บทที่ 297 ที่แท้ฉันมองคนผิดไปเหรอ
“จริงเหรอ?” เสี่ยวเหยียนเลิกคิ้วอย่างดีใจ: “รองประธานเย่ ขอบคุณมากจริงๆ”
“แต่ว่า…” เย่หลิ่นหานกลับพูดอย่างกะทันหัน เขามองเสี่ยวเหยียนแล้วถามอย่างเจาะลึกว่า: “ในเมื่อเป็นเพียงเรื่องเล็กขนาดนี้ ทำไมเฉียวเฉียวถึงปฏิเสธที่จะรับการช่วยเหลือจากผม?”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่เปิดเผยความลับ จึงตอบเพียงแค่ว่า: “เพราะเธอได้รับความช่วยเหลือจากคุณมามาก เธอบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องเงินสามแสนแล้ว รองประธานเย่ เฉียวเฉียวน่ะ คุณช่วยเธอแค่นิดเดียวเธอก็จดจำไว้ในใจมาโดยตลอดหลังจากนั้นก็เตือนตัวเองเสมอว่าจนเป็นนิสัยว่าติดหนี้ใครบางคนอยู่ ดังนั้นเธอเลยไม่หวังความช่วยเหลือจากคุณ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจจิตใจของเธอ”
พอฟังเสร็จ เย่หลิ่นหานก็ดูเหมือนจะคิดว่ามีเหตุผล หลังจากที่ตนช่วยเธอโดยการให้เงินสามแสนกับคุณแม่ของเธอ เธอก็มีท่าทางที่ลำบากใจมากทุกครั้งที่เจอหน้าตน คงเป็นเพราะเงินสามแสนนั่นสินะ
“เงินสามแสนนั่น แต่ไหนแต่ไรมาผมก็ไม่เคยคิดที่จะให้เธอคืนผม” “คงเป็นเพราะแบบนี้ เลยทำให้เธอยิ่งลำบากใจ” เสี่ยวเหยียนมองเย่หลิ่นหานอย่างตั้งใจ แล้วสูดหายใจ: “ ถึงแม้ว่าฉันกับเสิ่นเฉียวจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นิสัยของเธอกลับเรียบง่ายมาก เป็นคนที่เอาจริงเอาจัง ดื้อรั้นและหัวแข็ง เธออยู่ในกรอบ แค่ในโลกของเธอ คุณก็คงจะมองออกสินะเพราะรองประธานเย่มีใจที่อยากจะช่วยเธอ แต่นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกละอายใจมากขึ้น”
สายตาเย่หลิ่นหานจ้องมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างอ่อนโยนมากขึ้น คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเข้าใจเสิ่นเฉียวได้มาก
“เธอไม่ได้ละอายใจต่อผม แต่แค่กลัวว่าเป็นหนี้ผมมากเกินไป แล้วจะหาทางชดใช้ให้ไม่ได้แค่นั้น”
“ใช่แล้ว ความจริงฉันก็รู้ เดิมทีฉันรู้สึกลำบากใจที่มารบกวนรองประธานเย่ แต่ว่าฉันนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร”
เพราะฟังถึงตอนนี้ เย่หลิ่นหานก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย: “เป็นเกียรติของผม ที่ได้รับใช้คุณผู้หญิงทั้งสอง”
“พอแล้ว เรื่องนี้ก็เล่าให้คุณฟังถึงเท่านี้ ฉันต้องรีบไปอธิบายกับเสิ่นเฉียวแล้ว”
“อืม ส่งให้ผมเถอะ” เย่หลิ่นหานพยักหน้า: “ผมจะรีบนำข้อมูลมาบอกคุณ”
“ขอบคุณค่ะรองประธานเย่”
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนจากไป นิ้วเรียวยาวของเย่หลิ่นหานก็เคาะที่โต๊ะเบา ๆ เขานั่งนิ่ง ๆ มองชามสองใบบนโต๊ะด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด
สีท่าเรื่องนี้…มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ดูแล้วเขาคงจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด บางที…อาจจะตรวจเจออะไร
เสิ่นเฉียวนั่งรถกลับไปที่วิลล่าไห่เจียง เธอเพิ่งจะกลับถึงวิลล่าไม่นาน จูหยุนก็มาบอกเธอว่าเสี่ยวเหยียนมาหาเธอ แล้วยังถามเธอแปลก ๆ: “คุณนายน้อย ตอนเช้าคุณออกไปกับเสี่ยวเหยียนไม่ใช่หรือ? แล้วทำไม…”
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจูหยุนที่คิดมากเกินไป เสิ่นเฉียวจึงบอกแค่: “เธอคงจะลืมของแล้วล่ะมั่ง พาเธอเข้ามาเถอะ”
สุดท้ายจูหยุนก็พาเสี่ยวเหยียนเข้ามาหลังจากนั้นก็เดินจากไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบ เสิ่นเฉียวค่อย ๆ เดินลงมาทางนี้อย่างเงียบ ๆ พอเสี่ยวเหยียนเห็นเธอ ก็รีบเข้ามากอดแขนของเธอ: “เฉียวเฉียว เธอยังโกรธฉันอยู่ไหม? เรื่องนี้แก้ไขได้แล้ว เธออย่าโกรธเลยได้ไหม?”
