เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 318 สิ่งที่ยากคือการรักใคร่ใจตรงกัน

บทที่318 สิ่งที่ยากคือการรักใคร่ใจตรงกัน

“แต่ว่า….” เสิ่นเฉียวเหมือนกับว่าต้องการจะพูดอะไร แต่อยู่ๆเย่หลิ่นหานก็ยื่นมือมาลูบหัวของเธอ “พอได้แล้ว มีอะไรค่อยพูดกันวันหลัง แยจื่อ คุณไปช่วยฉันทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล จากนั้นเก็บของออกไปจากที่นี่เถอะ”

เสิ่นเฉียวรู้ว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเธอเอง ถ้าเขาไม่ออกจากโรงพยาบาลเธอก็ไม่ไปไหน อีกทั้งถ้าเขาจะบอกให้ตัวเธอออกไป เธอก็ไม่ไปเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ใช้วิธีการนี้เพื่อบีบเธอให้ออกจากโรงพยาบาล

เย่หลิ่นหาน….ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องยอมลำบากเช่นนี้?

ไม่รู้ทำไม เสิ่นเฉียวรู้สึกเจ็บปวดใจเพราะเขา มักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลว เธอไม่ได้ต้องการให้เย่หลิ่นหานทำเพื่อเธอเช่นนี้ อีกทั้งทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่นาน ต่อให้เป็นเพราะชอบ….ก็ไม่ควรมาถึงจุดจุดนี้

ท้ายที่สุด แยจื่อได้จัดการทำเรื่องออกโรงพยาบาลให้ทั้งสองเสร็จเรียบร้อย ตอนที่กำลังทำเรื่องอยู่นั้นคุณหมอพูดเตือนอยู่ตลอด “ถึงแม้ตอนนี้จะดูเหมือนไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่ฉันก็แนะนำพวกคุณให้ค้างโรงพยาบาลต่ออีกสักสองวันเพื่อดูอาการต่ออีกหน่อย ว่ายังไงล่ะ ยังไงซะก็เป็นเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน จะรอหน่อยไม่ได้หรอ?”

สุดท้ายก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ คุณหมอจึงทำได้แค่พูดกำชับเล็กน้อย จากนั้นจึงเซ็นชื่อให้พวกเขาออกจากโรงพยาบาลได้

เสิ่นเฉียวเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับพวกเขา เย่หลิ่นหานเอารถมา ในจังหวะที่แยจื่อจะให้เธอขึ้นรถนั้นอยู่ๆเย่หลิ่นหานก็พูด “เธอต้องไปที่อื่น แยจื่อ”

เมื่อฟังจบ แยจื่ออึ้งทันที “แต่….พวกเราไม่พาคุณหนูเสิ่นไปด้วยกันหรอ?”

สีหน้าของเย่หลิ่นหานนิ่งเฉยแล้วไม่พูดอะไรออกมา เสิ่นเฉียวกะพริบตาด้วยรู้สึกที่อึดอัด เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วพูด “ไม่เป็นไร ฉันต้องไปที่อื่นจริงๆ พวกคุณไปกันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปจากที่นี่เอง”

“ท่านรองประธานเย่…..” แยจื่อเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจ เย่หลิ่นหานชอบเสิ่นเฉียวไม่ใช่หรอ? แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่คว้าโอกาสพาเธอขึ้นมานั่งบนรถล่ะ? เขากลับทิ้งเธออยู่หน้าประตูของโรงพยาบาล แบบนี้มันจะไม่บั่นทอนความรู้สึกดีดีหรอ?

“ขึ้นมาเถอะ” เย่หลิ่นหานบอกให้เธอขึ้นรถ แววตาที่มุ่งมั่นได้บ่งบอกถึงจุดยืนและทัศนคติของเขา ช่วยไม่ได้ แยจื่อจึงทำได้แค่ขึ้นมาอยู่บนรถ

หลังจากที่เสิ่นเฉียวมองเห็นประตูรถถูกดึงปิด เธอก็โบกมือให้กับพวกเขา

เธอไม่มีอะไรที่ต้องไม่พอใจ เพราะเธอรู้ว่าการที่เย่หลิ่นหานทำเช่นนี้เขามีความคิดที่แท้จริงคืออะไร เธอรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาเป็นอย่างมาก

