บทที่ 309 คุณชายเย่กลับไปแล้ว
แต่พอมองซ้ายมองขวา กลับไม่เห็นร่างของเย่โม่เซินอยู่บนเวที เสิ่นเฉียวรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ
เซียวซู่อยู่ที่นี่ แต่เย่โม่เซินกลับไม่อยู่ นี่หมายความว่าอย่างไร?
หรือจะบอกว่า เซียวซู่พาเธอไปหาเย่โม่เซิน?
“เซียวซู่ นายจะพาฉันไปไหน เย่โม่เซินล่ะ?”
เซียวซู่ไม่พูด ได้แต่ดึงเธอไปด้านหลังเวทีที่ไม่มีคน
“คุณนายน้อย? ทำไมคุณถึงเพิ่งมา?”
เสิ่นเฉียวจะเอ่ยปาก แต่สุดท้ายกลับพูดได้เพียงประโยคเดียว: “พอดีเกิดเรื่องขั้น เลยทำให้มาสายนิดหน่อย เขา…”
“คุณนายน้อย แบบคุณนี่ไม่เรียกว่าสายนิดหน่อย แต่คุณชายรอคุณมาทั้งคืนแล้ว!”
เขา…รอตัวเองทั้งคืนเลยเหรอ? ในหน้าของเสิ่นเฉียวขาวซีด ในใจยังรู้สึกเสียใจอย่างมาก: “ขอโทษ ฉันไม่รู้…”
พอเห็นท่าทางเสียใจในตอนนี้ของเธอ เซียวซู่ก็อดพูดไม่ได้: “ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะมาแล้ว แต่ว่า…ทั้งหมดนี้สายเกินไปแล้ว”
“ทั้งหมดนี้สายเกินไปแล้ว? นี่หมายความว่าอะไร?” เสิ่นเฉียวไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูดจึงถาม ทางที่ดีคือสอบถามจากปากด้วยตนเอง
เซียวซู่ตอบแค่เพียง: “คุณชายเย่เพิ่งจะออกไปเมื่อห้านาทีก่อน”
อะไรกัน? เธอมาแล้ว แต่เขากลับไปแล้ว? สีหน้าของเสิ่นเฉียวดูไม่ได้ขึ้นมา: “ห้านาทีก่อนฉันถูกขวางอยู่ที่ประตูข้างนอก ฉันไม่มีบัตรเชิญ ฉันเข้ามาไม่ได้…”
“ก็เพราะคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วว่าคุณนายน้อยคงไม่มีบัตรเชิญดังนั้นผมถึงไปเฝ้ารออยู่ที่นอกประตูตลอด แต่ใครจะรู้ว่าพองานเลี้ยงใกล้จะจบแล้วคุณนายน้อยก็ยังไม่มา ผมเลยคิดว่าคุณนายน้อยคงไม่มาแล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้รออีก ตอนนี้…คุณชายเย่กลับได้แล้ว”
ชั่วพริบตานั้นเสิ่นเฉียวไม่รู้จะพูดอะไร จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะตัวเธอเอง เห็นชัด ๆ ว่ารับปากไว้แล้วแต่เธอกลับไม่มาที่งาน เธอจะโทษใครได้?
“ถ้าเขาออกจากงานเลี้ยง ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าเขาจะออกจากตรงนี้แล้ว นายช่วยพาฉันไปหาเขา ได้ไหม?”
เซียวซู่คิดแล้วคิดอีก แต่ก็พยักหน้า: “ถ้าอย่างนั้นคุณตามผมมา”
ดังนั้นเซียวซู่จึงพาเธอเดินไปเดินมาผ่านทางเดินที่โล่งกว้าง เสิ่นเฉียวอดทนต่อความรู้สึกที่ไม่สบายและตามหลังเขาไปด้วยใจที่ร้อนดั่งไฟ เธอแทบจะรอเจอเย่โม่เซินตอนนี้ไม่ไหว
เซียวซู่พาเธอเลี้ยวไปที่มุมหนึ่ง หลังจากนั้นเปิดห้องหนึ่ง ปรากฏว่าภายในห้องนั้นว่างเปล่าและไม่มีใครอยู่เลย
“ดูท่าคุณชายเย่จะออกไปแล้ว!”
