บทที่322 ฉันจะหายไปตลอดกาล
อย่าผลักฉันออกไป ขอร้องคุณล่ะ
เสิ่นเฉียวหลับตา เธอท่องคำนี้อยู่ภายในใจตลอดเวลา
เธอก็หวังว่าในเวลานี้เย่โม่เซินจะสามารถมีใจที่ตรงกับเธอ
แต่ไม่มี….
อยู่ๆเย่โม่เซินจับข้อมือที่ผอมแห้งของเธอ เขาต้องการจะดึงมือของเธอออก เสิ่นเฉียวรับรู้ได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เธอเอามือกอดที่คอของเขาแน่นยิ่งขึ้น เธอไม่อยากจะคลายมือออก
“……” เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่น ผู้หญิงคนนี้ไปเรียนรู้วิธีการเกาะแกะคนเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เธอกลับ…..
เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่น จากนั้นพูด “ปล่อย!”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแน่น เธอหลับตาแสดงสีหน้าอย่างชัดเจน “ไม่ปล่อย”
เย่โม่เซิน “คุณจะปล่อยไม่ปล่อย?”
“ไม่ปล่อย ให้ตายก็ไม่ปล่อย เย่โม่เซิน ฉันอยากจะอยู่กับคุณ ฉันจดทะเบียนสมรสกับคุณแล้ว คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
“หึ….” อยู่ๆเย่โม่เซินหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำหนึ่งที เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “แสดงละครเก่งจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันรู้มาก่อน เกรงว่าฉันน่าจะโดนคุณหลอกลวงจริงๆสินะ”
เสิ่นเฉียวอึ้งทันที มือของเธอผ่อนแรงลงเล็กน้อย
ในจังหวะที่เธอผ่อนแรง เย่โม่เซินคว้ามือของเธอแล้วดันเธอออกไป
เสิ่นเฉียวถอยไปด้านหลังสองก้าวแล้วจึงหยุดร่างกายของตัวเอง เธอจ้องมองเย่โม่เซิน เขาผลักเธอออกไปจริงๆด้วย
เขา….ต้องการจะหย่ากับเธอจริงๆแล้วใช่มั้ย?
“ดูแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้ความจริงก็จะไม่ยอมแพ้สินะ ตามฉันมา”
เย่โม่เซินเคลื่อนล้อรถเข็นออกไปจากห้องพักผ่อน เสิ่นเฉียวยืนค้างอยู่กับที่ไปสักพัก จากนั้นจึงค่อยๆเดินตามเขาออกไป
เธอตามเย่โม่เซินมาอยู่ที่ห้องทำงาน เธอเห็นเย่โม่เซินดึงลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน จากนั้นหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านในแล้วทิ้งมันลงบนโต๊ะ
“เปิดดู ดูเสร็จแล้วก็ไสหัวออกไป”
น้ำเสียงช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้….
อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจทันที
เธอยืนอยู่กับที่ไม่ขยับตัวแล้วจ้องมองไปที่เย่โม่เซิน
สายตาที่มองมานั้นทำให้เย่โม่เซินยักคิ้วขึ้นแล้วถาม “ทำไม?”
“ไม่ว่าด้านในจะเป็นอะไร ยังไงมันก็คือเหตุผลที่คุณให้ฉันออกไป ไม่ใช่รึไง?”
เย่โม่เซินเม้มปากไม่พูดอะไร สายตาที่ลุ่มลึกยังคงจ้องมองดูเธอ
“ดังนั้น……” เสิ่นเฉียวเผยรอยยิ้มออกมา “ฉันไม่ดูแล้ว”
“ยังไงซะคุณอยากให้ฉันออกไปมันก็มีหลากหลายเหตุผล ต่อให้ฉันขอร้องคุณอย่างน่าอเนจอนาถขนาดนี้แล้ว คุณก็ยังผลักฉันออกไป งั้น…..ก็เอาตามที่คุณต้องการเถอะ”
เสิ่นเฉียวไม่ได้เดินเข้าไปหยิบเอกสารฉบับนั้น เธอไม่อยากรู้ว่าด้านในคืออะไรอีกแล้ว
วันนี้ที่เธอทำ มันมากพอแล้ว
แต่เย่โม่เซินไม่มีทีท่าที่จะกลับใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีเลยแม้แต่น้อย
เธอยังอยู่ต่อเพื่ออะไรกัน?
