บทที่ 345 เธอไม่มีวันมาหาเขาอีกแล้ว
“เขายุ่งของเขา ฉันยุ่งของฉัน ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร”
แต่ว่าไม่ว่าเธอจะพูดยังไง เซียวซู่ก็ไม่ยอมให้ตำแหน่งของเขา
ท้ายที่สุดเสิ่นเฉียวก็ไม่มีทางเลือก “นายไม่ยอมบอกฉันใช่มั้ย?งั้นก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ”
พูดจบเสิ่นเฉียวก็ออกไปจากบริษัทตระกูลเย่ ก่อนที่จะไปก็หันกลับมาแล้วพูดกับเซียวซู่ว่า: “เนื่องจากเขายุ่งมากขนาดนี้ งั้นฉัน……ก็คงจะมาหาเขาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องดำเนินเรื่องหย่า ฉันจะหาคนมาทำแทนเอง”
“เสิ่น เสิ่นเฉียว!” เซียวซู่เมื่อได้ยินก็ร้อนรนขึ้นมาทันที รีบตรงไปยังทางที่เธอไป: “งั้นให้ผมพาคุณไปก็แล้วกัน เพียงแต่ว่า……หลังจากที่คุณไปแล้วจะยิ่งทำให้ไม่อยากไป”
แต่ว่าที่สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อสักครู่นั้น ทำให้เซียวซู่รู้สึกเป็นกังวล ถ้าหากเสิ่นเฉียวไม่มาหาเย่โม่เซินจริง ๆ แล้วล่ะก็ แล้วหลังจากนี้พวกเขาจะแก้ปัญหาความเข้าใจผิดได้อย่างไร?
ดังนั้น สุดท้ายแล้วเซียวซู่จึงตัดสินใจที่จะพาเสิ่นเฉียวไปหาเขา
“งั้นก็ดี ต้องรบกวนนายแล้วล่ะ”
หลังจากนั้น เซียวซู่ก็ขับรถนำหน้า ส่วนเสิ่นเฉียวก็นั่งอยู่ที่ในรถของลุงหนานที่ขับตามอยู่ด้านหลัง
พวกเขาค่อย ๆ ขับกันไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงที่หมายเซียวซู่ก็ลงจากรถมาก่อน หลังจากนั้นก็เดินไปที่รถของเธอและเคาะกระจก
เสิ่นเฉียวไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร จึงเปิดกระจกรถลง
“เป็นอะไรไป?ถึงแล้วอย่างนั้นอย่างงั้นเหรอ?”
เธอมองตรงไปยังประตูโรงพยาบาลที่อยู่ด้านหน้า และรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ เหมือนกับว่า……เธอนั้นเคยมา
“ที่นี่แหละครับคุณนายน้อย รบกวนรอตรงนี้สักครู่ ผมเข้าไปแจ้งคุณชายเย่ก่อนว่าให้เขาออกมา”
“อื้ม ต้องรบกวนนายแล้วล่ะ”
เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่พยักหน้าตอบรับไป
เซียวซู่จึงหันตัวกลับและเดินไปด้วยฝีก้าวที่เร่งรีบ เสิ่นเฉียวนั่งมองไปที่ประตูโรงพยาบาลอยู่ในรถ ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นเคย ไม่นานในหัวของเธอก็ราวกับมีแสงสว่างวาบ เธอนึกออกแล้ว……ที่นี่น่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นโรงพยาบาลที่ก่อนหน้านี้หานเส่โยวฆ่าตัวตายหรอกเหรอ?
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ครั้งแรกที่เห็นเธอกลับจำไม่ได้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสมองของเธอนั้นเป็นอะไรไป
หานเส่โยวอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แถมเซียวซู่ยังพาเธอมาที่นี่เพื่อที่จะมาหาเย่โม่เซิน
งั้นก็แสดงว่า……
ธุระเร่งด่วนของเย่โม่เซิน ก็คือมาหาหานเส่โยวที่นี่งั้นหรือ?
