บทที่339 ตระกูลหานคือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของเธอ
ภายในห้องนั้นเงียบอยู่เป็นเวลานาน เสิ่นเฉียวไม่ได้ยินหานชิงเอ่ยพูดขึ้น
“คุณหาน?”
เขาไม่ได้บอกว่ามีคำถามจะถามเธอหรอกหรือ? จริงๆแล้วเสิ่นเฉียวดูออก ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่หานชิงนัดเธอไปที่ร้านอาหารใกล้ๆโรงพยาบาลตอนนั้น หลายๆครั้งที่สีหน้าท่าทางที่ดูลังเลของเขาบอกเธอ ว่าเขามีคำถามจะถามเธอแบบนั้นจริงๆ
แต่ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ถาม ครั้งนี้……เขาก็ยังคงดูลังเลขนาดนี้ สรุปแล้วเขาจะถามอะไรเธอกันแน่ถึงพูดไม่ออกมาตลอดแบบนี้?
“คุณพูดไม่ออก เป็นเพราะคำถามนี้….เป็นความลับมากหรือคะ?”
หานชิงพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วส่งเสียงอืมออกมา
เสิ่นเฉียวรู้สึกประหลาดใจ เป็นความลับจริงๆสินะ ถ้าอย่างนั้นจะเกี่ยวกับอะไรบนร่างกายของเธอหรือเปล่า…..
คิดเช่นนี้แล้ว ใบหน้ารูปไข่ที่ขาวสะอาดของเสิ่นเฉียวก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกเกรงใจขึ้นมา
“จริงๆแล้วถึงแม้จะไม่ถามคำถามนี้ ฉันเองก็มั่นใจแล้วว่าเธอคือน้องสาวของฉัน แต่ถ้าหากเธอยังคงไม่วางใจ…..” เห็นสีหน้าแดงๆของเธอแล้ว จู่ๆหานชิงก็รู้สึกว่าแกล้งเธอสักหน่อยก็คงจะไม่เลว มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ถ้าหากเธออยากรู้จริงๆ ฉันก็สามารถที่จะบอกเธอเพื่อขจัดความระแวงนี้ของเธอ เพียงแต่…..เธออยากจะรู้จริงๆใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียว : “…….”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเธอตอนนี้เลยแล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” จู่ๆเสิ่นเฉียวก็ส่งเสียงขัดเขาเอาไว้ก่อน เอ่ยออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก : “คุณหานแน่ใจก็พอแล้วค่ะ ฉัน….ฉันไม่อยากรู้แล้ว”
เห็นว่าเป็นเวลานานเขาก็ไม่ได้พูดออกมาเสียที เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าต่อให้ตัวเองยืนยันอยากจะรู้คาดว่าเขาก็คงจะไม่พูดออกมาอยู่ดี อีกทั้งคำถามนั้นถ้าหากเป็นความลับจริงๆ พูดออกมาแล้วจะทำให้ทั้งสองคนอึดอัดเสียเปล่าๆ
ช่างเถอะ
นั่นเป็นถึงตระกูลหานของเมืองเป่ยเชียวนะ มีครอบครัวแบบนี้คอยสนับสนุนมีอะไรที่ไม่ดีกัน? ประกอบกับเธอกับผู้หญิงคนที่อยู่ในรูปถ่ายนั้นบุคลิกก็คล้ายๆกัน คงจะไม่ผิดหรอก
“เพราะฉะนั้นคุณหาน….คิดจะบอกเรื่องนี้กับเส่โยวเมื่อไหร่หรือคะ?”
พูดถึงหานเส่โยว สายตาของหานชิงนั้นก็เย็นชาขึ้นมามาก : “รอให้เธอออกจากโรงพยาบาล ฉันจะแก้ไขเรื่องนี้เอง เธอ…..”
ในใจของเสิ่นเฉียวทันใดนั้นเองก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
หานเส่โยว ที่เพิ่งจะแย่งเย่โม่เซินไป แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นเธอกำลังจะสูญเสียสถานะอันแสนจะมีค่าของตัวเองแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเธอยังหัวเราะเยาะเย้ยสถานะของตัวเองอยู่เลย และตอนที่ตั้งท้องเด็กนอกคอกคนนี้ ยังบอกว่าตัวเธอเองกับเย่โม่เซินต่างหากที่เป็นคนที่อยู่โลกเดียวกันได้ ตอนนี้เธอกลับจะต้องหล่นลงมาจากโลกนั้นของเธอแล้ว นี่….นับว่าเป็นกรรมตามสนองหรือเปล่า?
แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งที่เธอทำนั้นทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกสงสารไม่ลง
มิตรภาพในอดีตพังลงได้ในเพียงเวลาชั่วข้ามคืนจริงๆ
“ฉันรู้แล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ ให้คุณเป็นคนแก้ไขก็แล้วกัน”
“เธออยากจะเจอเส่โยวไหม?” หานชิงได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างเธอกับหานเส่โยว ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าระหว่างพวกเธอนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ แต่คิดดูแล้วเรื่องราวคงจะร้ายแรงน่าดู
“ไม่อยากค่ะ” เสิ่นเฉียวเอ่ยปฏิเสธไปตรงๆ “ระหว่างฉันกับเส่โยวไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เกิดความเงียบขึ้นมา ทันใดนั้นเองเสิ่นเฉียวก็นึกถึงอะไรขึ้นมา เธอมองไปยังหานชิงที่อยู่ตรงข้าม : “คุณหานรู้สึกว่า…..พอฉันบินขึ้นไปเกาะที่กิ่งไม้ที่สูงขึ้นแล้วต่อไปฉันจะเปลี่ยนไปเป็นดูเย่อหยิ่งจองหองหรือเปล่าคะ?”
หานชิง : “…..เด็กโง่”
เสิ่นเฉียวอึ้งไป
เขาเรียกตัวเองว่าอะไรนะ?
“เส่โยวรังแกเธอมาหลายปีขนาดนี้ เธอไม่อยากเจอนั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติอยู่แล้ว อีกอย่างนะ ต่อไปเธอก็คือคุณหนูของตระกูลหานของฉัน ถึงแม้เธอจะดูเย่อหยิ่งแต่เธอก็มีต้นทุนที่จะหยิ่งได้อยู่แล้ว ทำทุกอย่างให้สบายใจ ต่อไปพี่…..”
เขาชะงักไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ : “ต่อไปทั้งตระกูลหานล้วนแต่จะเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้เธอเอง”
คำพูดที่ดูจริงใจนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงจะโกหก เสิ่นเฉียวรู้สึกแสบจมูก พอดีกับที่เวลานี้เสียงออดประตูดังขึ้นมาเสียก่อน เสี่ยวเหยียนกลับมาแล้ว
กลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นเธอในตอนนี้ เสิ่นเฉียวจึงรีบลุกขึ้นพลางเอ่ยขึ้นมา : “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
หลังจากนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ พอดีกับที่เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามา เธอเอาแซนวิชและกาแฟส่งให้ตรงหน้าหานชิงด้วยรอยยิ้ม : “คุณหานคะ ฉันซื้อกาแฟแล้วก็แซนวิชมาให้ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ”
หานชิงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา : “เท่าไหร่ครับ?”
“ไม่ต้องค่ะ! นี่ไม่แพงมาก!” เสี่ยวเหยียนตกใจจนถอยหลังไป
สีหน้าที่เย็นชาของหานชิงบ่งบอกว่าต้องการจะเอาเงินคืนให้เธอ แต่เสี่ยวเหยียนปฏิเสธ
“ฉันทานอาหารเช้าของคุณหานไป ดังนั้นฉันก็เลยขอชดเชยคุณโดยการเลี้ยงคุณแล้วกันนะคะ ถ้าหากคุณหานยังให้เงินฉันอีกล่ะก็ ฉันก็คงรับไว้ไม่ได้จริงๆ แบบนี้ต่อไปฉันก็ไม่กล้ามาทานข้าวเป็นเพื่อนเฉียวเฉียวแล้วล่ะค่ะ”
ได้ยินท้ายประโยคนั้นแล้ว หานชิงถึงได้ละทิ้งความคิดที่จะให้เงินเธอต่อ
เขาหานชิงยึดมั่นในหลักการที่จะไม่ผูกมิตรกับใครมาก่อน เขาจะได้ไม่ต้องติดค้างใคร แล้วก็ไม่ต้องมีใครมาติดค้างเขาด้วย ดังนั้นถึงได้คิดอยากที่จะเอาเงินคืนให้เสี่ยวเหยียน
“โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ ต่อไปก็คงต้องรบกวนคุณด้วย”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะไม่รบกวน……”
รอจนหลังจากที่หานชิงกินแซนวิชอย่างช้าๆจนเสร็จแล้วนั้น เสิ่นเฉียวก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ หานชิงเช็ดมุมปาก : “ผมยังมีประชุมอยู่ รบกวนฝากคุณบอกเธอให้ผมหน่อย ว่าผมไปก่อนนะครับ”
“ได้ค่ะ!”
เสี่ยวเหยียนส่งเขาตรงหน้าประตู หลังจากที่แน่ใจว่าเขากลับไปแล้ว จึงปิดประตูลง
หลังจากที่เธอกลับเข้ามาก็มองหาร่างของเสิ่นเฉียวไปรอบห้อง : “เฉียวเฉียว เธอไปไหนน่ะ หานชิงไปแล้ว เธอออกมาได้แล้ว”
แกร๊ก—
ประตูห้องน้ำขยับ เสิ่นเฉียวเปิดประตูแล้วเดินออกมาจากด้านใน
“หา เธอหลบอยู่ในนี้จริงๆหรือเนี่ย เธอเป็นอะไรไปน่ะ? เขากินแซนวิชรอเธอเป็นครึ่งวันเพื่อรอเธอเชียวนะ เธอกลับหลบเขาอยู่ตลอดแบบนี้?”
“กี่นาทีเอง ฉันเข้าห้องน้ำมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?” เสิ่นเฉียวใช้น้ำเย็นล้างหน้า แต่ยังสามารถมองเห็นได้ว่าขอบตาของเธอแดงอยู่
เสี่ยวเหยียนเลียริมฝีปากตัวเอง : “เธอไม่ได้กำลังเสียใจอยู่ใช่ไหม?”
“เปล่า” เสี่ยวเฉินหันกลับไปแล้วเดินเข้าไปในห้อง เสี่ยวเหยียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วจึงรีบเดินตามไป : “ฉันจะบอกเธอให้นะว่าเวลาที่หานชิงกินน่ะหล่อมากจริงๆ ผู้ดีก็คือผู้ดีอยู่วันยังค่ำ ไม่เห็นเหมือนกับพวกเราคนธรรมดาเลย แต่เฉียวเฉียวพูดจริงๆนะ ฉันรู้สึกว่าบุคลิกออร่าของเธอน่ะก็ดูเหมือนเขาอยู่นะ โดยเฉพาะท่าทางตอนที่พวกเธอนิ่งๆแบบนั้น……”
ได้ยินแล้วนั้น เสิ่นเฉียวก็ชะงักเท้าลงแล้วหันกลับมา : “ฉันกับเขา…..เหมือนกันหรือ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า : “เมื่อกี้นี้ฉันก็พูดๆไปอย่างนั้นเอง แต่ตอนนี้มาตั้งใจดูแล้ว ดูเหมือนว่ายิ่งดูก็จะยิ่งคล้ายนะ ใบหน้านั่น ริมฝีปากนั่น…..แล้วก็ยังมีลักษณะท่าทางนั่นอีก”
เสิ่นเฉียว : “……เธอพอได้แล้วล่ะ จุดประกายเข้าหน่อยก็สว่างขึ้นมาเลยนะ?”
เสี่ยวเหยียนยิ้มแล้วพุ่งเข้ามากอดแขนเธอเอาไว้ : “ฉันพูดจริงนี่นา”
“หมดปัญญากับเธอจริงๆ ปล่อยฉันก่อน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เสี่ยวเหยียนปล่อยเธอตามที่เธอบอก : “แล้วต่อไปเธอจะพักอยู่ที่โรงแรมอีกนานขนาดไหนล่ะ? จะย้ายไปอยู่กับฉันก่อนไหม?”
“ไม่หรอก อยู่ที่นี่เงียบๆก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างฉันจ่ายเงินไปแล้วด้วย”
“หานชิงจ่ายแทนเธอใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวชะงัก
“ยังมีสิ่งของพวกนั้นที่อยู่ในห้องอีก รวมทั้งอาหารเช้า คนรับใช้คนนั้น…..เป็นของหานชิงเหมือนกันใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวหันมา สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเหยียน
“เธอเข้าใจอะไรผิดอีกแล้วใช่ไหม?”