อับอายขายขี้หน้าตัวเอง?
“ในช่วงเวลานี้ฉันมารบกวนคุณ ฉันจะรีบหายไปต่อหน้าของคุณแล้วไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นอีก”
เมื่อพูดจบ เสิ่นเฉียวพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา จากนั้นยิ้มกว้างๆใส่เย่โม่เซิน
รอยยิ้มของเธอแฝงไปด้วยน้ำตา ถึงแม้รอยยิ้มที่มุมปากจะชัดเจน แต่สีหน้าและแววตานั้นกลับทำให้รับรู้ได้ถึงความสิ้นหวัง
แม้ว่าตัวเธอเองจะเป็นคนเลือก แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงแสดงสีหน้านี้ให้เขาเห็น?
ริมฝีปากของเย่โม่เซินขยับไปมา แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
เสิ่นเฉียวค่อยๆหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
ตอนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน เธอได้เจอกับเซียวซู่ที่กำลังจะเดินเข้ามาพอดี
เซียวซู่มองเห็นเสิ่นเฉียวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เขามีสีหน้าที่ตกใจเป็นอย่างมาก “คุณนายน้อย สอง คุณ…..”
เสิ่นเฉียวเดินผ่านด้านข้างของเขาราวกับว่ามองไม่เห็นตัวเขา
เซียวซู่รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมเสิ่นเฉียวถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แต่เขาดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปในห้องทำงาน เขาที่ต้องการจะเอ่ยปากถามโดนเย่โม่เซินพูดแทรกก่อน
“เอาเอกสารพวกนี้ไปทำลายซะ จากนี้เป็นต้นไปห้ามเธอเข้ามาในบริษัทตระกูลเย่อีก”
เซียวซู่อึ้งไปสักพักจากนั้นจึงดึงสติกลับมา “คุณชายเย่ คุณ….ตัดสินใจหย่าขาดกับคุณนายน้อยสองจริงๆงั้นหรอ? คุณจะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ย?”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินกระตุกคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความดุดัน “เมื่อไรที่ฉันให้นายมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของฉัน?”
เซียวซู่ “……แต่คุณชายเย่ เรื่องนี้…….”
“ออกไป”
“คุณชายเย่!”
“ไสหัวออกไป!!!” เย่โม่เซินระเบิดอารมณ์แล้วอาละวาดออกมา เขาปัดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะออกไป
เพลี้ยงเพลี้ยงเพลี้ยง!
อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่บนโต๊ะถูกปัดจนตกลงมาบนพื้น เสียงดังเป็นอย่างมาก ส่วนเสิ่นเฉียวได้เดินออกไปไกลแล้ว เธอไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
เซียวซู่ยืนอึ้งอยู่กับที่แล้วจ้องมองภาพเหล่านี้ไปสักพัก สุดท้ายเค้าเงียบแล้วหันหลังเดินออกไป
*
เสี่ยวเหยียนรอเธออยู่ที่แผนกการเงินอย่างกระวนกระวายใจ เธอรอเสิ่นเฉียวมานานมากแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเธอกลับมา ดังนั้นเธอจึงเริ่มเดาว่านานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาหรือว่าเธอจะคืนดีกับเย่โม่เซินแล้ว จากนั้นทั้งสองก็หนุงหนิงอยู่ด้วยกัน?
เมื่อนึกถึงทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างสวีท เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ถ้าเป็นเช่นนี้ จากนี้ไปเธอก็คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ผ่านเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไปได้ ความสัมพันธ์ของพวกเธอจะต้องเติบโตไปได้ดีแน่นอน!