หลังจากที่ในใจคาดเดาไว้เช่นนั้น พริบตานั้นเสิ่นเฉียวรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง เธอนั้นตั้งใจที่จะมาหย่ากับเขา แต่ไม่คิดเลยว่า……จะยอมทิ้งเธอไว้เพื่อมาหาหานเส่โยว แม้กระทั่งโอกาสที่จะได้หย่าก็ยอมที่จะทิ้งมันไป
แล้วเธอยังจะตามเขาไปที่โรงพยาบาลอย่างโง่ ๆ อีก
เสิ่นเฉียวเม้มปากแดง ๆ ของเธอแน่น มองออกไปไกล ๆ ที่ด้านนอกหน้าต่าง และจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า: “ลุงหนาน คุณช่วยรอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวนะ ฉันเข้าไปดูสักหน่อย”
ลุงหนานสังเกตเห็นได้ถึงท่าทีของเธอที่ไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังคงพยักหน้า: “รับทราบครับคุณผู้หญิง”
เสิ่นเฉียวเปิดประตูและลงจากรถ เดินไปยังห้องผู้ป่วยของหานเส่โยว ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคย
แต่ละก้าว ๆ ที่เธอเดินออกไปนั้น ทำให้หัวใจของเธอค่อย ๆ เต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้เธอนั้นไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเธอนั้นเป็นอย่างไร ทำไมหลังจากที่ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว กลับยังคงรู้สึกอึดอัดเช่นนี้?
ในที่สุดเสิ่นเฉียวก็เดินมาถึงห้องผู้ป่วยของหานเส่โยว
จากที่ได้เห็นภาพในห้องนั้นก็เป็นไปตามคาด
เย่โม่เซินนั้นอยู่ในนี้จริง ๆ แล้วหานเส่โยวก็ดึงแขนของเขาไว้พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างทั้งน้ำตา
ส่วนทางด้านเซียวซู่ที่เข้ามาพอพบกับเย่โม่เซิน ก็ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของเขาแสดงออกมาถึงความร้อนรน แต่เย่โม่เซินนั้นหันหลังให้กับเธออยู่ จึงมองเห็นไม่ชัดนักว่าใบหน้าเขานั้นมีอาการเป็นอย่างไร
มาหาเธอจริง ๆ สินะ
ประกายในแววตาของเสิ่นเฉียวค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ และถูกความมืดเข้ามาแทนที่ ไม่มีชีวิตชีวาเลยแม้แต่น้อย
หานเส่โยวพูดอะไรบางอย่างออกมา และทันใดนั้นก็ได้พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเย่โม่เซิน
เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ เสิ่นเฉียวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันตัวกลับอย่างรวดเร็วและพิงเข้ากับกำแพงอันหนาวเหน็บ
พอแล้ว ไม่ต้องมองแล้ว
ทำไมเธอจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยล่ะ?ก็ได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนไปแล้วนี่ว่าจะหย่า งั้นเขาจะอยู่กับใครหรือใช้ชีวิตร่วมกับใคร เธอก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อีกแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เสิ่นเฉียวก็ค่อยหลับตาลง
ครู่ใหญ่ เธอก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาสีดำ
เธอก้าวเดินกลับออกไปทางเดิม
ลุงหนานที่รออยู่ด้านนอกได้พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกเป็นกังวล จึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหาหานชิง พูดเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไป และหลังพูดจบก็วางสายลง
พอรอไปได้อีกสักหน่อย ลุงหนานก็ยังคงไม่รู้สึกวางใจ ในตอนที่กำลังคิดจะลงจากรถไปดู ก็เห็นเสิ่นเฉียวนั้นกลับมาแล้ว
เขารีบลงจากรถเพื่อไปเปิดประตู “คุณผู้หญิง กลับมาแล้วหรือครับ”
เสิ่นเฉียวเปิดประตูรถออกด้วยตัวเองและเข้าไปนั่ง และพูดขึ้น: “ลุงหนาน ให้คุณรอซะนานเลย”
ลุงหนานเองก็ตามเข้าไปนั่ง “ไม่เลย ๆ แล้วต่อจากนี้พวกเรายังคงต้องรออีกมั้ยครับ?”
เสิ่นเฉียวที่นั่งหลับตาพิงเบาะอยู่ที่ด้านหลังก็ส่ายหน้า: “ไม่ต้องรอแล้ว กลับกันเถอะ”
สภาพท่าทางบรรยากาศของตัวเธอนั้นดูตกต่ำลงจากก่อนที่จะลงจากรถไปมากนัก ซึ่งทำให้คนก็ต่างรู้สึกได้ถึงความมืดมน และอึดอัด
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าที่ด้านในนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าลุงหนานเองก็เกรงใจที่จะถาม และทำทำตามคำสั่งของเธอที่ให้ออกรถออกไปจากที่นี่
“คุณผู้หญิง ต่อไปก็คือกลับโรงแรมใช่มั้ยครับ?”
“อื้ม” เสิ่นเฉียวพยักหน้า
ตั้งแต่นี้ในใจของเย่โม่เซินนั้นมีแต่หานเส่โยวแค่เพียงคนเดียว งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาเขาอีกต่อไปแล้ว
แม้แต่เรื่องการหย่า บางที……เธอก็คงจะต้องรบกวนใครสักคนแทน
ระหว่างที่คิดอยู่นั้น โทรศัพท์ก็มีเสียงติ๊งดังขึ้น มีข้อความเข้ามา
เสิ่นเฉียวมองดู เป็นหานชิงที่ส่งข้อความวีแชทมาหาเธอ
{เธออยู่ไหน?}
เสิ่นเฉียวที่เห็น ก็คิดถึงเรื่องที่ตนนั้นต้องรบกวนให้เขาไปทำ
{อยู่ระหว่างทางกลับโรงแรม }
หลังพูดจบ ระหว่างที่เสิ่นเฉียวที่กำลังคิดอยู่ว่าจะถามอีกฝ่ายว่า พอจะมีเวลามาเจอกันหน่อยมั้ย อีกฝ่ายก็ตอบข้อความกลับมาว่า
{ฉันกำลังไปที่โรงแรม อีกเดี๋ยวเจอกัน }
เมื่อได้ยินว่าเขานั้นต้องการที่จะมาโรงแรม เสิ่นเฉียวก็ตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ตอบกลับไปว่าโอเค หลังจากนั้นเธอก็เก็บโทรศัพท์ไป
ผ่านไปได้สักพัก เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น: “ลุงหนาน คุณได้โทรไปหานายหานรึเปล่า?”
เมื่อได้ยิน ลุงหนานก็มีอาการอึดอัดดึงมุมปากและทำตัวไม่ค่อยถูก และพยักหน้ายอมรับด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก: “ใช่ครับ ผมเห็นว่าคุณผู้หญิงหายเข้าไปนานมากและไม่ได้ออกมาเลย เพราะงั้นก็เลยรู้สึกกังวลใจ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ครั้งหน้า……”
“ไม่เป็นไรลุงหนาน ขอบคุณนะ คุณทำได้ดีมาก” เสิ่นเฉียวยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง: “แต่ว่าตอนนี้ฉันน่ะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย อยากจะขอหลับสักหน่อย”
“ได้เลยครับ เชิญคุณผู้หญิงนอนก่อนเลย เมื่อถึงโรงแรมเมื่อไรเดี๋ยวผมจะเรียกเองครับ”
“ขอบคุณนะ”
เสิ่นเฉียวหลับตาลงนอน อันที่จริงแล้วในใจของเธอนั้นยุ่งเหยิงไปหมด แล้วก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะนอนด้วย เพียงแค่เธอไม่อยากที่จะพูดอะไรต่อแล้วก็เท่านั้น การหลับตาบางทีก็สามารถช่วยให้หลีกเลี่ยงคำถามต่าง ๆ ได้
ให้หลัง เมื่อรถมาถึงโรงแรม เสิ่นเฉียวจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณมากลุงหนาน ถึงแล้วล่ะ”
“คุณได้หลับรึเปล่า?ผมว่าจะไปปลุกคุณอยู่เลย”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ขอบคุณนะ”
เสิ่นเฉียวเปิดประตูรถออก และลงออกมาจากรถ หลังจากนั้นก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นบน
เมื่อเดินไปถึงที่ประตูห้องพักของตัวเอง ก็เห็นหานชิงยืนรออยู่ที่นั่นพอดี
ขณะที่เห็นหานชิงอยู่ไกล ๆ ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวก็หยุดชะงักลงเล็กน้อย แล้วจึงเดินไปที่ด้านหน้าของเขา
“นาย……หาน”
“กลับมาแล้วหรอ?” หานชิงยิ้มและมองไปที่เธออย่างอ่อนโยน เอามือเอื้อมเพื่อที่จะไปลูบหัวของเธอโดยอัตโนมัติ เสิ่นเฉียวสะดุ้ง ในขณะที่สมองของเธอนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างกายก็ทำหน้าที่หลีกเลี่ยงการสัมผัสจากหานชิงแทนก่อนแล้ว
หานชิงหยุดนิ่งอยู่ที่กลางอากาศ หลังจากนั้นเขาเก็บมันกลับมา และยิ้มขึ้นโดยไม่ใส่ใจกับเรื่องเมื่อสักครู่