บทที่313 พอแล้วล่ะ
เสิ่นเฉียวพยักหน้า เธอก็ไม่อยากให้ตัวเองล้มลงในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นที่เธอทำไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะเปล่าประโยชน์
เธอจึงก้าวเท้าแล้วมุ่งหน้าไปหาพวกเขา นึกไม่ถึงเธอพึ่งก้าวได้เพียงสองก้าว ร่างกายของเธอก็ไม่อาจจะควบคุมได้แล้วล้มลงไปด้านหน้า
เธอล้มลงดังตุบ เสิ่นเฉียวล้มลงไปอยู่บนพื้นอันหนาวเหน็บ
เม็ดฝนเม็ดใหญ่หยดกระทบบนใบหน้าของเธอ ร่างกายของเธอ เสื้อผ้าของเธอเปียกปอนอย่างรวดเร็ว หัวของเธอเปียกจนเส้นผมเกาะกัน เจ็บเหลือเกิน….
แต่เธอยังต้องลุกขึ้นมา เธอต้องไปหลบฝนแล้วรอเย่โม่เซินออกมาเจอเธอ
เธอมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับเย่โม่เซิน เธออยากเชื่อมั่นในตัวเขา อยากจะรักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมออกมาสักที?
ในตอนนั้นเอง เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่นๆไหลออกมาจากดวงตา แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกผสมรวมเข้ากับน้ำฝนอันหนาวเย็น ดังนั้นเธอจึงแยกไม่ออกว่าบนใบหน้าของตัวเองคือน้ำฝนหรือว่าน้ำตากันแน่
“คุณนายน้อย!”
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นว่าเธอล้มลงต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
เซียวซู่ยังไม่ได้เดินกลับมา เสิ่นเฉียวกะพริบตา เธออยากจะลุกขึ้นมาจากบนพื้น ทันใดนั้นน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความโกรธก็ดังขึ้นมาจากบนหัวของเธอ
“อย่าไปเลย ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
“เห้อ…..” น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน เสิ่นเฉียวกำลังจะเงยขึ้นมามองว่าเป็นเสียงของใคร แต่เธอยังไม่ทันได้มอง ร่างกายของเธอก็ถูกพยุงขึ้นมาทันที มือคู่หนึ่งที่อบอุ่นใช้แรงประคองไหล่ของเธอเอาไว้แน่น
เสิ่นเฉียวบุกเข้าไปในอ้อมอกอันอบอุ่น
“…..ที่คุณทำมาทั้งหมด มันเพียงพอแล้วล่ะ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังอยู่บนหัวของเธอ ร่างกายของเธอถูกโอบกอดด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น เสิ่นเฉียวได้กลิ่นที่คุ้นเคย แฝงไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ
“ไปกับฉันเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ถ้าเขาไม่อยากเจอคุณละก็ คุณเองก็เก็บศักดิ์ศรีของคุณหน่อยเถอะ”
ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวโดนอุ้มขึ้นมา มือของเธอโอบคอของคนคนนั้นโดยไม่ทันรู้ตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็มองเห็นแววตาที่เจ็บปวดใจของเย่หลิ่นหาน
“เย่หลิ่นหาน?” เมื่อมองเห็นเขา เสิ่นเฉียวอึ้งในทันที เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เขาไม่ใช่ว่าควรจะกลับไปที่โรงพยาบาลแล้วงั้นหรอ? ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่เขากลับปรากฏตัวอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังพูดคำพูดเหล่านั้นกับเธออีกด้วย!
นี่หมายความว่า…..
ทันใดนั้น น้ำตาก็คลออยู่เต็มเบ้าตาของเสิ่นเฉียว เธอจ้องมองเขา “คุณ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“เด็กโง่” เย่หลิ่นหานยิ้มอ่อนๆ “ ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าจะพาคุณไปอยู่ต่อหน้าเขาใช่มั้ย? คุณยังไม่ได้เจอเขาเลย ฉันจะเดินออกไปอย่างไว้วางใจได้ยังไง?”