หลังจากที่รถถูกขับออกไป เสิ่นเฉียวจ้องมองวิวที่อยู่ห่างไกลออกไป ในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวขาเดิน เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกเธอ

“เฉียวเฉียว”

น้ำเสียงหวานๆที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาจนเสิ่นเฉียวรู้สึกตกใจ จากนั้นเธอหันข้างมามอง เธอเห็นเสี่ยวเหยียนยืนอยู่บนถนนที่อยู่ตรงข้าม เธอสะพายเป้แล้วยืนอยู่ตรงนั้น ในจังหวะที่เธอมองไป เธอก็ยิ้มแล้วโบกมือให้กับเธอ

“อยู่ตรงนี้”

เสิ่นเฉียวอึ้งทันที เธอจ้องมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ตรงข้ามถนนอย่างเหม่อลอย

ไม่น่าล่ะ…..

ไม่น่าล่ะเย่หลิ่นหานถึงจากไปอย่างไร้กังวลเช่นนั้น ที่แท้…..เขาได้เตรียมทุกอย่างให้กับเธอหมดแล้ว มือถือของเธอหายไปสองวันแล้ว ในสองวันนี้ไม่ได้ติดต่อใครเลย เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ตอนนี้เธอมาปรากฏตัวอยู่ที่ตรงนี้ในเวลานี้ นั่นก็บ่งบอกให้รู้ว่าเย่หลิ่นหานได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แล้ว

นึกไม่ถึง….ว่าเขาได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้ก่อนแล้ว

เบ้าตาของเสิ่นเฉียวเริ่มแดง ในจังหวะที่เธอจะเดินเข้าไปหา อยู่ๆเสี่ยวเหยียนก็ตะโกนบอก “คุณยืนอยู่ตรงนั้นแหละอย่าขยับ เดี๋ยวฉันไปหาคุณเอง!”

จากนั้นเสี่ยวเหยียนวนรถกลับมา เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเสิ่นเฉียว จากนั้นเอากระเป๋ายัดใส่ในมือของเธอ

“อ่ะ นี่คือสิ่งของของคุณ”

เสิ่นเฉียวหยิบขึ้นมาดูจึงรู้ว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของตัวเอง

“อันนี้….ไปอยู่ที่คุณได้ยังไง?”

“แล้วคุณว่าล่ะ?” เสี่ยวเหยียนมองบนใส่เธอ “คุณเดาดูสิ คุณไม่สงสัยหรอว่าทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ คุณยังนึกไม่ออกอีกหรอว่าทำไมกระเป๋าใบนี้มาอยู่ที่ฉันได้ยังไง?”

พูดก็ถูก

เธอนึกไม่ถึงจริงๆ เสิ่นเฉียวรับกระเป๋าไป จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร

“ไปกันเถอะ” นอนค้างโรงพยาบาลสองวันผอมลงไปเยอะเลย อีกทั้งมุมปากเป็นมีบาดแผลอีก….กลับไปที่บ้านฉัน เดี๋ยวฉันไปซื้อเนื้อมาตุ๋นให้คุณดื่ม

เสิ่นเฉียวรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นเดินทางกลับไปพร้อมกับเธอ

หลังจากกลับไปถึงบ้าน เสี่ยวเหยียนต้มซุปให้เธอดื่มจริงๆ จริงๆแล้วถึงแม้ว่าเธอจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสองวัน แต่อาหารที่เธอกินคือกับข้าวที่แม่ของแยจื่อเป็นคนลงมือทำเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ขาดแคลนอะไร อีกทั้งได้รู้สึกถึงคำว่าครอบครัว แต่การดื่มซุปที่เสี่ยวเหยียนเป็นคนต้มให้มันก็ได้ความรู้สึกไปอีกแบบ

“เรื่องของพวกคุณ…ท่านรองประธานเย่เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”

อยู่ๆเสี่ยวเหยียนก็พูดออกมา เสิ่นเฉียวที่กำลังดื่มซุปก็ชะงักเล็กน้อย

“ตอนนี้เธอคิดยังไงอยู่? ท่านรองประธานเย่ดีกับคุณขนาดนี้ คุณจะไม่ให้โอกาสเขาจริงๆหรอ? ยังจะกลับไปอยู่เคียงข้างคุณชายเย่อีกหรอ?”

เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร เธอแค่วางถ้วยลง “ถ้าเป็นคุณล่ะ? คุณจะยอมปล่อยคนที่คุณรักไปได้ง่ายๆหรอ?”

“ไม่แน่นอน” เสี่ยวเหยียนตอบอย่างรวดเร็ว เมื่อพูดจบตัวเธอเองก็อึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูด “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ในโลกใบนี้ชอบใครสักคนไม่ยาก สิ่งที่ยากคือการที่มีความรักใคร่ใจตรงกัน ยากที่คุณกับคุณชายเย่จะใจตรงกัน แต่อย่าเลิกกันเพราะความเข้าใจผิดก็พอ งั้นอีกสักพักฉันจะไปหาคุณชายเย่เป็นเพื่อนคุณ คุณไปพูดกับเขาให้ชัดเจน”

“อืม” เสิ่นเฉียวพยักหน้า “เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะอยากเจอฉันรึเปล่า….นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว”

“นั่นนะสิ มันก็ผ่านไปสองวันแล้ว ต่อให้เขาโกรธ ตอนนี้ก็ควรจะหายโกรธได้แล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก วันนี้พวกเราไปหาเขาจะต้องได้เจอเขาอย่างราบรื่นแน่”

“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ”

หลังจากที่ทั้งสองกินข้าวเสร็จ พวกเธอก็เก็บกวาดกันสักพัก เสี่ยวเหยียนจึงพาเสิ่นเฉียวไปที่วิลล่าไห่เจียง

หลังจากที่ไปถึงวิลล่าไห่เจียง คนที่อยู่หน้าประตูมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เซียวซู่ก็ไม่อยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ให้เธอเข้าไป

“คุณชายเย่ยังไม่ต้องการเจอฉันอีกหรอ? เขาได้ให้คำสั่งใหม่กับพวกคุณรึเปล่า?”

หนึ่งในคนที่เฝ้าประตูซึ่งตัวผอมๆพูด “สั่งครับ”

“ออกคำสั่งใหม่หรอ? คำสั่งอะไร?”

“อืม……คุณชายเย่……คุณไม่ใช่คุณนายน้อยของพวกเราอีกแล้ว ถ้าคุณมาอีกละก็ให้พวกเรา….ไล่คุณออกไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็ขาวซีดขึ้นมาทันที ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย “คุณ คุณพูดจริงๆหรอ?”

“พวกเราไม่ไล่คุณออกไปแน่นอน แต่คุณก็อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะครับ คุณชายเย่…..ไม่ต้องการเจอคุณละก็ คุณกลับไปเถอะครับ”

“พูดอะไรของพวกคุณ? คำพูดเหล่านี้คุณชายเย่ของพวกคุณพูดตอนที่ยังโมโหอยู่เข้าใจรึเปล่า? ถ้าเขาไม่สนใจคุณนายน้อยของพวกคุณแล้วจริงๆ ทำไมถึงต้องออกคำสั่งใหม่กับพวกคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า? แต่ทว่าการที่เขาพูดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็บ่งบอกว่าเขายังโมโหอยู่ อีกอย่าง…..ยังโมโหไม่น้อยอีกด้วย ตอนนี้อยากจะเจอเขาคงจะยากหน่อย……” เสี่ยวเหยียนเอามือกุมไปที่คาง ทำท่ากำลังครุ่นคิด อยู่ๆเธอก็พูดออกมา “คุณชายเย่ตอนนี้อยู่ข้างในมั้ย? หรือว่าออกไปข้างนอก?”

คนเหล่านั้นรู้สึกว่าสิ่งที่เสี่ยวเหยียนพูดมีเหตุผล ดังนั้นไม่กล้าทำผิดต่อเสิ่นเฉียว พวกเขาจึงพยักหน้า “คุณชายเย่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ”

“งั้นก็ง่ายขึ้นมาหน่อย เขาแค่ออกคำสั่งว่าไม่ให้คุณเข้าไปในวิลล่าไห่เจียง แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามคุณไปที่บริษัทตระกูลเย่ พวกเราไปหาเขาที่บริษัทกัน!”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset