บทที่ 344 เธอถูกทิ้งอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าต้องการจะหย่ารึไง?” เสิ่นเฉียวหายใจเข้าลึก ๆ ในที่สุดก็เอาประโยคที่เก็บเอาไว้อยู่ในใจพูดออกมาได้: “งั้นก็ไปสำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อดำเนินเรื่องหย่าให้เรียบร้อยเถอะ”
หลังจากพูดเรื่องพูดนี้จบ เสิ่นเฉียวไม่สนใจว่าเย่โม่เซินจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างไร เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าหลังจากที่ตัวเธอนั้นได้พูดเรื่องเหล่านั้นออกไปแล้ว ก็ราวกับก้อนหินที่กดทับในใจของเธอนั้นก็ได้หายไป
บางที เธอเองก็คิดว่าอยากที่จะหย่า อย่างไรก็ตามเมื่อคนทั้งสองไม่เชื่อใจกันก็มักจะตั้งข้อสงสัยซึ่งกันและกัน ตลอดช่วงชีวิตที่เหลือก็ไม่สามารถที่จะมีความสุขได้ ดังนั้นการแยกทางกันเป็นจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เสิ่นเฉียวก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง กัดริมฝีปากล่าง: “ไปสำนักงานกิจการพลเรือนเถอะเย่โม่เซิน เดินเรื่องให้เรียบร้อย ฉันก็จะไม่ต้องมาพัวพันกับนายอีกต่อไป”
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นเสิ่นเฉียวก็ตกใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่เย่โม่เซินนั้นมาที่ข้างหน้าของเธอ และจู่ ๆ ก็จับไปที่คางของเธอ
“เดินเรื่องหย่า?” เย่โม่เซินจ้องเธอด้วยสายตาที่อันตรายอยู่ใกล้ ๆ กับเธอ นิ้วมือของเขากำลังจับคางของเธอ ก็รู้สึกได้ถึงเครื่องสำอางที่อยู่ชั้นนอก
สัมผัสของเครื่องสำอางที่มือทำให้เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ เมื่อก่อนหากบีบไปที่ใบหน้าของเธอ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของแก้มขาว ๆ นั้น ที่ยืดหยุ่นราวราวกับสายน้ำ แต่ว่าตอนนี้……กลับสัมผัสได้เพียงแต่เครื่องสำอางเท่านั้น
นั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แบบเดิมก็ดีอยู่แล้วทำไมต้องแต่งให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้?
“ใช่แล้ว” ความอุ่นจากนิ้วของเขาทำให้เสิ่นเฉียวชะงักไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเย่โม่เซิน หลังจากนั้นก็ใช้แรงเล็กน้อย ค่อย ๆ ดึงมือของเขาให้ปล่อยออกและพูดขึ้นเบา ๆ : “เกรงว่าจะทำให้นายผิดหวังแล้ว การประชุมวันนี้ของนายคงต้องเป็นอันยกเลิก แล้วไปดำเนินการหย่าตอนนี้เลยเถอะ”
“รีบร้อนที่จะสลัดฉันออกไปขนาดนี้เชียวเหรอ?ไม่ดีหรอกหรอที่เธอกับฉันจะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป?”
เย่โม่เซินยิ้มมุมปากเชิงประชด ภายในแววตานั้นมีความเย็นชาอย่างที่สุด
เธอไม่ตอบอะไร เย่โม่เซินก็จ้องไปที่เธอเบา ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก เซียวซู่พูดเตือนขึ้น: “คุณชายเย่ ประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว”
เย่โม่เซินจึงได้สติกลับมา และพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “จะไปดำเนินการน่ะได้ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่ว่าง เธอออกไปรอก่อน”
พูดจบ เย่โม่เซินก็นั่งวีลแชร์ออกไปนอกห้อง
เสิ่นเฉียวรีบตามออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรแม้แต่น้อย “ต้องรอนานแค่ไหน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอมั้ย?”
“เหอะ แค่ไม่ได้มาทำงานไม่กี่วันก็ลืมแล้วรึไง ว่าการประชุมของบริษัทตระกูลเย่ใช้เวลานานเท่าไร?หรือจะบอกว่าต้องเข้าไปร่วมประชุมเพื่อรื้อฟื้นสักหน่อย ถึงจะจำได้อย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยิน ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
การประชุมนี้เมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “หลังจากนายประชุมเสร็จ พวกเราก็จะไปดำเนินเรื่องหย่าทันทีเลยใช่มั้ย?”
เขาไม่ตอบอะไร และค่อย ๆ ตรงห่างออกไป
“ก็ได้ งั้นฉันไปรอนายที่ห้องพัก 2 ชั่วโมง”
หลังจากนั้นเสิ่นเฉียวก็เดินตรงไปยังห้องพักผ่อน โดยไม่ได้สนใจว่าเย่โม่เซินตอบตกลงหรือไม่ เห็นเธอก้าวเดินห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวเรือนร่างบาง ๆ นั้นก็หายไปจากสายตาของตนแล้ว เย่โม่เซินยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้……ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงรู้สึกอย่างกับว่าเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคนเลยกันนะ
“คุณชายเย่ การประชุมจะเริ่มแล้ว” เซียวซู่ตรงขึ้นมาแจ้ง
“รู้แล้วน่า” เย่โม่เซินตอบกลับด้วยท่าทีรำคาญ และกวาดสายตาไปมองเขาเล็กน้อย
*
ด้านในห้องพัก
เสิ่นเฉียวรออยู่คนเดียว
เนื่องจากเย่โม่เซินไม่มีเลขา เซียวซู่เองก็ต้องตามเข้าไปประชุมด้วย ดังนั้นเธอจะอยู่ในห้องพักผ่อนนานแค่ไหนก็ไม่มีคนมากวนเธอ โชคดีที่เสิ่นเฉียวคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการประชุมนั้นจะต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เธอลุกขึ้นอย่างสบาย ๆ และไปที่ห้องน้ำชาเพื่อชงชาเขียวมาดื่ม หลังจากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
ถ้าเอาแต่รออย่างเดียวล่ะก็ แค่ 1 ชั่วโมงก็มากพอที่จะทำให้คนนั้นทนไม่ไหวแล้ว 2 ชั่วโมงนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป 1 นาที 1 วินาที เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าตัวเองนั้นก็ใช้เวลาไปมากพอตัวแล้ว แต่ว่าพอมองไปที่นาฬิกาในโทรศัพท์ก็พบว่าเพิ่งจะผ่านไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ยังคงเหลืออีก 1 ชั่วโมงครึ่ง……
เสิ่นเฉียวขยี้ตา และมองไปยังโซฟาฝั่งตรงข้าม ถ้างั้นงีบที่นี่สักหน่อยดีกว่ามั้ยนะ?
เนื่องจากวันนี้เธอนั้นตื่นเช้า ทำให้ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกง่วงอยู่บ้าง
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เสิ่นเฉียวก็นั่งลงบนโซฟา ในมือกอดกระเป๋าของตัวเองเอาไว้ พิงตัวและหลับตาลง
ไม่นานเธอก็เข้าสู่ภวังค์หลัง ขณะที่หลับนั้นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเวลา 2 ชั่วโมงนั้นได้ผ่านไปแล้ว
เสิ่นเฉียวลุกขึ้นมาอย่างมีความสุข ไม่คิดว่าเวลาจะพอเหมาะพอดีเช่นนี้ และในตอนนี้เธอก็ไปที่หาเย่โม่เซิน
หลังจากเพิ่งออกจากห้องพักผ่อน ก็พบกับเซียวซู่ที่เดินมาพอดี เสิ่นเฉียวก็ทักทายออกไป
“เซียวซู่ เย่โม่เซินล่ะ?เค้าประชุมเสร็จแล้วใช่มั้ย?”
เดิมทีเซียวซู่ก็มาเพื่อที่จะมาหาเธอ แต่ในตอนนี้เมื่อได้เจอเธอแล้วกลับมีอาการอึดอัดใจ เกาหัวและพยักหน้า: “ประชุมน่ะเสร็จแล้ว แต่ว่า……”
“งั้นฉันไปหาเขาล่ะนะ”
“คุณนายน้อย รอเดี๋ยวก่อน”
เซียวซู่ดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ และดึงเธอกลับมา
เสิ่นเฉียวหันกลับมา มองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“มีอะไรเหรอ?”
“คุณชายเย่เขาน่ะ……ประชุมเสร็จแล้ว แต่ว่าเขาเพิ่งจะออกไปเอง”
“ออกไปแล้ว?ออกไปหมายความว่าอะไร?”
เซียวซู่สับสนอยู่นานแล้วจึงพูดขึ้น: “คือว่าคุณชายเย่น่ะ หลังจากที่ประชุมจบก็รับโทรศัพท์สายหนึ่งขึ้นมา ตอนนี้เขามีธุระด่วนที่ต้องทำ เพราะงั้น……”
“เพราะงั้นเค้าก็เลยทิ้งฉันไว้ที่นี่แล้วสินะ?”
ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่ามันน่าตลกจริง ๆ แม้ว่าจะมาถึงจุดนี้แล้ว เขา……ก็ยังคงไม่เห็นตัวเธออยู่ในสายตา ไม่แม้แต่จะเคารพเธอสักนิด
“คุณนายน้อย……คุณชายเย่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งคุณไป เพียงแค่เรื่องที่โผล่มานั้น ตัวคุณชายเย่เองก็คาดไม่ถึง”
“เรื่องอะไรกันที่สำคัญขนาดนั้น?” เสิ่นเฉียวถามขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเซียวซู่ก็เบือนตาหนีเล็กน้อย “เรื่องนี้น่ะ……”
“สำคัญจนถึงขนาดยอมทิ้งโอกาสดี ๆ แบบนี้ที่จะได้กำจัดฉันออกไปเชียว?” เสิ่นเฉียวหัวเราะกับตัวเอง หลังจากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า: “นายเอาที่อยู่ของเขามาให้ฉัน เดี๋ยวฉันไปหาเขาเอง ฉันอยากจะรู้ว่า เมื่อไรที่เขาจะไปเดินเรื่องหย่ากับฉันที่สำนักงานกิจการพลเรือน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวซู่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก และพูดเพื่อที่จะหยุดเธอ: “คุณนายน้อย ถ้างั้นคุณรออยู่ที่นี่อีกสักพักเถอะ หรือว่าวันนี้ให้ผมไปส่งคุณกลับไปก่อน แล้วรอสัก 2-3 วันค่อย……”
“ไม่ต้องหรอก เซียวซู่นายเองก็ได้ยินแล้วนี่ ว่าเดี๋ยวฉันกับเขาจะไปทำเรื่องหย่ากันแล้ว หลังจากนี้ฉันจะไม่ใช่คุณนายน้อยของตระกูลเย่อีกแล้ว นายไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนายน้อยแล้ว เรียกแบบนี้ถ้ามีใครได้ยินเข้าคงทำให้ฉันโดนหัวเราะเยาะเป็นแน่”
“คุณนายน้อย……พูดอะไรกันน่ะ ตอนนี้คุณกับคุณชายเย่ยังไม่ได้หย่ากันสักหน่อย แล้วก็คุณจะหย่ากับเขาได้มั้ยนั้นก็ยังไม่แน่เสียด้วยซ้ำ ……”
“นายไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเขาแล้ว ต่อให้ตอนนี้เขาไม่ยอมหย่า ฉันก็คงจะจากไปอยู่ดี แล้วก็เอาจริง ๆ นะเซียวซู่ ตั้งแต่นี้ไป……นายแค่เรียกชื่อฉันก็พอ ฉันชื่อเสิ่นเฉียว ถ้าหากว่านายรู้สึกว่าไม่อยากเรียกชื่อล่ะก็ นายแค่ทักฉันว่าเฮ้ก็ยังได้……สรุปแล้วก็คืออย่าเรียกฉันว่าคุณนายน้อยอีก”
เซียวซู่: “คุณนายน้อย……”
“ยังจะเรียกอีก?”
“ก็ได้ งั้นผมไม่เรียกแล้ว”
“นายส่งที่อยู่มาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะไปหาเขา”
“คุณชายเย่มีธุระต้องออกไปข้างนอกแล้ว ถ้างั้นวันนี้คุณกลับไปก่อนมั้ย?”