“เรื่องนี้แก้ไขได้แล้ว?” เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น: “สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังเอาเรื่องนี้ไปบอกเขา?”
เสี่ยวเหยียนหน้าซีด แล้วรีบอธิบายให้เสิ่นเฉียว: “เธออย่าเข้าใจผิด ฉันแต่งเรื่องไปแล้ว เขาไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่นอน”
“เธอโง่หรือเปล่า? ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งเรื่องอย่างไร ผลก็ยังเหมือนเดิม”
“แต่ว่า…”
“เธอคิดว่าคนอื่นเขาจะโง่เหรอ? เรื่องนี้ถ้าเธอเอาไปพูดให้คนอื่นฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ ยิ่งพูดกับเย่หลิ่นหานแล้วด้วย เขาเป็นคนฉลาดขนาดนั้น คิดว่าไม่ต้องเดาก็คงจะพอรู้เรื่องแล้ว”
พอฟังจบ เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง: “คงไม่ใช่หรอกนะ คนธรรมดาจะเดาเรื่องนี้ได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นพี่น้องของคุณชายเย่ ไม่น่าจะนึกถึงได้”
“นึกไม่ถึง เขาจะตรวจสอบไม่ได้เหรอ?” เสิ่นเฉียวมองเธออย่างจนปัญญาแวบหนึ่ง สูดหายใจแล้วเอ่ย: “เธอไม่รู้ว่าเย่หลิ่นหานเป็นคนอย่างไรเขาไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เธอคิดขนาดนั้น”
ที่สำคัญคือเขาปลอมตัวเก่งเกินไปแล้ว ถ้าเป็นคนนอก คงไม่รู้แน่ ๆ ว่าเย่หลิ่นหานเป็นคนอย่างไร คำพูดในครั้งนั้นของนายท่านทำให้เฉียวเฉียวรู้ว่าพวกเขาเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว ยังมีประโยคนั้นที่เย่หลิ่นหานพูดกับเธอในครั้งก่อน จึงทำให้เธอรู้ว่าเย่หลิ่นหานไม่ได้อ่อนโยนเหมือนกับใบหน้าของเขา แถมเขายังไม่ใช่คนที่เรียบง่ายขนาดนั้น สิ่งที่เสี่ยวเหยียนพูดกับเขาในครั้งนี้ จะทำให้เขาสังเกตเห็นอะไรอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเขาจะตรวจสอบแน่ ๆ
“ที่แท้ฉันมองคนผิดไปเหรอ?” เสี่ยวเหยียนก้มหน้าลงและพูดพึมพำ: “บางทีฉันอาจจะไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นคนแบบไหน? แต่สายตาที่เขามองเธอนั้นไม่ผิดแน่ ฉันรู้แค่ว่า เขาไม่มีทางทำร้ายเธอ“
เสิ่นเฉียวยิ้มเบา ๆ: “บางทีเจตนาดีก็ทำเรื่องร้ายได้นิ? เรื่องนี้ก็พอแค่นี้แหละ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
“งั้น…เธอคงไม่โกรธฉันแล้วใช่ไหม? เฉียวเฉียว ฉันแค่อยากช่วยเธอคิดจริง ๆ นะ”
พอมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ตรงหน้า เสิ่นเฉียวก็รู้สึกจนปัญญาทันที บอกตามตรง แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนอยากทำดีเพื่อเธอ ถึงแม้ว่าระหว่างทางเธอจะพยายามยับยั้งอย่างสุดความสามารถ แต่คิดไม่ถึงว่าผลจะออกมาเหมือนเดิม
“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องโกรธแล้วล่ะ” เสิ่นเฉียวพูดเสียงเบา
ยิ่งเห็นเธอไม่โกรธ แบบนี้ยิ่งทำให้เสี่ยวเหยียนกลัวขึ้นไปอีก เสี่ยวเหยียนก้าวเข้าไปดึงมือเธอ “เฉียวเฉียว…”
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว เธอกลับไปก่อนเถอะ”
เสี่ยวเหยียน: “ฉัน…”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอ” คำพูดต่อมาของเสิ่นเฉียวกลับทำให้เสี่ยวเหยียนดีอกดีใจ เธอยิ้มแย้มออกมา: “พรุ่งนี้เธอจะมาหาฉันจริงเหรอ? เธอไม่โกรธฉันแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวจนปัญญา: “เมื่อครู่เป็นฉันที่ตื่นเต้นเอง ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อฉัน ฉันจะให้ลุงจินไปส่งเธอ”
หลังจากนั้นเสิ่นเฉียวก็ให้จูหยุนพาเสี่ยวเหยียนไปหาลุงจิน ก่อนจะไปเสี่ยวเหยียนมากอดเธอ ขอให้พรุ่งนี้เธอต้องไปหาหล่อน เสิ่นเฉียวจึงตอบรับไป
รอเสี่ยวเหยียนกลับไป เสิ่นเฉียวก็มองไปที่ค่ำคืนอันไม่มีที่สิ้นสุดนอกหน้าต่าง กลัวว่า…หลังจากนั้นคงจะไม่สงบได้อีกแล้ว
ในความเป็นจริงแม้ว่าจะไม่ได้เจอเย่หลิ่นหาน แต่วันนี้ก็จะมาถึงไม่ช้าก็เร็วใช่ไหม?
เพียงแต่…ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
ข่าวของเย่หลิ่นหานเร็วมาก แค่สองวันก็ส่งข่าวให้เสี่ยวเหยียนแล้ว แถมยังนัดเวลาให้พวกเธอมาพูดคุยต่อหน้าด้วยกันตอนเย็น
ตอนที่เสี่ยวเหยียนโทรศัพท์หาเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้ปฏิเสธ พร้อมตอบรับ
“งั้นพวกเราเจอกันตอนเย็น ตอนกลางวันเธอไม่ต้องมาหาฉันแล้ว”
“ได้” เสิ่นเฉียวพยักหน้า
พอถึงเวลาพลบค่ำ เสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมที่จะออกไปข้างนอก แล้วก็เจอเข้ากับเย่โม่เซินที่กลับมาจากบริษัทก่อนเวลาพอดี
เย่โม่เซินที่เห็นการแต่งตัวของเธอ จึงสอบถาม: “จะไปไหน?”
เสิ่นเฉียวตะลึงไปสักพัก หลังจากนั้นพยักหน้าแล้วถาม: “ทำไมวันนี้เลิกงานเช้าขนาดนี้ล่ะ?”
เย่โม่เซินมองเธอแวบหนึ่งแล้วเม้มปากสักพักแล้วเอ่ย: “ต้องไปร่วมงานเลี้ยง”
พูดจบ เซียวซู่ก็เดินมาข้างหน้า แล้วนำกล่องส่งให้เธอ
“นี่คือ?” เสิ่นเฉียวมองกล่องอย่างลังเลแวบหนึ่ง “ส่งของอะไรมาน่ะ?”