บทที่323 ความสิ้นหวัง
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนด่าพวกเธอแล้วเธอก็วิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
จากที่ฟังพวกเธอพูดแล้ว เฉียวเฉียวน่าจะคุยกับเย่โม่เซินไม่สำเร็จ ดังนั้นถึงเป็นเช่นนี้สินะ?
งั้นตอนนี้เธอน่าจะกำลังเสียใจมาก ดังนั้นจึงลืมว่าตัวเองยังรอเธออยู่ที่แผนกการเงิน?
ต้องรีบหาเสิ่นเฉียวให้เจอ ไม่อย่างนั้นบุคลิกอย่างเธอถ้าเดินออกไปแบบนั้นจะต้องเกิดเรื่องอันตรายแน่ๆ!
“เสี่ยวเหยียนเค้าเป็นอะไรน่ะ? แผนกของพวกเราคนเยอะขนาดนี้ ทำไมต้องไปเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นด้วยก็ไม่รู้? ยังออกหน้าพูดแทนเธอขนาดนั้นด้วย?”
“เชอะ น่าจะเห็นว่าเธอคือคนโปรดของท่านประธานเย่เลยคิดจะตีสนิทเพื่อผลประโยชน์น่ะสิ คนคนนี้นะ เธออยากจะไต่เต้าขึ้นตำแหน่ง เธออยากจะเกาะบารมีคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดี ความคิดแบบนี้เดาไม่ยากเลยสักนิด”
เสี่ยวเหยียนไม่สนใจว่าพวกเธอจะพูดบ้าอะไร เธอรีบพุ่งตัวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นหนึ่ง จากนั้นรออยู่ในลิฟต์อย่างกระวนกระวายใจ เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง เสี่ยวเหยียนรีบพุ่งตัวออกไปเพื่อตามหาเสิ่นเฉียว
เสี่ยวเหยียนมองหาเสิ่นเฉียวไปทั่วทุกที่ แต่เธอไม่เห็นเสิ่นเฉียวอยู่ที่ชั้นล่าง เธอจึงวิ่งไปถามยาม ยามรู้จักเสิ่นเฉียวดี ยังไงเธอก็เป็นคนที่บริษัทพูดถึงมากมาย
“คุณหมายถึงเธอน่ะหรอ เมื่อตะกี้เธอไปทางนู้น……แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูท่าทางเธอแปลกๆ”
ยามชี้ไปทางซอยที่อยู่ตรงข้าม “ฉันเห็นตอนเธอข้ามถนนก็ไม่ดูรถ โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นเดินเข้าไปในซอยนั้นแล้ว คุณรีบไปดูหน่อยเถอะ อย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พอ”
“ขอบคุณ” เสี่ยวเหยียนรีบวิ่งออกไป เธอข้ามถนนแล้ววิ่งไปที่ซอยนั้น ซอยเล็กๆนั้นไม่มีทางแยกอะไรมากมาย แต่ค่อนข้างคดเคี้ยว เธอเดินอย่างรวดเร็ว ต่อมาไม่นานก็เจอกับเสิ่นเฉียว
จริงๆแล้วเสิ่นเฉียวเดินมาได้สักพักก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว จากนั้นเธอจึงหาที่นั่งเพื่อนั่งลงสักที่ เธอไม่สนใจว่าบริเวณรอบๆจะสกปรกหรือไม่ ตอนที่เสี่ยวเหยียนหาเธอจนเจอ เธอกำลังนั่งลงอยู่บนพื้นที่หนาวเย็น
เธอรู้สึกเหนื่อยจนหายใจหอบ จากนั้นค่อยๆเดินไปอยู่ตรงหน้าของเสิ่นเฉียว
“ตามหาคุณเจอสักที เฉียวเฉียว….คุณทำให้ฉันรู้สึกตกใจมากนะ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ? รีบลุกขึ้นมาแล้วกลับไปกับฉันเถอะ”
เสิ่นเฉียวไม่ขยับตัว เธอก้มหน้าแล้วมองพื้นอย่างนิ่งสงบ
เสี่ยวเหยียนถอนหายใจออกมา จากนั้นนั่งยองๆอยู่ด้านหน้าเธอ
“อย่าเสียใจเลย กลับไปกับฉันก่อนดีมั้ย? เรื่องหลังจากนี้ พวกเราค่อยมาคุยกันดีมั้ย?”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นจ้องมองไปที่เธอ
ต่อให้เสี่ยวเหยียนเป็นผู้หญิง เมื่อเห็นสภาพของเสิ่นเฉียวเป็นเช่นนี้เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่โม่เซิน ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังจะเลิกกับเสิ่นเฉียวอีก
เสี่ยวเหยียนไม่ถามอย่างอื่น เธอแค่ดึงมือของเสิ่นเฉียว “ลุกขึ้นมาก่อน ฉันพาคุณกลับไปนะ”
เสิ่นเฉียวไม่ขยับ เธอเอาแต่จ้องหน้าเสี่ยวเหยียนเงียบๆ
ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น ราวกับกระต่าย น้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตากลับไม่ยอมไหลออกมา
เมื่อผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหยียนจึงได้ยินเธอพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เสี่ยวเหยียน ฉันเกรงว่าฉันจะทำลายความคาดหวังของคุณ”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกปวดใจมาก “เฉียวเฉียวคุณ….”
