บทที่ 298 ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
เซียวซู่นำกล่องส่งให้ตรงหน้า เสิ่นเฉียวทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับหลังจากเปิดออกก็พบว่าเป็นชุดราตรีหนึ่งชุด
“เปลี่ยนซะ ไปร่วมงานเลี้ยงกับฉัน”
เสิ่นเฉียวนิ่งไปสักพัก “แต่ว่า ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ฉันนัดกับเสี่ยวเหยียนไว้แล้ว”
พอได้ยิน เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “เวลาสองวันมานี้ที่คุณอยู่กับเธอมากพอแล้ว แค่นี้ก็ไปร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อนฉันไม่ได้เหรอ? ขอเลื่อนนัดเธอสิ?”
“แต่ว่าฉันนัดไว้แล้วนะ…” หลัก ๆ เลยคือเย็นนี้เธอมีเรื่องสำคัญมาก แต่ทำไมตอนนี้จะให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันให้ได้? ถ้าปฏิเสธเขาเลย ก็คงดูไม่ค่อยดี แต่เสิ่นเฉียวทำได้แค่ตอบอย่างวกวนกลับไป: “ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็ไปก่อน พอฉันกับเสี่ยวเหยียนรวมตัวกันเสร็จแล้วดึก ๆ หน่อยจะตามไป”
“สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่โม่เซินที่เงียบขรึมมาโดยตลอด ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมา
“อะไร?”
“ฉันกำลังถามว่า เสี่ยวเหยียนสำคัญกว่าฉันเหรอ?”
เสิ่นเฉียวยืนเหม่ออยู่ที่เดิม เหม่อมองไปที่เย่โม่เซิน นี่มันคำถามอะไรกัน? ไม่รู้ว่าทำไมเวลานี้ดวงตาที่ดุดันเหมือนเหยี่ยวคู่นั้นทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย สายตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุเข้ามาในใจคน
หรือว่า…เขาจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว?
พอคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวก็สั่นเล็กน้อย ท่าทางราวกับอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด
เป็นเวลานานกว่าที่เธอจะเอ่ยปาก: “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่…ฉันนัดเธอไว้แล้ว”
“ไปเป็นเพื่อนฉันสักครั้งก็ไม่ได้?” คิ้วของเย่โม่เซินขมวดเป็นปม แถมน้ำเสียงก็กดดันอย่างมาก ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดมาก
พอเสิ่นเฉียวนึกถึงคนที่จะต้องไปเจอเย็นนี้ ก็ทำใจแข็งแล้วเอ่ย: ”ไม่ได้จริง ๆ เปลี่ยนวันเถอะ ถ้าครั้งหน้าคุณมีงานเลี้ยง ฉันจะต้องไปเป็นเพื่อนคุณแน่นอน”
พอได้ยิน เย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเหน็บแนม: “ครั้งหน้าเหรอ?”
หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เย่โม่เซินจ้องเธออยู่สักพัก ทันใดนั้นก็พูดว่า: “ไปเถอะ”
เสิ่นเฉียว: “……”
แบบนี้คือเห็นด้วยกับเธอแล้ว? ไม่รู้ว่าทำไม เสิ่นเฉียวกลับรู้สึกว่ามันง่ายเกินไป แต่พอดูเวลาแล้ว ก็ใกล้จะถึงเวลาที่เธอกับเสี่ยวเหยียนนัดกันแล้ว
ไม่สนแล้ว ไปตามหาความจริงให้ชัดเจนก่อนค่อยพูด แล้วรอให้ถึงเวลากลับ ถ้ายังมีเวลาอยู่ละก็ เธอค่อยไปหาเย่โม่เซินที่งานเลี้ยง
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
พูดเสร็จ เสิ่นเฉียวก็เดินผ่านร่างของเย่โม่เซิน ใครจะรู้เย่โม่เซินกลับคว้าแขนขาวเนียนละเอียดของเธออย่างกะทันหัน ทำให้เธอหยุดอยู่ที่เดิม
“ต้องไปให้ได้?”
เสิ่นเฉียวก้มหัวลงแล้วมองไปที่ฝ่ามือนั้นที่จับข้อมือของเธออยู่ นิ้วของเย่โม่เซินเรียวยาว เห็นข้อต่อนิ้วเด่นชัด ฝ่ามือที่ร้อนระอุราวกับจะแผดเผาเธอ เธอพยักหน้าด้วยความยากลำบาก: “ใช่ ใช่แล้ว ฉันจะอยู่สักพัก…ถ้าฉันมีเวลากลับมาฉันจะไปหาคุณ”
ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่าเขาจับมือเธอแรงขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียว เขาก็คลายมือออก พอเสิ่นเฉียวได้รับอิสระแล้ว เธออยากก้มหน้ามองว่าบนใบหน้าและแววตาของเย่โม่เซินเป็นแบบไหน เพียงแต่เย่โม่เซินกลับหมุนเข็นรถจากไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแวบเดียวก็หายลับไปตรงหัวมุม เสิ่นเฉียวกระพริบตา แล้วมองเซียวซู่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เขาเป็นอะไรไป?”
เซียวซู่รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย อยากเอ่ยปากพูด แต่สุดท้ายกลับส่ายหัว: “ไม่มีอะไรครับ”
เสิ่นเฉียว: “…จริงเหรอ?”
“คุณนายน้อย คุณชายเย่หวังว่าคุณจะไปร่วมออกงานเลี้ยงด้วยกันคืนนี้”
“ขอโทษนะ ฉันนัดกับเสี่ยวเหยียนไว้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น นายเอาที่อยู่มาให้ฉัน ฉันกลับมาแล้วจะรีบตามไป งานเลี้ยงเริ่มกี่โมง?”
