บทที่ 303 คุณเก่งจริงๆ
เสิ่นเฉียวได้รับบาดเจ็บไม่มาก เพราะในตอนที่รถบรรทุกชน เย่หลิ่นหานหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบรถบรรทุกคันนั้น แต่แค่ช้าไปเล็กน้อย รถบรรทุกเฉียดส่วนหน้าของรถไป หลังจากนั้นพุ่งตรงไปที่รถคันข้าง ๆ ต่อด้วยพุ่งชนเข้าที่ราวกั้นแล้วรถก็ตกลงไปในทะเลสาบ ได้ติดต่อนักประดาน้ำให้ลงไปช่วยชีวิตคน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนในรถมีชีวิตอยู่หรือว่าตาย
แต่เสิ่นเฉียวได้ยินเย่หลิ่นหานบอกให้ก้มลง แต่ผลจากการกระแทกในชั่วขณะนั้นมันรุนแรงเกินไป เธอไม่สามารถทนต่อการกระแทกอย่างรุนแรงแบบนี้ได้ จึงสลบไปอย่างกะทันหันและถูกเศษกระจกบาดตามร่างกาย แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่มาก
เธอมีสีหน้าที่ขาวซีดขณะที่ถูกยกร่างออกมาเอนกายลงนอนข้าง ๆ ร่างของเย่หลินหาน
เย่หลิ่นหานได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังคงสติอย่างแน่วแน่ ในตอนที่มองร่างของเธอเอนกายนอนลงข้าง ๆ ตนเอง แล้วยังรีบพยุงตัวเองขึ้นเพื่อตรวจดูอาการของเธอ จนคนข้าง ๆ ต้องเอ่ยเตือน: “คุณผู้ชายท่านนี้ เพื่อความปลอดภัยคุณอย่าขยับส่งเดชเลย ดูแล้วคุณผู้หญิงท่านนั้นไม่เป็นอะไรมาก เธอได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย”
“คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ผมได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ผมยังขยับตัวได้? ถ้าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บทำไมถึงสลบไสลไม่ได้สติ?”
“นี่…” คน ๆ นั้นถูกคำพูดของเย่หลิ่นหานทำให้สำลักจนพูดไม่ออกไปแล้ว เขามองไปที่เสิ่นเฉียวแวบหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เพียงแค่มีบาดแผลที่ผิวหนังเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาใหญ่นี่นา แต่ทำไมถึงสลบไปไม่ได้สติล่ะ?
“เฉียวเฉียว?” เย่หลิ่นหานอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย แล้วตะโกนชื่อเสิ่นเฉียว
แต่เสิ่นเฉียวนอนไม่ขยับตัวอยู่ด้านข้างเขา ท่าทางที่เงียบสงบนั้นดูราวกับว่าคน ๆ นี้ไม่มีลมหายใจ
เขาเริ่มใจร้อนแล้ว ได้แต่ขอร้องคน ๆ นั้นว่า: “ขอโทษด้วย คุณช่วยเรียกรถพยาบาลแทนผมทีได้ไหม?”
