวเฉียว”
“วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพบเธอเส่โยว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหลังจากนี้ มันไม่มีผลอะไรกับฉัน เธอดีกับฉันมาก แต่…ฉันก็ไม่ได้แย่กับเธอ ความผูกพันแต่ไหนแต่ไรมาก็มอบให้กัน ดังนั้นฉันไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณเธอและฉันช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อวานดังนั้นฉันจึงไม่เป็นหนี้อะไรเธอเลยครั้งหน้าฉันจะไม่เจอเธออีก”
หลังจากพูดจบเสิ่นเฉียวก็หันหลังและเดินออกไป
เธอต้องไม่เห็นอกเห็นใจคน มิฉะนั้น…หัวใจของเธอจะสั่นไหวได้อย่างง่ายดายโดยหานเส่โยว
“ถึงแม้ว่าวันหนึ่งเย่โม่เซินจะถือสัญญานี้มาบอกเลิกกับเธอ เธอจะไม่สนใจเหรอ เฉียวเฉียวเธอบอกว่าฉันเห็นแก่ตัว แต่ฉันจะทำอย่างไรก็ไม่ใช่เพื่อเธอ ถ้าเขาหย่ากับเธอจริงๆ ถึงตอนนั้นเธอจะทำอย่างไรถึงจะดีล่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ” เสิ่นเฉียวยิ้มจางๆ “งั้นก็รอให้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ยิ่งกว่านั้นมันเป็นเรื่องของฉันแล้ว ฉันมีความสามารถที่จะจัดการมันได้”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังก้าวจากไป หานเส่โยวรู้สึกสับสนและกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วไปกอดมือเธอ “อย่าไปเลยเฉียวเฉียวมันเป็นความผิดของฉันเอง … แต่ฉันขาดโม่เซินไม่ได้จริงๆ เขาไม่ชอบเธอ เธอจะปล่อยเขามาหาฉันได้ไหม ฉันขอร้องเธอสักครั้ง”
“เธอพูดอะไร” เสิ่นเฉียวคิดว่าเธอได้ยินผิด เธอจ้องมองหานเส่โยด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ “พูดอีกครั้งสิ”
“ฉันขอโทษเฉียวเฉียว ฉันรู้ว่าคำขอนี้มากเกินไป แต่ฉันขาดเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ฉันจะเอาแต่นึกถึงเขา เมื่อวานนี้เธอไม่ควรช่วยฉันและปล่อยให้ฉันตายจะได้จบๆ ไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เสิ่นเฉียวหัวเราะ แล้วก็สบสายตามองไปที่หานเส่โยวอย่างเย้ยหยัน แต่รอยยิ้มนั้นเหมือนเยาะเย้ยตัวเองมากกว่า “เธอโทษฉันเหรอ เพราะฉันช่วยเธอเหรอ หรือว่าเธอกำลังคุกคามฉันด้วยชีวิตของเธอ”
“เฉียวเฉียว…ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ฉันชอบเขาจริงๆ ตอนนี้เธอท้องแล้ว เย่หลินหานก็ชอบเธอมากขนาดนี้ อย่างนั้นเปลี่ยนมาชอบอีกคนไม่ดีเหรอ เย่หลินหานต่างหากที่มอบความสุขให้เธอได้”
“เอาอะไรมาบอกว่าเขาสามารถให้ความสุขกับฉันได้ ฉันต้องยอมรับความสุขแบบนี้ด้วยเหรอ เส่โยว เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
“เฉียวเฉียว เธอปล่อยเขามาให้ฉันเถอะ” หานเส่โยวท่าทางราวกับโดนของ ไม่ตอบเสิ่นเฉียว เพียงแต่ยังคงกอดขาของเธอและพร่ำให้เธอปล่อยเย่โม่เซินให้กับเธอซ้ำๆ
เสิ่นเฉียวพยายามดึงขาของตัวเองออกมาจากฝ่ามือของเธอ แต่หานเส่โยวก็เหมือนจะตัดสินใจกอดเธอไว้แน่น กอดขาเธออย่างเอาเป็นเอาตายขอร้องเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“เฉียวเฉียวฉันรู้จักกับเธอมานาน ความใส่ใจที่ฉันมีต่อเธอ เธอก็รู้ดี ฉันไม่เคยขอร้องอะไรจากเธอ ขอเพียงครั้งนี้ที่ปล่อยเย่โม่เซินให้ฉันเถอะ เฉียวเฉียวถ้าไม่มีเขาฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่รอดจริงๆ”
หานเส่โยวเอาแต่ร้องไห้ เธอร้องไห้จนน่าสงสารโดยไม่รู้ตัวว่าเสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่บนแก้มขาวของเธอก็มีน้ำตาเต็มหน้าอยู่เช่นกัน เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น
“เธอกำลังเอาชีวิตของตัวเองมาขู่ฉันเหรอ มิตรภาพของเราพังทลายไปหมดแล้ว เพราะผู้ชายคนเดียว เธอไม่ต้องการมิตรภาพระหว่างเราแล้วใช่มั้ย”
“ไม่” หานเส่โยวส่ายหัวแรงๆ “ขอเพียงเธอสัญญาว่าจะปล่อยเย่โม่เซิ่นให้ฉัน พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้อีก เฉียวเฉียว วันข้างหน้าพวกเราจะดีกับเธอ ลูกของเธอที่เกิดมา…ฉันจะดูแลและถือว่าเป็นลูกของฉันเองจากนี้ไปเธอจะเป็นน้องสาวของฉันและฉันจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี”
หลังจากฟังคำเหล่านี้เสิ่นเฉียวก็เข้าใจความคิดของหานเส่โยวแล้ว
บางทีเธออาจจะชื่นชอบเย่โม่เซินอย่างลึกซึ้งมากจริงๆ
“พูดได้ดีจริงๆ” เสิ่นเฉียวหัวเราะเบาๆ แต่น้ำตายังไหลอยู่บนใบหน้า เธอไม่ได้ก้มหน้าลง
เมื่อก่อนมีแค่หานเส่โยวที่เธอกล้าให้เห็นน้ำตาของเธอ แต่ตอนนี้…เธอกลับรู้สึกว่าถ้าเธอปล่อยให้หานเส่โยวเห็นน้ำตาของตัวเอง น่าจะทำให้เธอหัวเราะออกมา
หัวใจของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยเย่โม่เซิน
“แต่…เธอคิดแค่ว่าเธอชอบเย่โม่เซินแค่ไหน แต่เธอกลับไม่ได้คิดว่าฉันรู้สึกยังไง”
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอจะชอบผู้ชายคนเดียวกันกับหานเส่โยวและหานเส่โยวจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพราะชายคนนี้