บทที่324 เยี่ยมชม
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู คุณแม่เสิ่นมองเห็นด้านนอกมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ อีกทั้งยังเป็นใบหน้าของคนที่ไม่รู้จัก สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปทันที เธอพูด “โย่วโย่วรีบปิดประตู!”
เสิ่นโย่วยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา คุณแม่เสิ่นรีบเอื้อมมือเพื่อจะไปปิดประตู
แต่การกระทำของพวกเธอช้าเกินไป มีคนเอามือมาขวางประตูเอาไว้แล้ว
คุณแม่เสิ่นพยายามดึงประตูมาปิดแต่ก็ไม่สามารถปิดประตูได้ เธอตกใจจนถอยไปด้านหลัง เมื่อมองเห็นเสิ่นโย่วยังยืนงงอยู่ที่หน้าประตู เธอจึงรีบเดินมาข้างหน้าแล้วดึงเสิ่นโย่วมาอยู่ด้านหลังของตัวเอง จากนั้นพูดตะคอกเสียงดัง “พวกคุณคิดจะทำอะไรน่ะ? ฉันจะบอกอะไรพวกคุณ ฉันไม่มีเงิน!! ถ้าพวกคุณต้องการเงินละก็ให้ไปขอที่ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่ เธอสามารถให้เงินพวกคุณมากมายเลย”
หลังจากที่ได้ยินคำว่าคุณนายน้อยของตระกูลเย่แล้ว ผู้ชายที่บุคลิกดูดีคนนั้นยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณพูดอะไรนะครับ?”
คุณแม่เสิ่นอึ้งไปสักพัก จากนั้นหรี่ตาลง “ทำไม? คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดหรอ? พวกคุณมาทวงหนี้ใช่มั้ยล่ะ? ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่มีเงิน ถ้าคุณต้องการเงินนั้นให้ไปหาลูกสาวคนโตของฉัน เธอเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่ ไม่ว่าคุณต้องการเงินเท่าไหร่เธอก็จะให้พวกคุณทั้งหมด”
“แม่” เสิ่นโย่วจ้องมองผู้ชายคนนั้น จากนั้นครุ่นคิดไปสักพักแล้วพูด “เขาน่าจะไม่ใช่คนกลุ่มนั้น แม่อย่าพึ่งพูดไปเรื่อยเลย”
เมื่อพูดจบ เสิ่นโย่วค่อยๆผลักคุณแม่เสิ่นออกไป จากนั้นเดินมาด้านหน้าแล้วยิ้ม “ขอโทษด้วยนะคะ แม่ของฉันหลายวันมานี้ไม่ค่อยสบายเลยมึนงงเล็กน้อย ทำให้เธอพูดอะไรไปเรื่อยแบบนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”
ต็อกต็อก—-
ในจังหวะนี้เอง ผู้หญิงสวมใส่รองเท้าส้นสูงเดินแหวกผู้ชายกลุ่มนั้นแล้วเดินมาด้านหน้า หลังจากที่รับรู้สถานการณ์ทั้งหมดแล้วเธอจึงยิ้มอ่อนๆ “คุณหนูเสิ่น ขออภัยที่มารบกวนเวลาพวกคุณ แต่พวกเราไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่ไม่ดีแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้มาทวงเงินพวกคุณ ขอให้ทั้งสองท่านสบายใจได้”
เมื่อพูดจบ ซูจิ่วยื่นนามบัตรของตัวเอง “ฉันชื่อซูจิ่ว”
เสิ่นโย่วรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้วรับนามบัตรมาดู หลังจากที่เห็นว่าเธอคือเลขานุการของหานชิง ท่านประธานของบริษัทตระกูลหานแล้ว แววตาของเธอก็เปล่งประกายทันที
ถ้าจะบอกว่าบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเป่ยก็คงจะหนีไม่พ้นบริษัทตระกูลเย่ แต่บริษัทตระกูลหานก็อยู่รองจากนั้นมาเพียงเล็กน้อย ขอเพียงเพิ่มกลยุทธ์อีกเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถไต่ขึ้นมาสูงกว่านี้ได้ เพียงแต่ว่าบริษัทตระกูลเย่มีเย่โม่เซินอยู่ บริษัทตระกูลหานเลยยังเป็นรองอยู่เล็กน้อย
แต่มันกลับไม่กระทบกับตำแหน่งของบริษัทตระกูลหานที่อยู่ในเมืองเป่ยเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่างแต่ก่อนเสิ่นเฉียวมีหานเส่โย่วเป็นเพื่อนสนิท ตอนนั้นเสิ่นโย่วรู้สึกอิจฉาใจจะขาด อิจฉาคนอื่นที่เป็นทายาทมหาเศรษฐีที่อยู่ข้างนอกของบริษัทตระกูลหาน บางครั้งเธอก็ได้แต่นึกว่าถ้าวันไหนมีคนมาบอกว่าตัวเองคือทายาทมหาเศรษฐีที่อยู่ข้างนอกของบริษัทพวกเรา ตอนนี้คุณกลับไปกับพวกเราเพื่อสืบทอดบริษัทต่อเถอะ
แบบนั้นก็คงจะดี
“สวัสดีค่ะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเลขานุการของบริษัทตระกูลหาน ท่าทีของเสิ่นโย่วก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เธอรีบเก็บนามบัตร จากนั้นสายตาจ้องมองไปยังผู้ชายที่บุคลิกดูดีที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ
“ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรรึเปล่าคะ?”
ซูจิ่วยิ้มอ่อนๆ สายตาจ้องมองไปที่คุณแม่เสิ่นที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังเธอ “คุณหนูเสิ่น พวกเรามาหาคุณหญิงเสิ่นมีเรื่องสำคัญเล็กน้อยที่จะถาม”
คุณแม่เสิ่นจึงรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาทวงเงินจริงๆ ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้เธอโดนทวงเงินจนรู้สึกหลอน ดังนั้นเมื่อมองเห็นพวกเขาคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เธอคิดขึ้นมาทันทีว่าอีกฝ่ายจะต้องมาทวงเงินถึงหน้าบ้านแน่ๆ
นึกไม่ถึง….
“โย่วโย่ว ลูกรู้จักพวกเขาหรอ?”
เมื่อพูดจบ คุณแม่เสิ่นจ้องมองใบหน้าของผู้ชายคนนั้นด้วยความสงสัย
สวมใส่ชุดสูทสีเข้มทำให้เขาแลดูสูงยาว หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งบุคลิกดูดีที่ดูแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดา คนธรรมดาทั่วไปจะมีออร่าเช่นนี้ที่ไหนกัน? ออร่าแบบนี้มีแต่พวกคนที่มียศถาบรรศักดิ์ที่สูงถึงจะมี
อีกอย่างหลังจากที่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาทวงเงินแล้ว คุณแม่เสิ่นก็เปลี่ยนเป็นอีกคนทันที
“คนมาเยี่ยมก็คือแขก พวกคุณรีบเข้ามานั่งก่อน โย่วโย่ว ยังไม่รีบไปชงชาเพื่อต้อนรับแขกอีก”
เสิ่นโย่วดึงสติกลับมา จากนั้นยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้เลยแม่ หนูไปชงเดี๋ยวนี้แหละ”
เสิ่นโย่วไปชงน้ำชา ส่วนคุณแม่เสิ่นคอยต้อนรับหานชิงให้เข้ามานั่ง
ในตอนแรกสีหน้าของหานชิงนั้นนิ่งไร้ความรู้สึก ตั้งแต่เข้ามาจนนั่งลงอยู่ในบ้าน สายตาของเขายังไม่กระดิกเลยสักนิด ตอนที่เสิ่นโย่วเอาน้ำชามาให้ เธอตั้งใจเข้ามาอยู่ใกล้ๆกับเขา
หานชิงยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเธอ
ก็คือคนบ้านนี้อย่างนั้นหรอ?
หานชิงเหลือบตาขึ้นมามอง สายตาที่หลักแหลมและสุขุมของเขากวาดตามองเสิ่นโย่วและคุณแม่เสิ่นทั้งสองคน
ผิดกับที่เขาจินตนาการไว้ทั้งหมด
ยังไงซะเสิ่นเฉียวที่อยู่ต่อหน้าเขาช่างแตกต่างกับสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ซูจิ่วคือเลขาของหานชิง อีกทั้งยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก ทำไมจะดูท่าทีที่เปลี่ยนไปของเสิ่นโย่วและคุณแม่เสิ่นไม่ออก?
“สวัสดีค่ะคุณหญิงเสิ่น จริงๆแล้วมันคืออย่างนี้ค่ะ ท่านประธานหานของพวกเรามีอะไรต้องการจะถามคุณหญิงเสิ่นเล็กน้อย แต่ทว่า…..” เธอเหลือบไปมองเสิ่นโย่ว จากนั้นยิ้มอ่อนๆแล้วพูด “คำถามเหล่านี้ค่อนข้างที่จะสำคัญ ไม่ทราบว่าเชิญคุณหนูเสิ่นออกไปรอด้านนอกสักครู่ได้มั้ยคะ?”
เมื่อฟังจบ สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นทั้งสองจึงสบตากัน เสิ่นโย่วรีบมานั่งอยู่ข้างๆคุณแม่เสิ่น เธอเม้มปากสีแดง “ฉันเป็นลูกสาวของแม่ฉัน มีเรื่องอะไรที่ฉันจะรู้ไม่ได้รึเปล่า? หรือว่า แม่ของฉันทำอะไรผิด? งั้นฉันต้องขอโทษพวกคุณแทนเธอด้วย ขอให้พวกคุณอย่าทำอะไรแม่ของฉันเลย”
คุณแม่เสิ่นกอดลูกสาวที่เชื่อฟังของตัวเองเอาไว้ เธอรู้สึกซาบซึ้งมากอยู่ภายในใจ “ใช่แล้วใช่แล้ว โย่วโย่วคือลูกสาวแท้ๆของฉัน ไม่มีอะไรที่ห้ามฟังหรอก มีธุระอะไรพวกคุณก็พูดเถอะ”
หานชิงเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่ออร่าที่อยู่รอบกายเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นโย่ว “คุณหนูเสิ่นเข้าใจผิดแล้วครับ ผมมาหาคุณหญิงเสิ่นเพราะมีคำถามไม่กี่อย่างที่ต้องการจะถามเธอ ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหญิงเสิ่นทำอะไรผิดต่อพวกเรา ถ้าสะดวกละก็ ขอเชิญคุณหนูเสิ่นออกไปก่อนสักครู่ได้มั้ยครับ?”
สายตาของเขาดูมีพลังมาก ในจังหวะที่จ้องมองเสิ่นโย่ว เสิ่นโย่วรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเขาสะกดจิตอยู่ ก่อนหน้านี้เธอยังอยากจะอยู่ต่อเพื่อดูความคิดของเขา แต่คราวนี้เธอกลับโดนเสียงอันทุ้มต่ำของเขาจู่โจมจนเธอกระเด็นออกไปไกลแสนไกล จากนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างเขินอายภายใต้สายตาของเขา
“งั้นโอเคค่ะ นายหานกับแม่คุยกันเลยค่ะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อน้ำ เดี๋ยวกลับมาค่ะ”
คุณแม่เสิ่นจะมองความคิดของลูกสาวตัวเองไม่ออกได้ยังไง? เธอคิดในใจ เสิ่นโย่วมีแฟนอยู่แล้ว จะทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นได้ยังไงกัน? แต่…..ถึงแม้ว่าแฟนของเธอคนนั้นจะรวยเช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว……มันไม่สามารถเทียบกันได้เลย
ดังนั้น….ในใจของคุณแม่เสิ่นจึงเริ่มคิดแผนการขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นยิ้มแฉ่งแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ รีบไปรีบกลับล่ะ”
หลังจากที่เสิ่นโย่วออกไปแล้ว คุณแม่เสิ่นจึงยิ้มแฉ่งแล้วจ้องมองไปที่หานชิงที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก “นายหาน คุณมีคำถามอะไรตอนนี้ถามมาได้เลยค่ะ”
แววตาของหานชิงนิ่งสงบ เขาส่งสายตาที่สุขุมไปให้ซูจิ่ว
ซูจิ่วตอบรับทันที จากนั้นหยิบรูปถ่ายที่เตรียมมาเรียบร้อยวางไว้บนโต๊ะ