เสิ่นเฉียวมองห้องที่ว่างเปล่า แล้วกัดริมฝีปากตัวเอง: “เขาจะไปที่ลานจอดรถแล้วหรือเปล่า? พาฉันไปลานจอดรถที?”
“ได้ รีบไป!”
เซียวซู่รีบพาเสิ่นเฉียวไปที่ลานจอดรถ อย่างไรเสียขอเพียงแค่ยังมีโอกาส เขาก็จะพยายามพาเสิ่นเฉียวไปอยู่ตรงหน้าเย่โม่เซิน คืนนี้สีหน้าและอารมณ์ของเย่โม่เซินดูไม่ค่อยปกติเลย ถ้าคุณนายน้อยสองไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
แต่ในตอนที่ทั้งคู่รีบมาถึงลานจอดรถ ก็เห็นรถคันหนึ่งกำลังออกไปพอดี ตอนนี้เซียวซู่ยังคงตกตะลึงอยู่ แต่ก็เห็นเสิ่นเฉียวที่อยู่ทางด้านหลังเขาวิ่งตามรถคันนั้นทันที
“คุณนายน้อย ทำอะไรน่ะ?”
หลังจากเซียวซู่พูดจบถึงเพิ่งสังเกตว่ารถคันนั้นเป็นของเย่โม่เซิน หน้าเค้าเปลี่ยนสีแล้วรีบตามไปพร้อมตะโกนเสียงดัง: “คุณชายเย่!”
แต่ว่ารถคันนั้นขับไวมาก แถมระยะทางก็ค่อนข้างไกล พวกเขาสองคนวิ่งขาแทบขาดก็ตามไม่ทัน
เสิ่นเฉียวรู้สึกเหมือนมีมดนับพันตัวกัดกินหัวใจ ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต หวังว่าจะตามรถของเย่โม่เซินให้ทัน ในใจก็คาดหวังว่ารถของเย่โม่เซินจะจอดให้
แต่ก็ไม่ได้จอด รถคันนั้นยิ่งห่างไกลจากเธอไปเรื่อย ๆ
สุดท้าย——
“โอ้ย!”
เสิ่นเฉียวไม่ทันระวังสะดุดกระโปรงแล้วล้มลง ทั่วทั้งร่างกายล้มไปข้างหน้าอย่างแรง เธอล้มลงไปบนพื้นดินที่ทั้งเย็นและแข็งดังโครม
“คุณนายน้อย!” เซียวซู่รีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามความเร็วก็ไม่เท่ารถ ยิ่งได้ยินเสียงเสิ่นเฉียวร้องเจ็บปวด จึงทำได้เพียงหยุดตามแล้วหันหลังวิ่งมาที่ตรงหน้าเสิ่นเฉียว: “คุณนายน้อย ไม่เป็นไรนะครับ?”