เซียวซู่คิดสักพัก แล้วบอกเธอ “เริ่มอย่างเป็นทางการตอนสองทุ่มครับ”
สองทุ่ม? เสิ่นเฉียวมองโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาหกโมง ฉันมีเวลาไปแน่นอน”
พอพูดจบเสิ่นเฉียวก็หยิบกล่องที่อยู่ในมือของเซียวซู่มา: “ฉันเก็บชุดราตรีไว้ก่อน เซียวซู่ นายส่งที่อยู่มาในโทรศัพท์มือถือของฉันนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
เสิ่นเฉียวออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธอนั่งรถของลุงจินออกมาจากวิลล่าไห่เจียง แต่ไม่รู้ว่า เย่โม่เซินที่ยืนมองจากหน้าต่างชั้นสอง กำลังมองรถที่ห่างไปไกลด้วยแววตาที่เย็นชา
ระหว่างนั้นเสิ่นเฉียวดูทางไปด้วย แล้วก็ดูเวลาไปด้วย สถานที่นัดหมายครั้งนี้ของเย่หลิ่นหานไกลจริง ๆ เธอออกมาจากวิลล่าไห่เจียงต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการขับรถ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงหกโมง แต่ตอนขับรถไปก็เป็นเวลาประมาณหกโมงกว่าแล้ว สิ้นเปลืองเวลาไปกลับอย่างมาก ยังไม่รู้อีกว่าจะใช้เวลาพูดคุยนานแค่ไหน
“ลุงจิน รบกวนคุณขับให้ไวอีกนิด”
พอเสิ่นเฉียวคิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเร่ง ในความเป็นจริงถ้าหากทำได้เธอก็ไม่อยากเร่งหรอก แต่สุดท้าย…ความปลอดภัยบนท้องถนนสำคัญที่สุด
แต่ว่า…วันนี้เธอรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นตั้งแต่เธอได้พบกับเย่โม่เซิน ตั้งแต่ออกบ้านแล้วขึ้นรถก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนถึงตอนนี้…แม้แต่หางตาของเธอก็ยังกระตุกไม่หยุด
รู้สึกเหมือนกับว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นตลอด
โทรศัพท์มือถือสั่นแล้วสักพัก เป็นเซียวซู่ที่ส่งที่อยู่มาให้เธอ หลังจากนั้นยังกำชับอีกหนึ่งประโยค
“คุณนายน้อย ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ คุณกลับมาตอนนี้เถอะ ถ้าหากไม่ได้ หวังว่าคุณนายจะมางานวันนี้ให้ทัน เพราะคืนนี้เป็นวันสำคัญอย่างมาก!”
วันสำคัญ? เสิ่นเฉียวส่งข้อความสั้น ๆ กลับไป ถามเซียวซู่ว่าวันสำคัญอะไร
เพิ่งจะส่งข้อความได้ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็โทรศัพท์หาเธอ
“เฉียวเฉียว ฉันมาถึงแล้วเธอ ใกล้จะถึงหรือยัง?”
เสิ่นเฉียวไม่แน่ใจทาง ทำได้เพียงถามลุงจิน: “ลุงจิน พวกเราใกล้จะถึงแล้วรึยัง?”
ลุงจินเงียบไปชั่วครู่ คงกำลังคำนวณเวลาพอผ่านไปได้สักพักจึงเอ่ย: “ใกล้แล้วครับ อีกประมาณสิบนาที”
เสี่ยวเหยียนที่ได้ยินลุงจินพูด จึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ: “แบบนั้นก็ได้ ฉันรอเธอสิบนาที เพียงแต่ฉันจะเข้าไปก่อนแล้วกัน เธอก็เข้ามาหาฉันแล้วกัน”
“ได้”
พอวางสายเสร็จ เซียวซู่ยังไม่ได้ตอบกลับข้อความเธอ คงจะยุ่งแล้วสินะ?
เธอคิด จากนั้นก็วางโทรศัพท์มือถือ
พอถึงที่หมาย เสิ่นเข้าไปในร้านก็เห็นเสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง ที่นี่คนไม่ค่อยเยอะ ลุงจินเดินตามหลังเธอเข้ามาด้วยกัน
พอนึกถึงสิ่งที่ตนเองจะพูดในวันนี้ เสิ่นเฉียวก็หยุดก้าวเดิน หลังจากนั้นหันกลับไปบอกกับลุงจิน: “ลุงจิน วันนี้คุณกลับก่อนเถอะ”
“แต่ว่าคุณนายน้อย อยู่ที่นี่สักพักก็ต้องรีบกลับไปร่วมงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอครับ? ผมรู้จักทาง รอคุณนายน้อยที่นี่ได้”
“ ไม่เป็นไร อย่างไรก็ยังพอมีเวลา ไม่รีบ”
“ที่สำคัญคือกลัวลุงจินจะรอเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ดังนั้นอยู่สักพักเดี๋ยวฉันจะเรียกรถไปเอง ลุงจินมองเวลา ก็รู้สึกว่าที่เสิ่นเฉียวพูดนั้นก็มีเหตุผล จึงพยักหน้าแล้วเดินจากไป”
รอเขาจากไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็เข้ามาหาเสี่ยวเหยียนในร้าน
เสี่ยวเหยียนกำลังเบื่อและมองมือถือตลอด พอถึงเวลาแล้วก็มองไปรอบ ๆ ในที่สุดก็เห็นเสิ่นเฉียวกำลังเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นแล้วโบกแขนให้เสิ่นเฉียวไม่หยุดพร้อมกับตะโกนเสียงดัง: “เฉียวเฉียว ทางนี้!”
เสิ่นเฉียวเดินมาทางเธอ หลังจากนั้นนั่งลงตรงหน้าเธอ
“เย่หลิ่นหานล่ะ?”