คน ๆ นั้นอึ้งไปสักพัก จากนั้นรีบพยักหน้า: “คุณผู้ชาย รถพยาบาลกำลังมาแล้ว อีกแป๊บเดียวก็จะถึงที่นี่แล้ว คุณไม่ต้องห่วง”
กำลังมาแล้วสินะ? ในที่สุดเย่หลิ่นหานก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เฉียวเฉียว อย่าเป็นอะไรเลยนะ
ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ อย่างนั้นชีวิตนี้ฉันคงทุกข์ใจไปจนตาย
สถานการณ์วุ่นวาย นอกจากในพื้นที่ควบคุมแล้ว บริเวณจุดอื่นมีผู้คนมุงดูอย่างคึกคักเป็นจำนวนมาก ไม่มีทางเลือก ในที่สุดตำรวจก็ได้อพยพคนกลุ่มนั้นก่อน หลังจากการอพยพเสร็จแล้ว รถพยาบาลก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
เย่หลิ่นหานอดกลั้นไว้จนกระทั่งเสิ่นเฉียวถูกวางบนเปลหามแล้วยกขึ้นไปบนรถ พอถึงด้านในแล้วจึงพยุงร่างกายของตนเองและถามหมอว่า: “คุณหมอ สถานการณ์ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง มีอันตรายรึเปล่า”
คุณหมอตรวจสอบเสิ่นเฉียวอย่างรวดเร็ว จากนั้นทิ้งประโยคไว้ให้เย่หลิ่นหาน: “ดูจากในเวลานี้ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรง แต่คุณต่างหากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็มองพยาบาลสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา: “ช่วยรักษาอย่างเร่งด่วนให้เขาก่อน”
พอได้ยินว่าเสิ่นเฉียวไม่มีอันตราย ในที่สุดใจที่เป็นห่วงเป็นกังวลของเย่หลิ่นหานก็ปล่อยวาง ในเวลานี้ความกดดันที่ฝืนอดกลั้นมาโดยตลอด ก็ค่อย ๆ หายไป ทีละน้อย…เย่หลิ่นหานฝืนต่อไปไม่ไหวและสลบไป
“คุณหมอ เขาสลบไปแล้ว”
“ไม่ต้องสนใจ รักษาอย่างเร่งด่วนให้เขาต่อไป บาดแผลของเขาต้องได้รับการฆ่าเชื้อหนึ่งรอบ”
“ค่ะ”
คุณหมอหันกลับไปมองเสิ่นเฉียวแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าสองคนนี้คงเป็นคู่รักกัน ไม่อย่างนั้นผู้ชายคงไม่เป็นห่วงผู้หญิงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บขนาดนั้น แต่กลับฝืนมาโดยตลอด ตอนนี้คงจะรู้แล้วว่าเธอไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นจึงฝืนร่างกายที่อดทนอยู่ต่อไปไม่ไหวและสลบไป
อีกด้านหนึ่ง งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างคึกคัก
“ยังไม่มาอีกเหรอ?” ถึงแม้ว่าเย่โม่เซินจะพูดเสียงหนักกับเซียวซู่ แต่หัวใจของเขาก็ยังคงหวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะปรากฏตัวที่ประตูทางเข้าหรือตรงมุมสักมุม หรือไม่ก็ตรงหน้าเขา แล้วบอกเขาว่าเธอมาแล้ว
แต่เขามองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอ ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่มี
พอเซียวซู่ได้ยินเขาถาม ก็ตกใจจนหูแทบหลุดแล้ว เขาพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ: “ผมส่งคนไปรออยู่ข้างนอกแล้ว ขอเพียงคุณนายน้อยมาถึง จะต้องรีบมารายงาน”
“ตอนนี้กี่โมง?” เย่โม่เซินถามอย่างเย็นชา
เซียวซู่เหลือบมองเวลาแวบหนึ่งแล้วหน้าเปลี่ยนสี พูดเสียงเบาว่า: “จะสามทุ่มแล้วครับ”
“หึ” เย่โม่เซินหัวเราะเสียงเย็น: “เก่งจริง ”
“คุณชายเย่ มีประโยคหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่”
“ในเมื่อรู้ว่าไม่ควรพูด อย่างนั้นก็อย่าถามแล้ว” เย่โม่เซินตำหนิอย่างเย็นชาหนึ่งประโยค เซียวซู่ตกใจจนตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง แล้วเก็บคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากของตนเองกลับไป
โธ่ อย่างนั้นไม่พูดแล้วกัน
มีอะไรให้พูดล่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่หลิ่นหานอารมณ์เสียแล้วทำหยิ่งเอาแต่ใจแบบนี้!
รอคุณนายน้อยมาถึงตรงหน้าเขา เวลานั้นก็จะกลับมาอารมณ์ดีไม่ใช่เหรอ? เขาจึงไม่กังวลกับเรื่องนี้
อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ ตามนิสัยที่เย่อหยิ่งของเย่โม่เซิน ตราบใดที่คุณนายน้อยยอมพูดดี ๆ กับเขาสักสองสามประโยค ยอมออดอ้อนก็จะแก้ไขได้ดีมาก
เพียงแค่เซียวซู่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องครั้งนี้จะต่างจากเรื่องครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง
โรงพยาบาล
ผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ต่างถูกนำส่งโรงพยาบาล เป็นเพราะเย่หลิ่นหานได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ดังนั้นจึงถูกส่งไปยังพื้นที่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่วนเสิ่นเฉียวดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงใด ๆ เธอจึงถูกส่งตัวไปที่ห้องผู้ป่วยทั่วไป เมื่อแพทย์พบว่าเธออาจจะกำลังตั้งครรภ์ สีหน้าของคุณหมอก็เปลี่ยนไปทันที: “คุณบอกว่าเธอท้อง?”
“ใช่”
คุณหมอมองเสิ่นเฉียวแวบหนึ่ง: “อย่างนั้นที่เธอสลบไปจนถึงตอนนี้ อาจจะได้รับบาดเจ็บส่วนไหนแล้ว รับย้ายไปพื้นที่ผู้ป่วยหนักเพื่อตรวจดูสักหน่อย”
พยาบาลพยักหน้า ขณะที่เธอกำลังจะย้ายเสิ่นเฉียว จู่ ๆ เสิ่นเฉียวก็ส่งเสียงออกมาเบา ๆ แล้วจากนั้นก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้น
“คุณตื่นแล้ว?” พยาบาลเรียกด้วยความตกใจแล้วโน้มตัวลงไป: “คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“เอ่อ” เสิ่นเฉียวรู้เพียงว่าหัวของเธอหนักมากและปวดเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักก่อนที่เธอจะปรับสายตาให้ชัดจากนั้นเธอก็เห็นภาพตรงหน้ามีแพทย์และพยาบาลล้อมเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วงเธออย่างชัดเจน
“พวกคุณ…”
“อย่าเพิ่งพูด หายใจเข้าลึก ๆ ก่อน แล้วค่อยบอกผมว่าคุณรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่า?” คุณหมอเดินมายืนแทนพยาบาลแล้วพูดเสียงเบา
เสียงของเธอสงบและทรงพลัง ทำให้เสิ่นเฉียวคล้อยตามสิ่งที่เธอพูดแล้วหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ส่ายหัว: “ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรไม่สบาย แต่…”
“แต่อะไร” คุณหมอรีบถาม
“แต่มึนหัวนิดหน่อย…”
“แล้วเจ็บตรงไหนอีก?”
“ดูเหมือน…จะปวดที่ท้ายทอยนิดหน่อย”
หลังจากพูดเสร็จ เสิ่นเฉียวก็นึกถึงฉากในตอนนั้น ตอนที่เย่หลิ่นหานขอให้เธอก้มลงไปและเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในสถานการณ์ที่วิตกกังวลจึงทำได้เพียงแค่เชื่อฟังคำพูดของเขาแล้วก้มลงไป แต่เนื่องจากมีแรงกระแทกมากเกินไป ร่างกายของเธอจึงเอียงไปด้านหลัง หลังจากนั้นศีรษะคงชนเข้ากับประตู ตอนนี้เธอถูกชนจนสับสนมึนงง จากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
“อ้อ น่าจะเป็นเพราะถูกกระแทกอย่างจนส่งผลให้คุณหมดสติไป ฉันจะตรวจสอบให้คุณก่อนและจัดการกับอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง ถ้าหากไม่มีอะไรคุณก็สามารถออกโรงพยาบาลก่อนได้”
“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอ ใช่สิ คนที่มาด้วยกันกับฉัน…”