“ไม่” เสิ่นเฉียวล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนที่จะล้มลงเธอคิดถึงเรื่องที่ตนเองตั้งครรภ์ เลยรีบเอื้อมมือไปปกป้องท้องของตน
ทำให้หัวเข่าและแขนถลอก ปวดจนสุดชีวิต
ใบหน้าของเสิ่นเฉียวซีดขาวอยู่แล้ว พอเจ็บจากเมื่อครู่อีก ตอนนี้สีหน้าเธอแทบจะโปร่งใสอยู่แล้ว
เธอพลิกตัวด้วยความเจ็บปวดแล้วนอนกุมท้องของตนเองอยู่บนพื้นที่เย็น ๆ
มีหลายครั้ง เธอรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ตั้งครรภ์มานาน ไม่อย่างนั้นนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบ่อยขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าเด็กที่อยู่ในท้องของเธอจะยังอยู่ดี นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ
เธอควรจะบอกว่าตนเองโชคดี ที่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงทุกครั้งหรือควรจะบอกว่าเด็กในท้องของเธอดวงแข็งจริง ๆ
“คุณนายน้อย?” เซียวซู่คุกเข่าลงแล้วมองใบหน้าซีดเซียวของเธอทันใดนั้นไม่คาดคิดว่าจะพบว่าจะมีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเธอ ไม่เพียงแต่แผลที่เธอเพิ่งจะได้มาตอนหกล้มเมื่อสักครู่ แต่ยังมีบาดแผลอื่น ๆ ตามแขนและต้นขาของเธอ ที่ลำคอและตรงมุมปากก็มี
แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็มีสีแดงของเลือดบนผิวขาวของเธอ ดูแล้วน่าตกใจ
“คุณนายน้อยเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? เรื่องอุบัติเหตุที่คุณพูดก่อนหน้านี้หมายความว่า…”
“เสิ่นเฉียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยื่นมือไปให้เซียวซู่ “ช่วยดึงฉันหน่อย”
เซียวซู่รีบพยุงเธอขึ้นมา หลังจากที่เสิ่นเฉียวลุกขึ้นนั่งก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง แล้วสังเกตตนเองว่านอกจากบาดแผลภายนอกแล้ว ท้องของเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองไม่เห็นรถคันนั้นแล้ว “คุณชายเย่คงจะกลับวิลล่าไปแล้ว”
“อืม ตามไม่ทันก็แล้วไป พวกเราตามกลับไปกันเถอะ”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าอย่างอ่อนแรงแล้วมองเซียวซู่: “รบกวนนายช่วยส่งฉันกลับไปอีกรอบได้ไหม?”
เซียวซู่อึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นพยักหน้า: “นี่เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ผมจะส่งคุณนายน้อยกลับไปเดี๋ยวนี้”
เซียวซู่พยุงเธอขึ้นมา แล้วลังเลเล็กน้อย: “แต่ว่าร่างกายของคุณนายน้อยมีบาดแผลขนาดนี้…จะลองไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยไหมครับ? แล้วค่อยกลับไปที่วิลล่าไห่เจียง”
“ไม่!” เสิ่นเฉียวส่ายหน้า เธอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง “ยังไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ พวกเรากลับวิลล่าไห่เจียงก่อน ฉันจะตามไปอธิบายให้เขาฟังเสร็จค่อยคิดเรื่องอาการบาดเจ็บ”
“อย่างนั้น…ก็ได้ครับ”
หลังจากขึ้นรถ เสิ่นเฉียวก็พบว่าหัวเข่าของตัวเองมีเลือดไหลและกระโปรงสีเงินก็เปื้อนไปด้วยเลือด คล้ายภาพลวงตาของดอกเหมยที่กำลังเบ่งบานบนหิมะ เธอก้มลงมองบาดแผลเงียบ ๆ ไม่พูดอยู่นาน ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเช็ดคราบเลือดที่บาดแผล
พอเซียวซู่เห็น ก็รีบหยิบกระดาษทิชชู่ที่พกติดตัวยื่นให้เธอ
“คุณนายน้อยอย่าใช้มือนะครับ อาจจะมีเชื้อโรคอยู่ คุณใช้แค่กระดาษทิชชู่เช็ดไปก่อน พอไปถึงวิลล่าผมจะตามหมอมาให้คุณ”
เสิ่นเฉียวรับกระดาษทิชชู่ แล้วหยิบออกมาเช็ดรอยเลือด เซียวซู่มีเรื่องมากมายที่อยากถามเสิ่นเฉียว ว่าทำไมร่างกายของเธอจึงมีบาดแผลมากมายขนาดนั้น? เกิดอะไรขึ้นกับเธอและทำไมเธอถึงมีบาดแผลมากมาย? ทำไมเธอถึงทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แต่พอคำพูดติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขาก็ถามไม่ออก
ดูเหมือนว่าหลังจากที่ถาม ราวกับจะเป็นการสะกิดบาดแผลของเธอ
เฮ้อ หวังว่าหลังจากที่คุณชายเย่เห็นบาดแผลนี้จะให้อภัยกับสิ่งที่เธอทำทั้งหมดในคืนนี้