“ฉันเลิกกับเขาแล้ว”
เสิ่นเฉียวยิ้มอ่อนๆออกมา น้ำตาของเธอค่อยๆไหลออกมาจากหางตา “ครั้งนี้เขาไม่ต้องการฉันแล้วจริงๆ”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกทรมานใจจนพูดอะไรไม่ออก เธอรู้ว่าในเวลานี้การปลอบใจไม่สามารถช่วยอะไรได้ ถ้าพูดมากกว่านี้ก็มีแต่จะทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกเสียใจ “พวกเรายังไม่ต้องคุยเรื่องนี้กัน คุณกลับบ้านกับฉันก่อนนะ”
เธออยากจะดึงเสิ่นเฉียวขึ้นมา แต่เสิ่นเฉียวไม่ยอม เสี่ยวเหยียนรู้สึกปวดหัวแทบตาย “คุณกลับไปกับฉันก่อนดีมั้ย? เรื่องอื่นๆพวกเราค่อยคุยกันวันหลัง มันจะต้องมีวิธีแน่ๆ”
“ไม่ ไม่มีวิธีอีกแล้ว เขาไม่หันหลังกลับมาแล้ว อีกอย่าง….ฉันใช้ความกล้าหาญทั้งหมดของฉันออกไปหมดแล้ว”
เสิ่นเฉียวก้มหน้า เธอกอดเข่าของตัวเองแล้วเอาหัวมุดเข้าไป “ฉันไม่อยากเป็นคนไปหาเขาอีกแล้ว ไม่อยาก…..”
“โอเค งั้นพวกเราไม่ไปหาเขาแล้ว พวกเราจะหาผู้ชายที่ดีกว่าเขาร้อยเท่าเลย ดีมั้ย? คุณลองดูเย่หลิ่นหาน เขาดีกับคุณขนาดนั้น….”
เย่หลิ่นหาน!
เมื่อพูดถึงชื่อเย่หลิ่นหาน เสี่ยวเหยียนก็ดึงสติกลับมาทันที
ใช่แล้ว ในเวลานี้เรียกให้เขามาช่วยดีกว่า
ไม่อย่างนั้นสภาพของเสิ่นเฉียวเป็นเช่นนี้ เธอเองก็กลัวว่าตัวเองจะเอาไม่อยู่ซะแล้ว
ยังไงซะภายในแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันทำให้คนที่มองเห็นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เสี่ยวเหยียนจึงพูดกับเธอ “โอเค งั้นคุณรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา”
จากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปห่างๆเล็กน้อย จากนั้นจึงโทรหาเย่หลิ่นหาน เธอเล่าสถานการณ์ของเสิ่นเฉียวให้เย่หลิ่นหานฟัง
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“โอเค ไวหน่อยนะ สภาพของเธอตอนนี้ดูน่ากลัวมาก ฉันกังวล…..ว่าฉันจะเอาเธอไว้ไม่อยู่”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนวางสายโทรศัพท์ จากนั้นถือโทรศัพท์มือถือเดินกลับไปที่เดิม สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที “เฉียวเฉียว?”
เสิ่นเฉียวที่นั่งอยู่บนพื้นในเมื่อสักครู่นี้ได้หายไปแล้ว
“เฉียวเฉียว!”
*
บ้านตระกูลเสิ่น
“แม่ แม่ไปพูดกับพี่สาวให้หน่อยสิ หนูอยากสมัครคลาสเรียนศิลปะข้างนอก แต่โรงเรียนเอกชนแห่งนั้นค่าเรียนแพงมาก แม่ช่วยฉันไปพูดกับพี่สาวหน่อยสิ ขอแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นก็พอแล้ว”
“โย่วโย่ว!” คุณแม่เสิ่นมองเสิ่นโย่วด้วยสายตาที่เอือมระอา จากนั้นถอนหายใจแล้วพูด “ไม่ใช่แม่ไม่อยากช่วยลูกนะ แต่ท่าทางของพี่สาวของลูกในคราวแล้วลูกก็มองเห็นนี่ เธอในตอนนี้แม้แต่แม่คนนี้ก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว ช่างอกตัญญูจริงๆ เสียแรงที่เลี้ยงเธอจนโตขนาดนี้ หลังจากที่แต่งงานเข้าไปเป็นคุณนายของตระกูลเย่แล้วก็คิดจะถีบหัวส่งพวกเรา ”
เมื่อฟังจบ เสิ่นโย่วเคียดแค้นและไม่รู้สึกเป็นธรรม “มาคิดดูแล้วตำแหน่งนี้หนูก็เป็นคนให้เธอในตอนแรกด้วยซ้ำ การที่เธอสามารถเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่มันก็พึ่งหนูทั้งนั้น ถ้าหนูไม่เอาตำแหน่งนี้ให้กับเธอ เธอจะมีวันนี้ได้ยังไงกัน? แม่จะต้องช่วยหนูพูดกับพี่สาวนะให้เธอมาจ่ายค่าเรียนนี้ให้กับหนู ไม่อย่างนั้น….พวกเราจะไปเปิดโปงตัวตนของเธอ”
คุณแม่เสิ่นได้ความคิดอะไรดีดี “ลูกหมายความว่า….”
“ใช่แล้ว ถ้าคนของตระกูลเย่รู้ว่าเธอคือเสิ่นเฉียวแต่ไม่ใช่เสิ่นโย่ว จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่! อีกอย่างพี่สาวเคยหย่ามาก่อนไม่ใช่หรอ? ขอแค่พวกเราเอาสิ่งนี้ไปขู่เธอ พี่สาวจะต้องเอาเงินมาให้อย่างเชื่อฟังแน่ๆ”
ข้อเสนอนี้ทำให้คุณแม่เสิ่นรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก “สมกับเป็นลูกสาวของฉัน พูดข้อเสนอได้ถูกใจแม่มาก”
“แต่…..” เสิ่นโย่วมุดเข้าไปในอ้อมอกของคุณแม่เสิ่น “พวกเราทำแบบนี้มันจะโหดร้ายไปหน่อยมั้ยแม่ ยังไงซะ….”
“โหดร้ายอะไร? ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะลูกยกงานแต่งงานนี้ให้กับเธอ เธอจะมีวันนี้หรอ? เกิดเป็นคนก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ! เธอมีวันนี้ได้ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะความพยายามของพวกเรา โย่วโย่วลูกวางใจได้ แม่จะต้องไปหาเธอแล้วพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน ค่าเรียนของลูกก็ไม่ต้องกังวล”
“งั้นขอบคุณนะแม่!”
ติ๊งต่อง——
“แม่ มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน หนูไปดูว่าใครมา”
เสิ่นโย่วลุกขึ้นมาเพื่อเดินไปเปิดประตู หลังจากเปิดประตูแล้วมองเห็นคนที่อยู่ด้านนอกจึงรู้สึกตกใจทันที “พวกคุณ….พวกคุณเป็นใครน่ะ?”
ผู้ชายสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนังหลายคนยืนอยู่หน้าประตู พวกเขายืนล้อมรอบด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม สายตาที่ลุ่มลึกของผู้ชายที่อยู่ตรงกลางผู้ซึ่งดูโดดเด่นกว่าใครจ้องมองใบหน้าของเธอ “สวัสดีครับ ที่นี่คือบ้านตระกูลเสิ่นใช่มั้ยครับ?”
เสิ่นโย่วยังไม่ทันได้ตอบอะไร เธอได้ยินเสียงของคุณแม่เสิ่นที่กำลังเดินมาแล้วถามเสียงดังว่า “ใครมาน่ะโย่วโย่ว?”