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงคิดอีกว่า รอให้พวกเขาคืนดีกันก่อน เธอจะต้องรีดไถ่เสิ่นเฉียวให้หน่ำใจสักที หลายวันมานี้เธอต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อเสิ่นเฉียวมามากมาย เธอก็เหนื่อยมากเช่นกัน
“เสี่ยวเหยียน คุณเดินทางมาที่บริษัทพร้อมกับเสิ่นเฉียวใช่มั้ย?”
เธอที่กำลังจินตนาการอย่างเพลิดเพลินอยู่ อยู่ๆก็มีเพื่อนร่วมงานเข้ามาถามเธอ
เสี่ยวเหยียนดึงสติกลับมา จากนั้นพยักหน้า “ใช่แล้ว ฉันมาที่บริษัทพร้อมกับเธอ ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงกัน?”
“ฉันเห็นน่ะสิ ตอนที่พวกคุณกำลังเข้ามา ฉันลงไปด้านล่างพอดี แต่…..วันนี้คุณลาหยุดไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงมาที่บริษัทล่ะ?”
“ฉันอยากมาน่ะสิ ฉันลาแต่ฉันมาเที่ยวเล่นในบริษัท”
“…..งั้นคุณไม่กลับไปพร้อมกับเสิ่นเฉียวหรอ?”
“คุณไม่เห็นหรอว่าฉันรอเธออยู่น่ะ?”
“แต่เมื่อตะกี้พวกเราพึ่งเห็นเสิ่นเฉียวอยู่ด้านล่าง เหมือนกับว่าเธอออกไปแล้ว”
“อะไรนะ?” เสี่ยวเหยียนตกใจจนกระโดดขึ้นมา “เธอไปแล้ว? เมื่อไหร่?”
“เมื่อตะกี้……”
เชี้ย!
เสี่ยวเหยียนก้าวฝีเท้าเดินออกไปด้านนอกทันที แต่เดินออกไปได้ครึ่งทางก็เดินกลับมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน ตอนที่พวกคุณเห็นเธออยู่ด้านล่าง เธอเดินออกไปคนเดียว หรือว่ามีคนเดินออกไปด้วยกัน?”
เธอต้องถามให้ชัดเจน ถ้าถามไม่ชัดเจนแล้ววิ่งลงไปหาเธอ ถึงตอนนั้นไปรบกวนพวกเขาจะทำยังไง?
“เธอออกไปคนเดียวสิ อีกอย่างดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย ฉันยังคิดอยู่….ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ยังต้องพูดอีกหรอ? ช่วงนี้เธอก็ไม่ได้มาที่บริษัทเลย ก่อนหน้านี้เห็นลือกันไม่ใช่หรอว่าเธอจับท่านประธานเย่ได้? ดูจากตอนนี้แล้วน่าจะโดนท่านประธานเย่ทิ้งน่ะสิ”
เมื่อเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆได้ยิน ต่างก็เริ่มพูดนินทาซ้ำเติมเธอแล้วมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ไม่นานก็มีคนมาร่วมพูดนินทาด้วย “จริงๆเลย ฉันเห็นเธอร้องไห้จนมีสภาพเช่นนั้นแล้วน่าจะโดนทิ้งจริงๆน่ะแหละ ฉันก็บอกแล้วว่าท่านประธานเย่จะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน น่าจะเก่งในด้านนั้น ความสุขชั่ววูบสินะ? ตอนนี้ความสดใหม่มันก็หมดไปเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่เอาเธอแล้ว”
กลุ่มคนเหล่านั้นหัวเราะคิกคักสะใจขึ้นมา
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไปทันที จากนั้นพูดตะคอกเสียงดัง “พวกคุณพูดบ้าอะไรกัน? เสิ่นเฉียวไม่ใช่คนอย่างที่พวกคุณพูดซะหน่อย! เธอกับท่านประธานเย่รักกันอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ! คุณคิดว่าทุกคนจะต้องน่ารังเกียจเหมือนพวกคุณอย่างนั้นหรอ! สถุลจริงๆ!”