“ฉัน…..เขาไม่อยากเจอหน้าฉัน” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่าง เธออดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวน้ำตาจึงไหลออกมา
“ไม่เป็นไร” เย่หลิ่นหานเช็ดน้ำตาให้กับเธอ จากนั้นยิ้มอ่อนๆแล้วพูด “เขาจะเจอคุณหรือไม่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว โม่เซิน…..ถ้าเขาไม่อยากเจอคุณ ฉันจะพาคุณออกไปจากที่นี่”
เมื่อพูดจบ เขาก้าวขาแล้วหันหลังเพื่อที่จะเดินออกไป
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที เธอรีบคว้าแขนเสื้อของเขา “ไม่ ไม่ได้นะ! ฉันไปจากที่นี่ไม่ได้ ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่ ฉันมีคำพูดที่ต้องพูดกับเขา!”
ฝีเท้าของเย่หลิ่นหานหยุดชะงักลง เขาก้มหน้าลง แววตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตำหนิเธอ
“ คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ? เขาไม่ได้อยากเจอคุณเลยสักนิด ถ้าเขารู้สึกเจ็บปวดใจต่อคุณ เขาคงไม่ปล่อยให้คุณรอถึงตอนนี้หรอก ฉันพยายามฝืนทนที่จะไม่ลงมาจากรถก็เพื่อให้คุณได้เห็นทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ตอนนี้คุณก็ยังอยากจะดื้อดึงอีกงั้นหรอ?”
“……”
คำพูดของเขากระทบจุดที่เจ็บปวดภายในใจของเสิ่นเฉียว ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
เธอจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอยไปสักพัก จากนั้นจึงเริ่มสะอื้นร้องไห้เล็กน้อย
“แต่คืนนี้ ฉันคือคนที่ทำผิดไปแล้วจริงๆ ฉันบอกว่าฉันจะมา แต่ฉันทำให้เขาต้องรอทั้งคืน ฉันก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เขา….ตอนนี้คงกำลังเอาคืนฉัน ให้ฉันลิ้มลองรสชาติแห่งการรอคอย ฉันควรที่จะให้อภัยเขา…”
“อย่าคิดมากอีกเลย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ถ้านี่ก็เป็นความผิดของคุณละก็ งั้นเย่โม่เซิน……วันนี้ก็ชั่วร้ายเกินไปแล้ว เฉียวเฉียว พี่จะพาคุณออกไปจากที่นี่ก่อน ร่างกายของคุณอ่อนแอมาก วันนี้ก็ได้รับบาดเจ็บอีก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคุณจะไม่ไหวแน่ๆ”
เมื่อพูดจบ เย่หลิ่นหานไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ยินยอม เขาอุ้มเธอแล้วก้าวฝีเท้าเดินออกไป
เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมา จากนั้นเริ่มออกแรงดิ้นเพื่อขัดขืน
“ไม่ ฉันไม่ไป! ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะรออยู่ที่นี่จนกว่าจะเจอเขา! ฉันไปไม่ได้!”
“อืม……” เย่หลิ่นหานส่งเสียง อืม อย่างระอาใจหนึ่งที เสิ่นเฉียวไม่กล้าที่จะดิ้นอีกต่อไป เพราะเธอรู้ว่าร่างกายของเย่หลิ่นหานได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เมื่อตะกี้ที่เธอดิ้นขัดขืนคงจะไปโดนบาดแผลของเขา
เมื่อเย่หลิ่นหานหยุดเดิน เขายิ้มอย่างขมขื่นใจ “ทำไมไม่ดิ้นขัดขืนต่อล่ะ? คุณสามารถออกแรงผลักฉันแล้วเดินกลับไปที่หน้าประตูนั้นอีก แต่ฉันจะบอกอะไรคุณ ก่อนหน้านี้ที่ฉันคอยสังเกตการณ์อยู่ ตอนนี้ฉันมีความคิดที่จะพาตัวคุณออกไปให้ได้ ฉันไม่ปล่อยคุณกลับไปง่ายๆหรอก นอกจากซะว่าฉันจะล้มลงอยู่กลางสายฝนนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้คุณกลับไปทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองลงพื้นอีก”
เสิ่นเฉียว “…..เย่หลิ่นหาน ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?”
“แล้วคุณล่ะ? ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?”
เสิ่นเฉียวพูดไม่ออก เธอกัดริมฝีปากล่าง “ฉันรู้ว่าฉันติดหนี้บุญคุณต่อคุณ ถ้าว่าด้วยเหตุผลแล้วฉันควรจะตอบตกลงกับคุณ แต่ฉันอยากจะขอร้องคุณ ปล่อยฉันลงไปเถอะ นี่คือเรื่องระหว่างฉันกับเย่โม่เซิน ฉันอยากจะจัดการด้วยตัวเอง ไม่ว่าฉันจะทำยังไงมันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ใจฉันต้องการ พี่ก็เน้นย้ำกับฉันมาตลอดว่านี่คือสิ่งที่ใจของพี่ต้องการใช่มั้ย? งั้นก็ให้ฉันได้ทำตามที่ใจฉันต้องการสักครั้งได้มั้ย?”
“ไม่ว่าคุณจะพูดว่าอะไร วันนี้ฉันก็ไม่ให้คุณไปหรอก” เย่หลิ่นหานอุ้มเธอแล้วเดินไปที่รถ ส่วนผู้คนที่อยู่ข้างๆประตูใหญ่ต่างก็จ้องมองแล้วอึ้งทันที นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คุณชายใหญ่ของตระกูลเย่อยู่ๆมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง อีกทั้งยังอุ้มเธอออกไปอีกด้วย?
“พี่ใหญ่ ฉันขอร้องคุณล่ะ คุณปล่อยฉันลงไปเถอะ ฉันต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยเขาจริงๆ ฉันพูดเอาไว้แล้ว……ฉันจะผิดคำพูดอีกไม่ได้ พี่……”
ร่างกายของเสิ่นเฉียวหักโหมจนเกินไป เมื่อตะกี้เธอแลดูยังมีพละกำลัง เธอยังถกเถียงกับเย่หลิ่นหานไหว แต่อยู่ๆน้ำเสียงของเธอก็เริ่มอ่อนแรงลง จากนั้นเธอรู้สึกมึนหัวแล้วหงายตัวไปด้านหลัง
เย่หลิ่นหานตกใจเป็นอย่างมาก เขาหรี่ตา “เฉียวเฉียว?”
“พี่ ให้ฉัน….กลับไป!”
เธอพูดโดยไม่รู้สึกตัว
ให้ตายสิ!
เมื่อตะกี้เธอยืนนานเกินไป ลมพัดจนสมองของเธอเริ่มเลอะเลือนแล้ว
ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เธอจึงรู้สึกว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าดูเลือนรางมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกมึนหัวมากขึ้นเรื่อยๆ
โลกทั้งใบ….กำลังหมุนติ้ว
ราวกับแผ่นดินกำลังไหว
ไม่ได้นะ เธอจะมึนหัวไม่ได้….เธอยังต้องรอเย่โม่เซินต่อ
เธอมีคำพูดมากมายที่จะถามเย่โม่เซิน ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงต้องโกรธขนาดนี้ด้วย ทำไมไม่พูดอะไรสักคำแล้วเอาหนังสือข้อตกลงเรื่องการหย่ามาให้เธอ?
ใช่แล้ว….หนังสือข้อตกลงเรื่องการหย่า
“คุณเหนื่อยแล้ว นอนพักสักหน่อยเถอะ ฉันจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ไม่ ไม่เอา……”
เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงของตัวเองห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ไกลจนเธอไม่ได้ยิน
เธอค่อยๆจมอยู่ในความมืดมิด